บทที่ 226 สวนกันแค่นิดเดียว
เว่ยชีถามวนไปหมดแล้ว ไม่มีใครเห็นเย้นหว่านเลย และเย้นหว่านก็ไม่ได้อยู่ห้องใครทั้งนั้น
โห้หลีเฉินขมวดคิ้วหนักขึ้น เย้นหว่านไม่อยู่ในโรงแรม แล้วไปไหน?
“บอสครับ คุณเย้นอาจจะออกไปเดินเล่นก็ได้” เขาพูดอย่างระมัดระวัง
โห้หลีเฉินยืนอยู่หน้าประตูโรงแรม เขายืนรับลมหนาวระลอกแล้วระลอกเล่า คิ้วยิ่งขมวดหนักขึ้น
ที่นี่ตอนกลางคืนหนาวมาก เธอใส่เสื้อผ้าบางด้วย อากาศอย่างนี้เนี่ยนะจะออกไปเดินเล่นข้างนอก? ต้องเป็นหวัดแน่ๆ
“รีบสั่งคนที่อยู่เมืองเจียงออกตามหาเย้นหว่านให้หมดทั่วบริเวณโรงแรม หาเจอแล้วรีบรายงานฉันทันที”
พอสั่งการลงไป โห้หลีเฉินก็รีบก้าวเท้าไปข้างนอก
เว่ยชีรีบเอ่ยทัก “บอสจะไปไหนครับ?”
“ไปหาเธอ”
เขาพูดทิ้งท้ายสั้นๆ และก้าวเท้าออกไป
โรงแรมตั้งอยู่ในย่านคนพลุกพล่านของเมืองเจียง ออกไปข้างหน้าก็เป็นถนนเลย โห้หลีเฉินได้แต่ตามหาโดยคาดเดาว่าเป็นทางที่เย้นหว่านน่าจะไป
ตอนอยู่ที่เมืองหนาน เย้นหว่านชอบไปเดินเล่นที่ที่สว่างแต่คนน้อย และที่หน้าประตูโรงแรม ก็มีสวนสาธารณะเลียบแม่น้ำที่ดูเข้ากับเงื่อนไขนี้
โห้หลีเฉินก้าวเท้ายาวเดินไปตามทางนั้น
เย้นหว่านเดินมาตามทางนี้จริงๆ เธอไม่รู้เลยว่าเดินไปนานแค่ไหนแล้ว พอเหลือบตาขึ้นมาก็เห็นสวนสาธารณะเลียบแม่น้ำข้างหน้า
ถึงจะดึกแล้ว แต่ยังมีคนไม่น้อยมาเดินเล่น เรียกได้ว่าคึกคักพอดู
แต่สารรูปเธอในตอนนี้แย่มาก แถมยังคลุมเสื้อนอกผู้ชายไว้อีก ไปในที่คนพลุกพล่านมันดูไม่เหมาะสมนัก
เย้นหว่านยิ่งเซ็งหนักขึ้น หมุนตัวกะเดินไปอีกทาง
พอเธอหมุนตัวกลับก็เจอ ฉูรั่วไป๋
ฉูรั่วไป๋ยืนอยู่หน้าเธอ ร่างสูงโปร่งนั่นบังทางเธอมิด
เย้นหว่านสงสัย “คุณฉู?”
“ดึกมากแล้ว คุณอยากไปไหนอีกหรอ?”
ฉูรั่วไป๋มองเย้นหว่านตรงๆ สายตาทอประกายเป็นห่วงอย่างปิดไม่มิด
เย้นหว่านอึ้งที่โดนถาม เธอยังอยากไปไหนอีก? เธอก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะไปไหนได้
เมืองเจียงใหญ่ขนาดนี้ แต่กลับไม่มีที่ให้เธอไปได้เลย
“เย้นหว่าน ถ้าคุณไม่อยากกลับไป ผมพาคุณไปพักโรงแรมอื่นได้นะ”
ฉูรั่วไป๋ไม่ได้พูดอย่างอื่น แต่ให้ทางเลือกกับเธอ
เย้นหว่านยังสับสนอยู่ เลยตอบไปไม่ได้คิดว่า “ฉันไม่ได้เอาบัตรประชาชนมาด้วย”
“ผมช่วยเปิดห้องให้คุณได้นะ”
ฉูรั่วไป๋พูดสบายๆ พลางยิ้ม “ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่ใช้บัตรผมเปิดห้องนี่นา”
เย้นหว่านอึ้งและเริ่มคล้อยตาม
ตอนนี้เธอแย่แบบนี้ ฉูรั่วไป๋ไม่เพียงไม่ถามอะไร แต่ยังรู้ว่าเธอไม่ได้พกบัตรมาด้วย และคิดจะช่วยเปิดห้องให้
เธอซาบซึ้งใจมาก แต่อดมองเขาอย่างขอโทษไม่ได้ “คุณฉู ขอโทษที่รบกวนนะคะ”
คืนนี้เธอไม่อยากกลับไปห้องที่มีโห้หลีเฉินอยู่ เลยได้แต่รับความช่วยเหลือจากฉูรั่วไป๋แล้วล่ะ
“ผมควรทำครับ”
ฉูรั่วไป๋ยิ้มอย่างสุภาพบุรุษ ก่อนกวักมือเรียกรถแท็กซี่
ทางด้านโห้หลีเฉินเดินไวมาก เดินมาถึงฝั่งตรงข้ามพอดี
เขาขมวดคิ้ว มองไปรอบด้าน เขาไม่ละสายตาจากเงาร่างทุกร่างที่เดินผ่านไปมาเลย
แต่ก็ไม่เห็นเย้นหว่านอยู่ดี
เธอไปไหนกันแน่นะ?
ยิ่งหาเธอไม่เจอ เขายิ่งเป็นกังวล และโทษตัวเองที่สูญเสียการควบคุม ทำเรื่องแบบนั้นกับเธอลงไป
เลยทำให้เธอวิ่งออกมาคนเดียว
“หาเจอหรือยัง?”
โห้หลีเฉินเดินหน้าบึ้ง ถามข่าวคราวจากหูฟัง
ปลายสาย เว่ยชีรีบตอบ “ให้คนไปตามหาแล้วครับ และกำลังเช็คกล้องวงจรปิดพื้นที่รอบโรงแรมด้วย ไม่นานต้องเจอคุณเย้นแน่ครับ”
“อืม”
โห้หลีเฉินรับคำเสียงต่ำ เหลือบตามองไปข้างหน้า
เขาเห็นแค่มีรถแท็กซี่จอดอยู่คันหนึ่ง เหมือนมีคนกำลังขึ้นรถ
เขาปรายตามองนิดเดียว ก็หันไปมองทางแม่น้ำ
ในสวนสาธารณะ แค่ริมขอบก็เห็นแล้วว่ามีคนอยู่เยอะมาก
ในสวนดูคึกคัก และมีที่นั่งพักมากมาย บางทีเย้นหว่านอาจจะเข้าไปนั่งพักก็ได้
พอคิดแบบนี้ โห้หลีเฉินก็เพิ่มความเร็ว เดินเข้าไปข้างใน
เขาเดินข้ามถนน ผ่านทางด้านหลังรถแท็กซี่ และตอนนี้ประตูด้านหลังของรถก็ปิดพอดี
คนขับรถขับเคลื่อนรถออกไป
ในขณะเดียวกัน โห้หลีเฉินก็เดินข้ามไปเข้าในสวนสาธารณะ
เย้นหว่านนั่งอยู่บนรถ มองนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ในใจสับสนไปหมด ระหว่างนั้นเธอเผลอมองไปที่เงาร่างหนึ่งเหมือนโห้หลีเฉินมากในสวนสาธารณะ
สูงใหญ่ ออร่าชัดมาก
เธอใจกระตุกเฮือก กำลังจะมองให้ชัดๆ แต่รถก็ขับไปอย่างเร็ว ทำให้ร่างนั้นห่างเธอไปเรื่อยๆ จนไม่เห็นในที่สุด
“คุณมองอะไรอยู่หรอ?”
ฉูรั่วไป๋มองไปนอกหน้าต่างอย่างแปลกใจ
เย้นหว่านดึงสายตากลับมาพลางส่ายหน้า “ไม่มีอะไร”
เธอคงตาฝาดไปแน่ๆ โห้หลีเฉินจะมาที่นี่ได้ไง
พอถึงโรงแรม ฉูรั่วไป๋ไปเปิดห้อง เย้นหว่านเดินตามเขาขึ้นไปในห้อง
ฉูรั่วไป๋เดินเข้ามาเสียบการ์ดเปิดไฟ เขามองดูในห้อง และเช็คว่ากลอนประตูปลอดภัยดีไหม
พอแน่ใจว่าแน่นหนาพอ เขายังคงพูดอย่างไม่วางใจว่า:
“คุณอยู่ที่นี่คนเดียวผมไม่วางใจ ผมเปิดห้องข้างๆด้วยดีกว่า”
“ไม่ต้องหรอก คฤหาสน์คุณอยู่ไม่ห่างจากที่นี่มาก จะมาอยู่ที่นี่ทำไม แถมที่นี่เป็นโรงแรมระดับห้าดาวนะ ยามก็มีตั้งหลายคน ปลอดภัยอยู่แล้ว”
เย้นหว่านรีบปฏิเสธ เธอรบกวนฉูรั่วไป๋มามากแล้ว ไม่กล้ารบกวนเขาอีก
เห็นเย้นหว่านปฏิเสธหนักแน่น ฉูรั่วไป๋ก็ไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก
คืนนี้อารมณ์เธอไม่คงที่นัก เขาไม่อยากเพิ่มปัญหาให้เธอคิดมากขึ้นอีก
ฉูรั่วไป๋ยิ้มอย่างเข้าใจ “งั้นก็ดี ถ้ามีอะไรหรือต้องการอะไร รีบโทรหาผมทันทีนะ ผมขับรถมา ห้านาทีก็ถึง”
“โอเค”
เย้นหว่านพยักหน้ารับปาก และไม่ได้บอกฉูรั่วไป๋ว่าเธอไม่ได้เอามือถือมาด้วย
ฉูรั่วไป๋ยังกำชับต่ออีกสองสามคำ ก่อนกลับไปอย่างจำยอม
เดิมเขาคิดจะอยู่เป็นเพื่อนเธอมากกว่านี้ แต่เห็นเธออารมณ์หดหู่ ไม่อยากพูดอะไร เวลานี้สิ่งที่เธอต้องการมากกว่าคือเวลาส่วนตัว
พอส่งฉูรั่วไป๋แล้ว เย้นหว่านนอนลงบนเตียงอย่างหมดแรง
เธอมองเพดานแปลกตา ในใจเธอสับสนไปหมด สมองอดคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับโห้หลีเฉินไม่นานก่อนหน้านี้
สัมผัสของเขา ลมหายใจของเขา การรุกรานของเขา มันห้อมล้อมเธอไว้ตลอดเวลาเหมือนยังอยู่ข้างกาย
และเธอ..
ไม่ใช่รังเกียจ อย่างมากคือสับสน และหวาดกลัว
เธอกลัวว่าจะมีสัมพันธ์กับเขาจริงๆ กลัวว่าจะแยกกับเขาไม่ได้อีก กลัวว่าจะเกิดความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้กับเขา
“เพี้ยะเพี้ยะ”
เธอตบหน้าตัวเองเรียกสติ และไล่ความคิดสะเปะสะปะพวกนั้นออกไป
การที่เธออยู่ข้างกายโห้หลีเฉินนี่มันอันตรายมากเกินไปแล้ว
ต่อไปเธอต้องรักษาระยะห่างกับโห้หลีเฉินเอาไว้!