บทที่ 278 เธอ ดูเหมือนจะหวั่นไหวแล้ว
อยู่ต่อหน้าทุกคน เย้นหว่านถูกโห้หลีเฉินอุ้มออกมาจากโถงงานเลี้ยงตลอดทาง
เดินออกประตูใหญ่ รอหลังจากตัดขาดจากสายตาของคนเหล่านั้น สายตาที่ร้อนแรงพวกนั้น เหมือนจะถอยไปจากข้างตัวของเย้นหว่าน
เธอมองชายหนุ่มที่อยู่ใกล้แค่คืบ หัวใจเต้นเร็วอย่างรุนแรง
เอ่ยปากด้วยเสียงอ่อนแรง “คือว่าคุณปล่อยฉันลงไปได้แล้ว”
ฝีเท้าของโห้หลีเฉินหยุดลง กลับไม่ได้วางเย้นหว่านลงมา
เขาก้มหน้ามองหญิงสาวในอ้อมอก สายตาล้ำลึก เสียงทุ้มต่ำและเคร่งขรึม
“ต่อไปรักษาระยะห่างกับฉูรั่วไป๋ด้วย”
นี่คือเป็นครั้งแรกที่เขาพูดถึงข้อเรียกร้องแบบนี้กับเธอ และยังเป็นท่าทีที่เคร่งขรึมขนาดนี้ด้วย
เย้นหว่านตะลึงแล้ว เกินคาดมาก ประโยคหนึ่งที่พูดออกมาอย่างไม่ผ่านสมอง
“คุณหึงแล้วเหรอ?”
พูดจบ เย้นหว่านถึงระลึกได้ว่าตนเองพูดอะไรไป แก้มแดงขึ้นฉับพลัน
เธอเป็นคู่หมั้นในนามของเขา เป็นตัวแทนหน้าตาของเขาโห้หลีเฉิน หากปรากฏข่าวฉาวแบบนี้ขึ้น คนที่ขายหน้าก็คือเขา โดยเฉพาะไม่มีผู้ชายคนไหนยอมถูกตั้งฉายาว่าโดนสวมเขา
เขาแจ้งเตือนเธอ เป็นเรื่องที่สมควรจะเป็นเช่นนั้น เพื่อหน้าตาของเขา
คำถามที่เธอถามเลี่ยงไม่ได้ที่จะคิดเข้าข้างตนเองเหลือเกิน
เย้นหว่านหน้าแดง รีบอยากกอบกู้อธิบายสักหน่อย กลับเห็นริมฝีปากบางของชายหนุ่มนั้นอ้าๆ พ่นคำที่ทำให้คนตะลึงออกมา
“ใช่”
เขามองเธอด้วยสายตาที่แวววาว สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
เย้นหว่านอ้าปากค้าง ตกตะลึงไป
เธอคิดว่าเธอคงจะหูฝาดไปหรือเปล่า ถึงได้ยินคำตอบของเขาผิดไป
ไม่อย่างนั้นทำไมโห้หลีเฉินถึงได้บอกว่าเขาหึงหวงล่ะ?
เขาอยู่เหนือมวลชน โห้หลีเฉิน คุณโห้ที่สูงศักดิ์ไร้ขอบเขต
เห็นบนหน้าเย้นหว่านนั้นเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก โห้หลีเฉินขยับหัวคิ้วเล็กน้อย จ้องมองเธออยู่ พูดอีกประโยคหนึ่ง
“รักษาระยะห่างกับผู้ชายคนอื่นไว้ ไม่อย่างนั้นฉันจะให้ผู้ชายคนนั้นหายตัวไปทันที”
การข่มขู่ที่องอาจห้าวหาญ
ยิ่งพิสูจน์และยืนยันคำตอบเมื่อสักครู่นั้นด้วย คุณโห้หึงหวงแล้ว
เย้นหว่านขยับๆ ปาก กลับไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ในใจสั่นสะเทือน สมองมึนงงไปหมด
เธอไม่รู้ว่าตนเองควรทำปฏิกิริยาอะไรออกมา
แต่ว่าหัวใจดวงนั้น กลับเหมือนควบคุมไม่อยู่แล้ว เต้นแรงอย่างกับจะลอยออกมาจากทรวงอก แล้วไปเป็นของใครบางคน
……
เย้นหว่านซื่อๆ เซ่อๆ มาตลอดทาง ไม่รู้ถูกโห้หลีเฉินส่งกลับมาในห้องอย่างไร
จนกระทั่งเขาออกไปตั้งนานแล้ว เธอถึงรู้สึกตัวทีหลัง กระทั่งมีสติอยู่นิดหน่อย
แต่ในสมองกลับยังคงเป็นใบหน้าหล่อเหลาของโห้หลีเฉินกลับไปกลับไม่หยุด ข้างหูราวกับยังมีคำพูดประโยคนั้นของเขาดังวนอยู่
……รักษาระยะห่างกับผู้ชายคนอื่น ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้ผู้ชายคนนั้นหายไปทันที
เขาหึงหวงแล้ว
หึง เพราะเธอ
ส่วนการแจ้งเตือนที่ป่าเถื่อนแบบนั้นของเขา เธอไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่ทว่าในใจเหมือนได้เติมน้ำผึ้งอย่างน่าประหลาดใจ ช่างหวานฉ่ำ
“ฮู้……”
เย้นหว่านสูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง จับหน้าอกไว้ รู้สึกถึงด้านในเต้นระรัวไม่หยุด
เธอเกือบไม่มีทางหลอกลวงตนเองได้อีก เหมือนว่าสำหรับโห้หลีเฉิน……เธอมีความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้
เหมือนว่า……หวั่นไหวแล้ว?
เย้นหว่านแก้มแดงระเรื่อ หายใจเร่งรีบไปหมด เธอไม่กล้ายืนยัน
ทั้งที่เตือนตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งที่ดึงระยะห่างครั้งแล้วครั้งเล่า เธอยังหวั่นไหวกับผู้ชายคนนี้ได้อย่างไรกัน
แต่ว่าหัวใจของเธอกลับเหมือนม้าป่าที่คึกคะนอง ไม่ยอมรับการควบคุมของเธอ
ไม่
ไม่สามารถเป็นแบบนี้ต่อไปได้อีก
เธอต้องยอมรับอย่างแน่ชัด
เย้นหว่านหายใจลึกๆ อยู่นาน ถึงพยายามควบคุมอารมณ์ที่กระสับกระส่ายของตนเองให้สงบลงมา จากนั้นหยิบมือถือออกมา ส่งวีแชทไปหากู้จื่อเฟย
เย้นหว่าน: จื่อเฟย อยู่มั้ย?
กู้จื่อเฟยพักหนึ่ง: ที่รัก ฉันอยู่จ้ะ ทำไมเหรอ? ตอนนี้คิดถึงฉันขึ้นมาแล้ว
เย้นหว่าน: ฉันมีเรื่องนิดหน่อยอยากถามเธอ
กู้จื่อเฟย: ว่ามา เรื่องอะไร ที่รัก ฉันจะพูดทุกอย่างที่รู้และพูดไม่กั๊กเลย
เย้นหว่านกุมมือถือเอาไว้แน่น อารมณ์สับสนมาก ประหม่าอย่างมาก
เธอพัวพันอยู่พักหนึ่ง ถึงส่งข้อความออกไป
เย้นหว่าน: มีวิธีอะไรมั้ย ที่มั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าชอบใครสักคนหนึ่ง?
กู้จื่อเฟย: เอ๋? ทำไมเธอถึงถามปัญหาแบบนี้มากะทันหัน? ชอบใครสักคนเป็นความรู้สึกยังไง เธอไม่ใช่รู้ดีมากเหรอ?
เย้นหว่านเคยมีความรักกับซือหนานมาตั้งหลายปี น่าจะรู้โดยธรรมชาติว่าชอบใครสักคน เป็นความรู้สึกอย่างไร
ถึงแม้มีประสบการณ์ แต่ว่าครั้งนี้ เย้นหว่านกลับรู้สึกไม่เหมือนกัน
ตอนแรกที่ชอบซือหนาน เป็นเพราะซือหนานดีต่อเธอ เธอเองก็รู้สึกว่าซือหนานเป็นคนไม่เลว รู้สึกดีอยู่บ้าง ชอบอยู่บ้าง เลยรับปากเขาไปเป็นธรรมดา จากนั้นคบกันกับเขาแล้ว
อยู่ด้วยกันมาหลายปีขนาดนั้น เวลาส่วนใหญ่ก็กลมกลืนกันมาก ค่อนข้างมีความสุข
เย้นหว่านเข้าใจความรู้สึกชอบดี
แต่สำหรับโห้หลีเฉินนั้นไม่เหมือนกัน เธอมักจะถูกเขาลากดึงอารมณ์ไปตามของเขา การเอาใจใส่ของเขา พอเผชิญหน้ากับเขาก็อดไม่ได้ที่ใจจะเต้นแรงโดยอัตโนมัติ ราวกับขาดอากาศหายใจ
เย้นหว่านไม่เคยมีความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ขนาดนี้กับซือหนานมาก่อน
เย้นหว่านคิดว่าสำหรับเธอ ถ้าไม่ใช่ชอบโห้หลีเฉิน เธอก็คงป่วย
หลังจากคิดพวกนี้ได้ เย้นหว่านก็ไม่ได้ปิดบังต่อกู้จื่อเฟยแต่อย่างใด บอกออกไปตามตรงแล้ว
เย้นหว่าน: ฉันเข้าใจความรู้สึกของการชอบ แต่ว่าความรู้สึกครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ฉันไม่แน่ใจว่านี่คือชอบรึเปล่า จื่อเฟย ฉันอยากแน่ใจ
กู้จื่อเฟย: ชอบใครสักคนถึงขั้นที่ว่าไม่แน่ใจ เสี่ยวหว่าน เธอแน่ใจว่านี่ไม่ใช่ความรักเหรอ?
เย้นหว่านมองตัวอักษรบนหน้าจอ มึนงงทันใด หัวใจที่กำลังเต้นเกือบหยุดลงหมด
ความรัก? ทำไมถึง……
กู้จื่อเฟย: เสี่ยวหว่าน เธอล่ะ? คงไม่ใช่โดนพูดแทงใจแล้วมั้ง? จะว่าไปถ้าอยากแน่ใจจริงๆ ว่าชอบใครสักคนรึเปล่า ฉันยังมีวิธีอยู่นิดหน่อย
เย้นหว่าน: วิธีอะไร?
กู้จื่อเฟย: ฉันมีแบบทดสอบเล็กๆ ด้านในล้วนเป็นคำถามเกี่ยวกับความรัก ฉันจะส่งให้เธอ เธอไปทำดูสักรอบ หกคะแนนขึ้นไป เธอมั่นใจได้เลยว่าชอบเขาแล้ว
เย้นหว่านหดมุมปากนิดหน่อย คำถามความรักแบบนี้ ไม่ใช่เกมสมัยยังเป็นเด็กนักเรียนถึงเล่นกันเหรอ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับความน่าเชื่อถือไม่จัดว่าสูงเท่าไร
กู้จื่อเฟยคนนี้ยังไม่เดินออกมาจากยุคสมัยเด็กนักเรียนล่ะมั้ง
เย้นหว่านกลัดกลุ้ม ยอมแพ้ที่จะให้กู้จื่อเฟยช่วยเธอแก้ปัญหาแล้ว
เธอกำลังอยากบอกว่าช่างเถอะกับกู้จื่อเฟย กู้จื่อเฟยกลับส่งเอกสารหนึ่งมาให้แล้ว
หัวข้อง่ายๆ เผยขึ้น แบบทดสอบความรักระดับลึก
พอดูแล้ว ก็เหมือนเป็นของแอคที่ปล่อยข่าวปลอมพวกนั้นทำออกมาเรียกกระแส
เย้นหว่านไม่ค่อยเชื่อตนเอง
แต่นิ้วมือของเธอกลับค่อยๆ กดเอกสารนั้นสักหน่อย โหลดมาแล้ว
หลังจากที่โหลดเอกสารนั้นมาเสร็จ เย้นหว่านยังไม่ได้สติกลับมาเท่าไร ทำไมเธอถึงต้องโหลดมาด้วย?
งั้นในเมื่อโหลดมาแล้ว ก็อ่านสักนิดไปเลยเถอะ?
เย้นหว่านกดเปิดเอกสารนั้นอย่างจับพลัดจับผลู……
อีกด้านหนึ่ง
กู้จื่อเฟยอ่านบันทึกแชทที่คุยกับเย้นหว่านอยู่ สงสัยอย่างยิ่ง เย้นหว่านชอบใครเข้าแล้ว?
มองดูสถานการณ์แล้ว เป็นรักแท้สินะ!
รอเธอทำแบบสอบถามเสร็จ หล่อนจะต้องถามเธอให้รู้เรื่องสักหน่อย
กู้จื่อเฟยกำลังนั่งคิดอยู่ ศีรษะของผู้ชายคนหนึ่งโผล่เข้ามา ชิดศีรษะของเธออย่างแนบสนิท
สายตาของเขาถือโอกาสมองไปบนหน้าจอมือถือของเธอ “กำลังอ่านอะไรล่ะ?”
กู้จื่อเฟยเผลอตอบไป “ที่รักของฉันหัวใจหวั่นไหว มีคนที่ชอบแล้ว”
“ที่รักของเธอ?”
ชายหนุ่มท่าทางเปลี่ยนเล็กน้อย ถามต่อไป “ใครกัน?”
“แน่นอนว่าเป็นเย้น……”
กู้จื่อเฟยพูดได้ครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้นรู้สึกตัวว่าไม่ถูก รีบหันหน้า ดึงระยะห่างกับชายหนุ่ม ถือโอกาสผลักไสชายหนุ่มที่เข้าใกล้ออกไปด้วย
“ฉินฉู่ นายอย่ามาใกล้ขนาดนั้นสิ มาหลอกลวนลามพี่สาวเหรอ”