บทที่ 235 ครอบครอง หรือว่ารัก
ผู้ชมรอบข้างทุกคนต่างก็ตกตะลึงอยู่ในขณะนี้ แต่ละคนอ้าปากค้าง จนคางแทบจะตกไปอยู่ที่พื้นอยู่แล้ว
ต่างก็เคยได้ยินมาตั้งนานแล้วว่าโห้หลีเฉินหวงเย้นหว่านมาก แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ท่านประธานใหญ่ของพวกเขา จะหวงถึงขั้นนี้
จะมีผู้ชายสักกี่คนกัน ที่จะใช้ปากล้างแผลให้แฟนสาว โดยไม่สนใจอะไรเลยแบบนี้ได้
และคนที่สูงส่งอย่างโห้หลีเฉิน กลับทำมันได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ได้คิดมากอะไรเลย
ราวกับว่าสำหรับผู้ชายคนนี้แล้ว นอกจากเย้นหว่าน อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรสำคัญอีกแล้ว
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง โห้หลีเฉินก็ปล่อยมือของเย้นหว่าน นิ้วของเธอก็ถูกเขาทำความสะอาดอย่างหมดจด
ส่วนบนริมฝีปากบางอันงดงามของเขา ก็ยังคงมีคราบเลือดเปื้อนอยู่ ราวกับดอกไม้ปีศาจที่เบ่งบาน ทำให้ริมฝีปากบาง ๆ นั้นดูเซ็กซี่และน่าดึงดูดเป็นอย่างยิ่ง
โห้หลีเฉินไม่ได้สนใจคราบเลือดบนริมฝีปากนั่นเลย ในสายตามีเพียงแผลของเย้นหว่านที่ได้รับบาดเจ็บ
เขาขมวดคิ้ว แล้วหยิบเอากล่องเล็กๆที่ดูสวยหรูออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทอย่างรวดเร็ว เมื่อเปิดออกกลับพบว่าด้านในมีปลาสเตอร์ปิดแผลอยู่หลายแผ่น
เขาฉีกปลาสเตอร์ปิดแผล แล้วปิดลงบนปากแผลของเย้นหว่านอย่างชำนาญ
ทุกคนต่างก็ตะลึงกันจนตาค้าง “ทำไมบนตัวคุณโห้ถึงได้มีปลาสเตอร์ปิดแผล”
คนส่วนใหญ่คงไม่มีใครพกของแบบนี้กันหรอกใช่ไหม
เย้นหว่านเองก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน และจ้องโห้หลีเฉินด้วยความไม่เข้าใจ
ปลาสเตอร์ปิดแผล ของแบบนี้ ดูไม่เหมือนของที่เขาจะพกติดตัวตลอดเวลาได้เลย หรือว่า…..
เย้นหว่านรู้สึกคับแน่นในใจขึ้นมา แล้วเอ่ยถามออกมาโดยที่ยังไม่ทันคิด “คุณบาดเจ็บเหรอ ?”
โห้หลีเฉินหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ตรงหัวคิ้วเริ่มมีความอ่อนโยนฉายออกมา
เขาเงยหน้าขึ้นมามองเย้นหว่าน “เธอกำลังเป็นห่วงฉันเหรอ”
“ฉัน… ฉันก็แค่ถามไปเรื่อยเปื่อย”
เย้นหว่านตอบกลับไปอย่างอ้อมแอ้ม และหลบสายตาของเขาอย่างลุกลี้ลุกลน
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากบาง แล้วปิดปลาสเตอร์อย่างระมัดระวัง ก่อนจะตอบออกไปอย่างไม่รีบร้อน
“ก็เธอมักจะบาดเจ็บเพราะไม่ระวังตัว”
เย้นหว่านนิ่งอึ้งไป
ความหมายของคำพูดนี้ก็คือ การที่เขาพกปลาสเตอร์ปิดแผลติดตัวตลอดเวลา ที่แท้ก็เพื่อเธออย่างนั้นเหรอ ?
มองดูการเคลื่อนไหวที่ดูชำนาญของชายหนุ่ม หัวใจของเย้นหว่านก็เต้นเร็วอย่างควบคุมไม่อยู่ ราวกับว่ามันกำลังจะหลุดออกมาจากอกของเธอ
เหตุผลที่ทำให้เขาชำนาญในการดูแลบาดแผล ก็เพราะว่าเมื่อก่อนเธอเคยบาดเจ็บ และเขาก็ตั้งใจเรียนรู้มัน เพื่อที่จะได้ดูแลเธอ
และตอนนี้ ที่เขาพกปลาสเตอร์ปิดแผลติดตัวไว้ตลอดเวลาแบบนี้ ก็เพราะเพื่อเธอ……
เมื่อมาลองคิดดูดีๆแล้ว สิ่งที่โห้หลีเฉินทุ่มเทให้เธอ ก็พูดไม่ได้ว่าไม่มาก และพูดไม่ได้เลยว่าไม่ใส่ใจ
ทำไมเขาต้องดีกับเธอขนาดนี้……
เหตุผลดูเหมือนจะชัดเจนอยู่แล้ว โดยไม่ต้องเอ่ยออกมาเลย
หัวใจของเย้นหว่านราวกับถูกไฟลน ไม่กล้าที่จะคิดมากไปกว่านี้ เลยรีบถอนมือออกมาจากมือของโห้หลีเฉินทันที
ดวงตาของเธอสั่นระริก เห็นเขาขยับปาก แต่กลับไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ
หัวใจ ว้าวุ่นมาก
เธอเม้มปาก และหันหน้าวิ่งออกไปข้างนอกทันที
เย้นหว่านไม่กล้าแม้แต่จะหยุด วิ่งตลอดทางกลับไปยังห้องที่เมื่อก่อนเคยอยู่กับโห้หลีเฉิน
มองดูห้องที่คุ้นเคย ใจเธอก็เริ่มเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง
ฉากที่เคยอยู่ด้วยกันในห้องนี้กับโห้หลีเฉินฉายแวบเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ ภาพที่ใกล้ชิดและคลุ่มเครือเหล่านั้น ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ก็ดูราวกับเป็นคนรักกันเลย
โห้หลีเฉินดีกับเธอมากจริงๆ……
ไม่
ไม่ใช่แบบนั้น
ระหว่างเธอกับโห้หลีเฉินไม่มีทางเป็นไปได้หรอก
เย้นหว่านบังคับตัวเองให้เลิกคิดถึงมัน เมื่อคืนเธอได้ตัดสินใจไปแล้ว ว่าต่อไปนี้จะรักษาระยะห่างกับโห้หลีเฉิน ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตการพิจารณาของเธออีกแล้ว
พอกลับไปที่เมืองเฉิงหนาน เธอก็จะถอนหมั้นกับเขา จากนั้นทั้งสองคนก็ลากเส้นแบ่งเขตกัน และจะไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป
ทุกอย่างในหลายเดือนที่ผ่านมา มันก็แค่ความฝันฉากหนึ่งเท่านั้น
เย้นหว่านเริ่มตั้งสติใหม่อีกครั้ง มองไปรอบๆห้องทีหนึ่ง ก่อนจะลากเอากระเป๋าเดินทางของตัวเองออกมา แล้วเริ่มเก็บของ
ตอนที่เธอมาก็ไม่ได้เอากระเป๋าเดินทางมาด้วย ตอนนี้เลยมีของให้เก็บน้อยมาก ทำให้เก็บเสร็จอย่างรวดเร็ว
เธอไม่ได้อยู่นานกว่านี้ ลากกระเป๋าเดินทางแล้วเดินออกจากห้องไปข้างนอกทันที
“แกร่ก”
เสียงดังขึ้น ประตูห้องถูกเปิดออกจากด้านนอก แล้วโห้หลีเฉินก็เดินเข้ามา
สายตาอันลุ่มลึกของเขากวาดผ่านตัวของเย้นหว่าน ตอนที่ไปหยุดอยู่ที่กระเป๋าเดินทาง สายตาก็มืดมนอีกครั้ง
เขาก้าวเท้ายาวๆไปทางเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำและทรงพลัง
“เธอจะย้ายออกเหรอ”
“อืม”
เย้นหว่านพยายามตอบกลับอย่างสงบนิ่ง แต่นิ้วกลับบีบราวจับของกระเป๋าเดินทางไว้แน่น และเกร็งไปทั้งตัว
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าทั้งที่ใช้เวลาเก็บของรวดเร็วขนาดนี้ แต่ยังจะเจอกับโห้หลีเฉินที่กลับมาอีก
เธอขยับตัวหลบไปด้านข้างเล็กน้อย เย้นหว่านเพิ่มระยะห่างกับเขาขึ้นอีกหน่อย สายตาเต็มไปด้วยแววป้องกันตัว “คุณโห้ ฉันขอตัวก่อน”
เมื่อพูดจบ ก็ไม่รอให้โห้หลีเฉินตอบกลับมา เย้นหว่านลากกระเป๋าเดินทางเดิมอ้อมโห้หลีเฉินและกำลังจะเดินออกไป
ท่าทางของเธอเด็ดเดี่ยวจนทิ่มแทงใจ
โห้หลีเฉินสีหน้าเคร่งขรึม ก้าวเท้ายาวออกไปขวางอยู่ตรงหน้าเย้นหว่าน
“อย่าไป”
เขายื่นมือออกไปหมายจะจับเธอไว้ แต่เย้นหว่านกลับไวเหมือนกระต่าย ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวทันที
สายตาที่มองเขาเต็มไปด้วยความหวาดระแวง และต่อต้าน “กรุณาถอยไป”
มือของโห้หลีเฉินค้างอยู่กลางอากาศ มองดูเย้นหว่านที่ห่างออกไปหลายก้าว แล้วรู้สึกถึงความไร้พลังที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ท่าทางต่อต้านอย่างเด็ดเดี่ยวของเธอ เป็นเหมือนเข็มอันแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจของเขา
เย้นหว่านมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นซีดเผือดเล็กน้อย สีหน้าที่จ้องมองเธอซับซ้อนราวกับวังวน ราวกับว่ามีมือใหญ่ที่มองไม่เห็นกำลังจะดึงดูดเธอให้เข้าไปหา
ทำให้เธอสับสน
ในใจเริ่มมีความรู้สึกสับสนขึ้นมา เย้นหว่านไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อไป รีบลากกระเป๋าเดินทางแล้วเดินออกไปทันที
ครั้งนี้ โห้หลีเฉินกลับไม่ห้ามเธอไว้อีกแล้ว
ในระยะที่ห่างออกไปหนึ่งก้าว เย้นหว่านเดินผ่านตัวของโห้หลีเฉินไป
ในวินาทีที่เดินผ่านเขาออกไป มันเหมือนกับภาพสโลว์โมชั่น ราวกับเธอกำลังก้าวข้ามศตวรรษ แม้แต่การเต้นของหัวใจก็หยุดลงไปด้วย
เธอไม่ได้มองเขา แต่กลับรับรู้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยและมีเสน่ห์บนตัวเขาได้อย่างชัดเจน รับรู้ได้ถึงความรู้สึกโศกเศร้าที่อยู่ในใจเขา
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้ใจของเย้นหว่านรู้สึกอึดอัดอย่างอธิบายไม่ถูก
เธอตื่นตระหนก และต้องการที่จะหนีไปให้เร็วที่สุด
โห้หลีเฉินยืนตัวตรง ร่างที่สูงเหมือนแท่นวัดส่วนสูงเกณฑ์มาตรฐาน ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ไหวติง
ริมฝีปากบางของเขาขยับ และเปล่งเสียงที่เบาแสนเบาออกมา
“ฉันขอโทษ”
คำสามคำที่แสนหนักแน่น ราวกับเครื่องอัดไฮดรอลิก เพียงพริบตาก็ทำให้อากาศภายในห้องถูกบีบอัดจนหายใจได้อย่างยากลำบาก
เท้าของเย้นหว่านแข็งทื่อขึ้นมากะทันหัน นิ่งค้างอยู่กับที่เหมือนท่อนไม้ท่อนหนึ่ง
เธอยืนนิ่งอย่างงุนงง ไม่อยากจะเชื่อคำที่เพิ่งได้ยินเมื่อครู่
ฉันขอโทษ
สามคำนี้หลุดออกมาจากปากของโห้หลีเฉินผู้สูงส่งอย่างไม่คาดคิดมาก่อน
และยังเป็นกับเธออีก…….
โห้หลีเฉินหันกลับมาช้าๆ สายตาทอดมองไปที่เย้นหว่าน
เสียงของเขาทุ้มต่ำมาก จนเหมือนเสียงกระซิบในยามค่ำคืน “เมื่อคืนฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับเธอ ฉันเห็นเธออยู่กับฉูรั่วไป๋ แล้วรู้สึกอึดอัดมาก”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำบางสิ่งบางอย่างโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้
และสิ่งที่ต้องชดใช้ ก็หนักหนามาก
เขาเกือบจะสูญเสียหญิงสาวอันเป็นที่รักไปแล้ว
เย้นหว่านยืนเหม่ออยู่กับที่ รู้สึกตกตะลึงจนแทบจะดึงสติกลับมาไม่ได้
เธอแทบไม่กล้าจะคิด ว่าความรู้สึกที่โห้หลีเฉินมีต่อเธอมันคืออะไรกันแน่
สิ่งที่ชายหนุ่มแสดงต่อหญิงสาวอย่างชัดเจน คืออยากครอบครอง หรือความรักกันแน่……