สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน – ตอนที่ 233 จู่ๆก็ขี้ขลาดขึ้นมา

บทที่ 233 จู่ๆก็ขี้ขลาดขึ้นมา

เนื่องด้วยการมาถึงอย่างกะทันหันของโห้หลีเฉิน ทำให้ห้องประชุมที่เดิมทีเสียงดังอึกทึก เงียบสงบลงในทันที

ทุกคนต่างก็มองไปที่โห้หลีเฉินอย่างตื่นตกใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ละคนค่อยๆลุกขึ้นยืนตัวตรงกันทีละคนๆ

แต่โห้หลีเฉินกลับไม่ได้มองไปที่คนอื่นเลยสักครั้ง สายตาที่เย็นยะเยือกจ้องตรงไปทางเย้นหว่าน

มองดูเธอที่นั่งอยู่กับฉูรั่วไป๋ แถมยังตัวชิดกันขนาดนั้น ดูสนิทสนมจนแทบจะกอดกันเป็นก้อนอยู่แล้ว

และบรรยากาศที่เข้าขากันของพวกเขา ยิ่งเหมือนเปลวเพลิงบนคราบน้ำมัน ทำให้ไฟที่อัดแน่นกันอยู่ในอกของเขา ลุกโชนขึ้นมาในชั่วพริบตา

ที่เย้นหว่านต่อต้านเขาขนาดนี้ สาเหตุเป็นเพราะฉูรั่วไป๋อย่างนั้นเหรอ?

กับผู้ชายที่พึ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่วัน ก็ทำให้เธอติดอกติดใจได้แล้วเหรอ

เย้นหว่านกำลังตั้งใจดูบทวิเคราะห์และเอกสาร จากนั้นก็สัมผัสได้ว่ารอบตัวเริ่มเงียบลงอย่างน่าประหลาด แถมยังมีไอเย็นยะเยือกที่ดูเหมือนจะเป็นอันตรายต่อตัวเธอ

เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นผู้ชายตัวสูงที่ยืนอยู่หน้าประตูเข้าโดยบังเอิญ

แสงที่นุ่มนวลนอกหน้าต่างตกกระทบบนตัวเขา ทำให้เขายิ่งดูสะดุดตาและหล่อเหลามากขึ้น แต่ความเย็นชารอบตัวกลับชัดเจนมากขึ้น ราวกับรอบตัวถูกปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็ง และกำลังเดินเข้ามาหาเธอทีละก้าว

เย้นหว่านรู้สึกถึงความเย็นที่ค่อยๆคืบคลานขึ้นมาจากปลายเท้า ทำให้ทั่วทั้งร่างเกร็งขึ้นโดยสัญชาตญาณ

เมื่อเห็นว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเย้นหว่านจางไปในพริบตา สีหน้าของโห้หลีเฉินก็ยิ่งย่ำแย่เข้าไปอีก ไฟที่อัดอั้นอยู่เต็มอกแทบจะระเบิดออกมาเต็มทีแล้ว

ต่อหน้าฉูรั่วไป๋ เธอยิ้มออกมาได้อย่างสดใสเสียขนาดนั้น แต่พออยู่ต่อหน้าเขา เธอกลับยิ้มไม่ออก

ความหึงหวงที่ไม่เคยเกิดขึ้นเกือบจะกลืนกินความมีเหตุผลของโห้หลีเฉินไปแล้ว

สีหน้าของเขาย่ำแย่ถึงขีดสุด ก้าวเท้ารวดเร็วราวกับดาวหางพุ่งเข้าไปตรงหน้าเย้นหว่าน

สายตาที่แหลมคมจ้องตรงไปที่เธอ มืดมนราวกับกำลังมีเพลิงมืดที่ลุกโชนอยู่ และพร้อมจะเผาเธอให้มอดไหม้ได้ตลอดเวลา

ลมหายใจที่ดุดันของชายหนุ่มกระทบลงบนใบหน้า ห่อหุ้มประสาทสัมผัสของเย้นหว่าน ทำให้ในหัวเธอฉายภาพฉากต่างๆของเมื่อคืนขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้

ความดุร้ายแบบเดียวกัน และความอันตรายแบบเดียวกัน

ราวกับว่าเขากำลังจะกลืนกินเธอทั้งเป็น

สายที่เคร่งตึงในใจของเย้นหว่านแทบจะขาดหลุดลุ่ยอยู่เต็มที เธอลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว และอยากจะเดินออกไปอย่างร้อนรน เพื่อเว้นระยะห่างกับเขา

แต่แค่เธอเริ่มขยับ โห้หลีเฉินก็จับข้อมือเธอเอาไว้แล้ว

ฝ่ามือของเขาร้อนมาก แต่ความร้อนที่ไหลผ่านผิวหนังของเย้นหว่านเข้ามา กลับทำให้เธอรู้สึกหนาวจับใจ

เสียงของโห้หลีเฉินทุ้มต่ำมาก “เธอคิดจะไปไหน”

เย้นหว่านตัวแข็งทื่อไปทันที สีหน้าก็ซีดเผือด

คิดจะไปไหนอีก ? เมื่อคืนเธอก็หนีไปแล้ว แล้วตอนนี้เขามาเพื่อจับตัวเธองั้นเหรอ

ฉูรั่วไป๋เองก็ลุกขึ้นตาม ยืนมือออกไปจับข้อมือของโห้หลีเฉินไว้ บนใบหน้ามีรอยยิ้มบาง แต่ท่าทีที่แสดงออกมากลับแข็งกร้าวเป็นอย่างมาก

“คุณโห้ ปล่อยก่อนแล้วค่อยคุยกันเถอะครับ”

มือดูมือที่อยู่บนข้อมือ โห้หลีเฉินก็ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ

เขาสะบัดแขนอย่างแรงเพื่อสลัดมือของฉูรั่วไป๋ให้หลุดออก สายตาที่เย็นเยียบเสียดแทงราวกับสว่านพุ่งไปที่ฉูรั่วไป๋

“เรื่องของฉัน ยังไม่ถึงตานายที่จะเข้ามาแทรกแซง”

หยิ่ง ยโส และคุกคามอย่างไม่ปิดบัง

ถึงฉูรั่วไป๋จะมีชื่อเสียงและอำนาจขนาดไหน แต่ยังไงก็เป็นแค่นักออกแบบชื่อดังที่พึ่งตั้งตัวขึ้นมาได้เท่านั้น แม้จะกำลังเติบโตไปได้ด้วยดี แม้จะมีฐานะร่ำรวย แต่เมื่อเทียบกับโห้หลีเฉินแล้ว ภูมิหลังของเขาก็ยังด้อยกว่าไปก้าวหนึ่งอยู่ดี

ถ้าโห้หลีเฉินจะลงมือกับเขา แม้กระทั่งการทำให้เขาไปจากวงการนี้เลยก็ยังทำได้

ถ้าหากเป็นคนฉลาด ในเวลาแบบนี้ก็คงไม่กล้าแม้แต่จะมีปากเสียงกับโห้หลีเฉิน เพราะนั่นก็เหมือนเป็นการเอาอนาคตของตัวเองมาล้อเล่น

ผู้คนรอบข้างต่างก็ปาดเหงื่อตามๆกัน ตื่นเต้นกันแทบตาย คิดว่าฉูรั่วไป๋จะล่าถอย และไม่ไปยั่วเทพสังหารองค์นี้อีก

แต่กลับคาดไม่ถึงว่า ฉูรั่วไป๋จะเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า แล้วจ้องโห้หลีเฉินตรงๆ ท่าทางไร้ความเกรงกลัวใดๆทั้งสิ้น

แถมยังเต็มไปด้วยความยั่วยุ

“เย้นหว่านเป็นเพื่อนของผม เรื่องของเธอผมก็มีสิทธิ์เกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นใคร ขอแค่มารังแกเธอ ผมก็ไม่อนุญาตทั้งนั้น”

ขณะที่พูด ฉูรั่วไป๋ก็เดินหน้าเข้าไปหนึ่งก้าว ร่างกายที่สูงใหญ่ยืนอยู่ด้านหน้าเย้นหว่าน ราวกับภูเขาลูกหนึ่งที่บังเธอที่อยู่ด้านหลังเอาไว้

นี่คือท่าทางของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังปกป้องผู้หญิงคนหนึ่ง

ดูแล้วช่างเสียดแทงสายตาเหลือเกิน

ไฟในทรวงอกของโห้หลีเฉินลุกโชนจนถึงขีดสุด เขาเม้มริมฝีปากบาง รอบตัวเริ่มมีกลิ่นอายของความอันตรายชัดเจนขึ้นมาแล้ว

เขาพูดชัดทีละคำ ราวกับคำพูดของราชาแห่งฮาเดส “อีกสามชั่วโมงต่อจากนี้ ชื่อฉูรั่วไป๋ จะกลายเป็นแค่อดีต”

เมื่อคำพูดนี้ออกไปแล้วทั่วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความโกลาหล

มีคนที่เผลอตัวหลุดอุทานออกมาเสียงเบา “คุณโห้จะกำจัดฉูรั่วไป๋แล้ว”

คนที่ถูกโห้หลีเฉินกำจัด ชาตินี้ทั้งชาติก็คงไม่อาจลืมตาอ้าปากได้อีก เท่ากับชีวิตพังทลายไปเลย

ฉูรั่วไป๋สายตาสั่นเครือเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าโห้หลีเฉินจะเหี้ยมโหดขนาดนี้ สำหรับเขาแล้วนี่เป็นดั่งสายฟ้าที่ฟาดลงมายามฟ้าแจ้งเลย

แต่ร่างกายที่สูงใหญ่ของเขากลับยังยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าของเย้นหว่านไม่ไหวติง ทั้งดื้อดึงและไม่คิดจะล่าถอยเลยแม้แต่น้อย

แต่กลับเป็นเย้นหว่านที่นิ่งเฉยต่อไปไม่ไหวแล้ว

เธอไม่ใช่คนโง่ และก็รู้ด้วยว่าที่โห้หลีเฉินทำแบบนี้กับฉูรั่วไป๋ก็เพราะตัวเธอ

“เรื่องมันไม่เกี่ยวข้องกับคุณฉู”

เย้นหว่านเอ่ยปาก แล้วดันฉูรั่วไป๋ออกไปด้านข้าง

เธอเกร็งไปทั้งตัว จ้องไปที่โห้หลีเฉินตรงๆ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน มีทั้งหวาดกลัว ต่อต้น และพยายามเข้มแข็ง

“นี่เป็นเรื่องระหว่างพวกเรา คุณไม่จำเป็นต้องดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยว พูดมาเถอะ ว่าคุณยังอยากจะทำอะไรอีก”

สายตาของเธอ ยังคงเป็นเช่นเดิมเหมือนกับเมื่อคืน

ทั้งเต็มไปด้วยความรู้สึกต่อต้านเขา และมีแม้กระทั่งความหวาดกลัว

หัวใจของโห้หลีเฉินราวกับถูกทุบเข้าอย่างแรง ทั้งไฟ และความโกรธที่อัดแน่นเต็มอก ต่างก็มลายหายไปภายในพริบตาและแปรเปลี่ยนไปเป็นความกังวลใจเข้ามาแทนที่

เขาทำให้เธอกลัวเข้าแล้ว

เขาแค่อยากมาหาเธอ ไม่ได้อยากมาทำให้เธอเกลียด

โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากบาง มือที่จับข้อมือของเย้นหว่านคลายลงเล็กน้อย เสียงที่ออกมาก็เบามาก “ฉันมาเพื่อประชุมเท่านั้น”

“อะไรนะ ?”

เย้นหว่านนิ่งอึ้งด้วยความมึนงง แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

ผู้คนที่ยืนอยู่รอบๆต่างก็ตกตะลึงเหมือนนกโง่กันไปตามๆกัน ต่างก็กำลังสงสัยว่าตัวเองเห็นภาพหลอนอยู่หรือเปล่า

คุณโห้ที่วินาทีก่อนหน้านี้ยังร้อนเป็นไฟอยู่ ดูยังไงก็เหมือนจะมาเพื่อหาเรื่อง และท่าทีแข็งกร้าวต่อฉูรั่วไป๋ก็ไม่มีไว้หน้ากันเลย พวกเขาคิดว่าคนที่จะซวยเป็นรายต่อไปก็คงเป็นเย้นหว่าน แต่กลับคิดไม่ถึงว่า…….

จู่ๆคุณโห้ก็หายโกรธเป็นปลิดทิ้งแบบนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

โห้หลีเฉินไม่ได้ใส่ใจสายตาของคนรอบข้างแม้แต่น้อย สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เย้นหว่าน แววตาลึกซึ้ง ราวกับมีคำพูดเป็นพันเป็นหมื่นคำที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ย

ไฟโกรธที่อยู่ในตัวเขา พออยู่ต่อหน้าเธอแล้ว กลับแสดงออกมาไม่ได้เลยสักนิด

อีกอย่าง เมื่อคืนเป็นเขาเองที่ทำให้เธอกลัว เขาไม่อยากจะทำให้เธอกลัวเขาอีก และยิ่งไม่อยากเห็นเธอทำท่าทางปฏิเสธเขา

“นั่งเถอะ”

โห้หลีเฉินนั่งลงตรงที่นั่งข้างเย้นหว่าน ท่วงท่าสง่างามและมีระดับ ราวกับเมื่อกี้ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

เย้นหว่านยังยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น รู้สึกแค่ว่าสมองตัวเองยังหมุนไม่ทัน

เธอไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าโห้หลีเฉินกำลังคิดอะไรอยู่

แต่ว่า ฉูรั่วไป๋เองก็คงไม่เป็นไรแล้วมั้ง ?

เย้นหว่านหันไปมองฉูรั่วไป๋ แล้วหันไปมองโห้หลีเฉินที่นั่งลงแล้ว และกำลังเตรียมจะหาที่นั่งใหม่

หลังจากเรื่องเมื่อคืน เธอก็ไม่อยากจะเข้าใกล้โห้หลีเฉินอีกแล้ว

เธอกำลังคิดอยากจะเดินไป แต่มือของโห้หลีเฉินที่จับข้อมือเธออยู่ก็ออกแรงดึงกะทันหัน เย้นหว่านไม่ทันระวังตัว ก็เลยนั่งลงบนเก้าอี้ทันที

ด้านข้าง โห้หลีเฉินขยับเข้ามาใกล้มากกว่าเดิมเล็กน้อย แล้วใช้เสียงที่ได้ยินกันแค่สองคนพูดขึ้น

“นั่งข้างๆฉันซะ”

“ไม่……”

“ทำไม คนเยอะขนาดนี้ ยังกลัวว่าฉันจะทำอะไรเธออีกเหรอ”

เสียงที่ค่อยๆสูงขึ้น แฝงด้วยแววเยาะเย้ยที่แสนอันตราย

ทั่วทั้งร่างของเย้นหว่านแข็งทื่อ นี่เขากำลังข่มขู่เธออยู่ชัดๆ

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

“คุณผู้หญิง ผมจะไม่แต่งงานกับคุณ” นี้คือประโยคแรกที่เขาพูดกับเธอ เธอรู้ชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นยังไง แกล้งทำเป็นคู่หมั้นของเขาอย่างเชื่อฟัง แต่ในหนึ่งวัน เธอโดนเขาจับขึ้นเตียงและลูบไล้ เธอตกใจ “คุณโห้ คุณเคยบอกแล้วว่า เราเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางสัญญา” “ผมยกเลิกแล้ว” เขาได้รู้แล้วว่า เธอเป็นผู้หญิงที่เขาตามหามานาน เขาจะปล่อยมือไปได้ยังไง? “เพื่อเป็นการชดเชย ผมเป็นของคุณแล้ว”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset