บทที่ 264 แสดงความรักใคร่อย่างมาก
“ฉัน ฉันไม่ตื่นดี เลยพูดละเมอ คุณอย่าใส่ใจเลย”
สายตาเย้นหว่านระยิบระยับไม่กล้ามองโห้หลีเฉิน อยากตบตนเองให้ตายไปทีหนึ่ง อับอายขายหน้าไปถึงบ้านยายแล้ว
เธอรู้สึกอึดอัด จึงเดินอ้อมผ่านไปทางด้านข้างโห้หลีเฉิน เหมือนเหยียบบนรองเท้าแตะที่ยังทิ้งความอุ่นของฝ่ามือของใครบางคน เดินไปถึงในห้องโถงใหญ่ได้ไม่กี่ก้าวด้วยความสับสน
พอออกห่างเตียงนั้นไกลหน่อย ระดับความอายของเธอเหมือนลดลงมานิดหนึ่ง
มองหญิงสาวที่อยู่ห่างจากตนเองไกล โห้หลีเฉินสายตามืดลง แววตาแฉลบความจำใจผ่านไป
ตอนนี้เธอยังประหม่ากับเขาเกินเหตุอยู่บ้าง
“เวลานัดกินข้าวกับทีน่าใกล้จะถึงแล้ว เธอเตรียมตัวหน่อย พวกเราต้องออกไปกันแล้ว”
เย้นหว่านที่รู้สึกไม่สบายใจถึงมีปฏิกิริยาเข้ามา ที่จริงกลับมาก็เย็นแล้ว ยังนอนหลับไปอีกตื่น นี่ไม่ใช่ตอนกลางคืนไปแล้วเหรอ
“ได้ ฉันจะเตรียมตัวหน่อย เดี๋ยวเข้าไป”
เย้นหว่านรีบเดินไปที่ห้องน้ำ
ในห้องมีกระจกขนาดใหญ่ เธอเดินเข้าไปก็สามารถเห็นทั้งตัวของตนเอง ชั่วขณะหนึ่งก็มองเห็นตนเองที่กระเซอะกระเซิงมาก
หลังจากตื่นนอน ผมยุ่งเหยิงราวกับรังนก สายผูกของชุดราตรีก็พันยุ่งบนตัว
ภาพลักษณ์ช่าง……น่าเวทนาอย่างยิ่ง
“อ่า!”
เย้นหว่านปิดหน้า หน้าแดงเป็นหยดเลือด อยากหาถ้ำเข้าไปมุดอยู่ ไม่อยากเจอใครอีกแล้ว
สภาพผีเมื่อสักครู่ของเธอนี้ถูกโห้หลีเฉินเห็นเข้าแล้ว ขายหน้าระดับที่ยิ่งใหญ่มากเลยล่ะมั้ง
“ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น ท่าทางที่พึ่งตื่นของเธอ ฉันไม่ได้เห็นเป็นครั้งแรกสักหน่อย”
ไม่รู้ว่าโห้หลีเฉินมาที่หน้าประตูห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไรกัน ร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ขอบประตู พูดเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
เย้นหว่านอดนึกถึงภาพตอนที่พักอยู่บ้านเขา ร่วมหมอนนอนเตียงเดียวกับเขาไม่ได้
อับอาย!
ช่างอับอายเหลือเกิน!
เย้นหว่านถลึงตาใส่เขาอย่างไม่ยอมแพ้ “คุณพึ่งตื่นนอน สภาพที่เสื้อผ้าจัดไม่เรียบร้อยฉันก็เคยเห็นเหมือนกัน!”
คำพูดนี้ออกมาจากปาก เย้นหว่านตะลึงค้างก่อน
เธอมองโห้หลีเฉินอย่างงงงวย รู้สึกถึงแก้มของตนเองร้อนจนสามารถต้มไข่ไก่ได้อย่างชัดเจน
บนหน้าหล่อเหลาของโห้หลีเฉินนั้นกลับยกเส้นรัศมีวงกลมที่งดงามหาที่เปรียบไม่ได้ขึ้น
เสียงทุ้มต่ำ เซ็กซี่ขั้นสุด
“อืม ไม่ว่าด้านไหนในชีวิตของฉัน เธอก็เคยเห็นหมดแล้ว”
สูงส่ง ธรรมดา การใช้ชีวิตไม่สนใจภาพลักษณ์ แม้กระทั่งลำบากยากแค้น
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นโห้หลีเฉินที่คนนอกไม่เคยเห็น และไม่อาจจะมองเห็นได้
แต่เธอเหมือนเคยเห็นมาทั้งนั้น
ยิ่งเหมือนจะเป็นเพียงคนเดียวบนโลกนี้
เย้นหว่านหัวใจเต้น ชั่วขณะนั้นสับสนแล้ว
……
การนัดทานข้าวจัดอยู่ในโรงแรม ณ ห้องอาหารระดับสูงที่ชั้นพิเศษ
ปกติแขกของที่นี่ล้วนทยอยมาไม่ขาดสาย ผู้คนหลั่งไหล แต่เพราะถูกงานแฟชั่นเหมาทั้งอาคารใหญ่นี้ไว้ วันนี้ห้องอาหารจึงไม่ได้เปิดกิจการให้คนนอก
เดิมทีอยากจะต้อนรับแขกที่มาร่วมงานแฟชั่น แต่คืนนี้ห้องอาหารที่ใหญ่โตนี้ นอกจากพนักงานแล้ว กลับไม่มีแขกเพิ่มมามาก
และการตกแต่งทั้งห้องอาหารก็ไม่เหมือนกับปกติอย่างมาก
เวลานี้สไตล์ทั้งห้องอาหารล้วนเปลี่ยนมาเป็นการตกแต่งแบบดินเนอร์ใต้แสงเทียน ทุกที่เป็นเทียนทั้งนั้น ดอกไม้สด กลิ่นอโรมาคละคลุ้งเต็มไปในอากาศ บรรยากาศแต่ละที่ล้วนเผยความรักแบบโรแมนติก
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทีน่าที่กำชับคนเฉพาะกาล ตั้งใจตกแต่งขึ้นมา
หล่อนยังใสชุดกระโปรงหางปลาที่เผยรูปร่างชัดเจน เกาะอกคอลึก ทำให้หน้าอกที่อวบอิ่มของหล่อนเผยออกมาครึ่งหนึ่งเลย ทำให้คนคิดอยากจะทำอะไรกับหล่อนอย่างความปรารถนาเต้นออกมา
ทุกอย่างในคืนนี้ คือสิ่งที่หล่อนเตรียมไว้เพื่อโห้หลีเฉินเป็นพิเศษ
โห้หลีเฉินอยากทานข้าวกับหล่อนตามลำพัง หนุ่มโสดสาวโสด ง่ายมากที่จะเกิดประกายไฟสว่างขึ้นมา
ส่วนหล่อนยากที่จะสนใจผู้ชายสักคน ถึงแม้จะมีคู่หมั้นในนามอยู่คนหนึ่ง หล่อนยังมีความมั่นใจ ว่าสามารถแย่งมาได้
อนึ่ง โห้หลีเฉินอยากทานข้าวกับหล่อน ความจริงน่าจะมีความหมายอันนี้ด้วย
หล่อนเพียงต้องพายเรือตามน้ำ
ทีน่ามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม นั่งด้วยท่วงท่าที่สง่างามเซ็กซี่ที่สุด เลือกที่นั่งสะดุดตาที่สุด เข้ามาจากข้างนอก แวบแรกก็สามารถมองเห็นหล่อนได้
ส่วนหล่อนในค่ำคืนนี้ เป็นสาวงามมีเสน่ห์ในสายตาของโห้หลีเฉิน
“ใช่คุณโห้หรือเปล่าครับ? เชิญด้านในเลยครับ”
เสียงของพนักงานลอยมาจากทางหน้าประตู เป็นเสียงรองเท้าหนังก้าวเหยียบบนพื้นตามมา
เป็นโห้หลีเฉินมาแล้ว!
ชั่วขณะนั้นทีน่าตื่นเต้นขึ้นมา ในใจรอคอยอย่างยิ่ง มือข้างหนึ่งของหล่อนท้าวคางไว้ ทำท่วงท่าที่เซ็กซี่ที่สุดออกมา
บนหน้าที่ตั้งใจแต่งหน้ามา ยกรอยยิ้มที่ดูดีที่สุดขึ้น
แต่รอยยิ้มนั้นยังไม่ได้ฉีกไปถึงขั้นสวยที่สุด กลับแข็งค้างอยู่กลางทาง
ทีน่าเบิกดวงตาโต มองคนที่เดินมาอย่างนึกไม่ถึง
เป็นโห้หลีเฉินไม่ผิด แต่ว่าข้างกายเขากลับยับมีเย้นหว่านอีกคน!
เธอกำลังควงแขนของเขาไว้ ยืนอยู่ตำแหน่งข้างกายเขาแนบชิดที่สุด เดินเคียงไหล่เขาเข้ามา!
โห้หลีเฉินมาทานข้าวกับหล่อน ไม่ใช่เขามาคนเดียวเหรอ?
งั้นคืนนี้ที่หล่อนเตรียมการไว้นับว่าเป็นอะไร? ไม่ใช่เรื่องตลกเหรอ!
ทีน่าสมองมึนงง เหมือนเจอฟ้าผ่า ตกตะลึงไม่ได้สติกลับมา
เย้ยหว่านควงโห้หลีเฉินเดินมาในห้องอาหารอย่างประพฤติตัวถูกทำนองคลองธรรม
เธอมองสภาพแวดล้อมรอบด้าน รู้สึกเกินคาดและแปลกใหม่ การตกแต่งในห้องอาหารแห่งนี้ ทำไมถึงโรแมนติกขนาดนี้กัน?
ถ้าไม่ใช่มองเห็นทีน่าเข้า เธอยังคิดว่าที่นี่เป็นสถานที่ขอแต่งงานเสียอีก
“ผู้อำนวยการทีน่า สวัสดีค่ะ”
พอเดินเข้าไป เย้นหว่านก็พูดทักทายอย่างสุภาพก่อน
ทีน่าได้ยินเสียง ถึงได้สติกลับมา
ถึงแม้จะไม่ยอมรับอย่างไร หล่อนก็ต้องยอมรับ ความจริงที่ว่าโห้หลีเฉินพาเย้นหว่านมาแล้ว
ในใจทีน่าแค้นเคืองจนอยากโยนเย้นหว่านออกไปนอกหน้าต่าง แต่ว่าบนหน้า กลับรักษารอยยิ้มที่สง่างามใจกว้างเต็มที่
“อืม คุณเย้น”
ทีน่าพยักหน้าไปทางโห้หลีเฉิน ยื่นมือทำท่วงท่าเชื้อเชิญ “คุณโห้ เชิญนั่งค่ะ”
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากบาง จับมือเย้นหว่าน นั่งลงตรงข้ามทีน่าไปอย่างเป็นธรรมชาติ
นี่คือโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวหนึ่ง บนโต๊ะวางดอกกุหลาบสีขาว จุดเทียนไว้ กลิ่นหอมที่หวานชื่นล่องลอยอยู่ในอากาศ เป็นภาพที่โรแมนติกที่สุด
แต่เห็นเย้นหว่านที่นั่งข้างกายของโห้หลีเฉิน ทีน่าก็ไม่มีกะจิตกะใจจะโรแมนติกขึ้นสักนิด
เย้นหว่านนั่งลงมาตามโห้หลีเฉิน พอเงยหน้า ก็มองเห็นทีน่านั่งอยู่ตรงข้ามแล้ว
หัวคิ้วหล่อนขมวดเล็กน้อย สีหน้าดูซับซ้อนอยู่บ้าง เหมือนกำลังคิดเรื่องอะไร ไม่อยู่กับร่องกับรอยเท่าไร
ส่วนโห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากบางไว้ ทำหน้าเฉยๆ
บรรยากาศเงียบจนกระอักกระอ่วนนิดหน่อย
เพื่อให้บรรยากาศอบอุ่น เย้นหว่านจึงเปิดหัวข้อหนึ่งขึ้น “การตกแต่งของที่นี่ดูดีมากจริงๆ นะคะ รู้สึกยังมีความโรแมนติกนิดๆ”
ทีน่า “……” หน้าไหม้ร้อนไปนิดหน่อย พูดโดนจุดที่จี้ใจดำเข้าพอดีเลย
โห้หลีเฉินมองหญิงสาวด้านข้าง ถามเสียงทุ้ม “เธอชอบเหรอ?”
“ก็ดี”
ความจริงเธอแค่หาหัวข้อหนึ่งมาทำลายความเงียบเท่านั้น ถึงแม้ที่นี่จะโรแมนติก แต่กลิ่นของอโรม่าแรงเกิน เธอไม่ได้ชอบมากนัก
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไรอีก
แต่สายตาของเขากลับมองเย้นหว่านอย่างไม่ลดละ ราวกับในสายตาของเขามีเพียงเธอ
ส่วนทีน่าที่ตั้งใจแต่งตัว เดิมทีไม่ถูกผู้ชายคนนี้มองสักนิด
ในทรวงอกเกิดความอัดแน่นในใจ ทีน่าโมโหจนอยากกระอักเลือด
มองพวกเขาแสดงความรักใคร่กันต่อไปอีก หล่อนคงโมโหจนแทบบ้าไปเดี๋ยวนี้