บทที่ 326 โห้หลีเฉินหายตัวไปแล้ว
ป่ายฉี!
“ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่?”
ใบหน้าของเย้นหว่านตกตะลึง จากนั้น เมื่อนึกถึงการเคลื่อนไหวดั่งดอกไม้บานของเธอนั้นใบหน้าของเธอก็แดงไปทั้งใบหน้า
ฉากซ้อมที่น่าอับอายเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าจะถูกป่ายฉีเห็นแล้ว
แล้วไอ้สารเลวคนนี้ ทำไมต้องเป็นเขาที่เปิดกล่องด้วย? เธอไม่ได้สารภาพรักกับเขาซะหน่อย
ป่ายฉีเลิกคิ้ว เผยฝ่ามือ และกดริบบิ้นที่ตกลงมาแน่น
เขาล้ออย่างหยอกเล่นว่า “เสี่ยวหว่าน นี่เธอจะนำตัวเองส่งมาให้ฉันเหรอ?”
“นายฝันไปเถอะ”
เย้นหว่านรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างอับอายขายขี้หน้า และเดินออกจากกล่องด้วยความโมโห
กู้จื่อเฟยเดินขึ้นมาโดยทันที และอธิบายกลุ้มใจว่า “จู่ๆเขาก็โผล่เข้ามา แถมยังแย่งเชือกจากฉันไปด้วย”
เธอไม่ได้ตั้งใจให้ป่ายฉีเป็นคนทำจริงๆ
เย้นหว่านรู้ว่ากู้จื่อเฟยจะไม่แกล้งเธอแบบนี้แน่นอน แต่ว่าประตูของคฤหาสน์ปิดอย่างสนิท ป่ายฉีเข้ามาได้อย่างไรกัน? กระโดดหน้าต่างมาอีกแล้วเหรอ?
ต่อไปเธอต้องไตร่ตรองตอกตะปูตรงหน้าต่างทั้งหมดให้อย่างมิดชิด
ป่ายฉีมองไปยังของตกแต่งทั้งหมดภายในบ้าน แม้ว่าข้าวของทั้งหมดจะวางไว้อย่างยุ่งเหยิง และยังไม่ได้จัดเตรียมให้เรียบร้อย แต่ก็เห็นได้ว่า เป็นฉากที่โรแมนติกหนึ่งฉาก
เมื่อรวมกับการปรากฏตัวของเย้นหว่านออกมาจากกล่องนั้น ป่ายฉีก็เดาจุดประสงค์ของเย้นหว่านได้โดยประมาณแล้ว
เขามองไปที่เย้นหว่านอย่างใคร่ครวญ “เธอจะสารภาพรักกับโห้หลีเฉินเหรอ?”
ความในใจที่ถูกคนพูดออกมาห้วนๆเช่นนี้ เย้นหว่านรู้สึกอับอายขึ้นไปอีก
เมื่อก่อนคิดว่านี้ป่ายฉีไม่เลวเลยทีเดียว เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาอย่างที่คิดไว้จริงๆด้วย
ไอ้หมอนี่ทำให้เธอไม่สบายอกสบายใจได้ทุกที่ทุกเวลา
“นายเป็นผู้ชายคนหนึ่ง จะขี้นินทาแบบนี้ไปทำไม?”
เย้นหว่านหันหน้าไปมองป่ายฉี “นายรีบพูดมาสิ นายมาทำอะไรที่นี่?ฉันกำลังยุ่งอยู่นะ”
ในกรณีเช่นนี้ เธออยากให้ป่ายฉีออกไปโดยเร็วเท่านั้น มิฉะนั้นถ้าเขาอยู่ที่นี่ต่อ เย้นหว่านก็จะรู้สึกอับอายเป็นพิเศษทุกครั้ง
เมื่อเห็นท่าทางที่เหมือนลูกสาวตัวน้อยเช่นนั้นของเย้นหว่าน ป่ายฉีที่มองอยู่ก็สติหลุดเล็กน้อย แต่กลับส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้
แน่นอนว่าพวกเขามาช้าไปแล้วจริงๆ ปล่อยให้พัฒนามาจนถึงจุดนี้
เขามองไปที่กู้จื่อเฟย และพูดว่า “คุณผู้หญิงสวยท่านนี้ ผมมีอะไรจะคุยกับเย้นหว่านสักหน่อย รบกวนคุณช่วย…ชงชาให้ผมสักแก้วได้ไหมครับ?”
นี่หมายความว่า ห้ามคนนอกรบกวนสินะ
กู้จื่อเฟยไม่สนิทกับป่ายฉี และไม่ค่อยแน่ใจนัก ดังนั้นเธอจึงหันไปมองเย้นหว่านเพื่อขอคำแนะนำ
เย้นหว่านแค่ต้องการกำจัดป่ายฉีโดยเร็ว ก็เลยพยักหน้า “รบกวนเธอด้วยนะ จื่อเฟย ในห้องน้ำชามีครบทุกอย่าง”
หลังจากที่กู้จื่อเฟยออกไปแล้วนั้น ป่ายฉีก็นั่งอยู่บนโซฟาอย่างสบายๆแล้ว
เย้นหว่านไม่มีทางเลือก ทำได้แค่เพียงนั่งกับเขา “โอเค ตอนนี้นายพูดมาได้แล้ว”
จริงๆแล้วเย้นหว่านไม่ค่อยเข้าใจ แม้ว่าเธอและป่ายฉีจะพบเจอกันหลายครั้ง แต่นอกจากช่วยโห้หลีเฉิน ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว
ดังนั้นเลยคิดไม่ถึงว่าทำไมป่ายฉีถึงมาหาเธอ
ป่ายฉีนั่งลงบนโซฟา แต่ท่าทางของเขากลับไม่ได้เป็นไปตามปกติ แต่กลับโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ใช้สองยันไว้บนหัวเข่า แล้วไขว้มือ
เขามองตรงไปที่เย้นหว่าน ดวงตายังคงเคร่งขรึมเล็กน้อย
“เสี่ยวหว่าน ตอบฉันอย่างตรงไปตรงมา คุณวางแผนจะสารภาพกับโห้หลีเฉินใช่ไหม?”
เย้นหว่านรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าป่ายฉีจะถามคำถามนี้อีกครั้ง และยังคงเป็นสีหน้าจริงจังที่หาได้ยาก
เขาอยากรู้คำตอบมากขนาดนั้นเลยเหรอ? ดูจากท่าทางแล้ว คล้ายกับถ้าไม่ถามคำถามนี้ออกมา เขาก็จะไม่ยอมเลิกรา
เย้นหว่านจนปัญญา ทำได้เพียงตอบคำถามไปว่า “ใช่ ฉันวางแผนที่จะสารภาพกับเขาในวันที่เขาออกจากโรงพยาบาล ในเมื่อนายรู้แล้ว ก็ห้ามพูดออกไปเชียวนะ”
เมื่อได้ยินคำตอบที่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ในใจของป่ายฉีก็รู้สึกไม่มีโชคเลยสักนิด
แต่ทว่ายิ่งเพิ่มความกลุ้มใจขึ้นไปอีก
เขากล่าวเอ่ยเคร่งขรึมว่า “ตอนนี้พวกเธอมีสัญญาการหมั้นกันอยู่ เธอวางแผนที่จะแต่งงานกับเขาเลยใช่ไหม?”
สักพักก็พุ่งไปที่หัวข้อการแต่งงานโดยทันที ทำให้เย้นหว่านหน้าแดงและสับสนเล็กน้อย
เธอพูดอย่างไม่สบายใจว่า “เอ่อ…นี่อะเหรอ ถ้าหากว่าสำเร็จ ก็จะเกิดขึ้นเป็นปกติ”
“แต่คุณเข้าใจเขาไหม?”
ป่ายฉีขมวดคิ้ว “เย้นหว่าน เธอเป็นแค่ผู้หญิงในครอบครัวธรรมดาคนหนึ่ง แต่ว่าตระกูลโห้กลับเจาะจงที่จะให้เธอแต่งงานเข้ามาในตระกูล เธอรู้ไหมทำไมโห้หลีเฉินถึงต้องแต่งงานกับเธอ?”
คำถามนี้ เย้นก็ไม่เข้าใจ
เธอลังเลไปสักพัก “ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าโห้ถึงได้เลือกฉัน แต่ฉันรู้ว่า โห้หลีเฉินอยากแต่งงานกับฉัน ก็เพราะความรู้สึกจริงๆ”
จริงๆแล้วเธอจะไม่สนใจก็ได้ เธอแค่สนใจแต่หัวใจของโห้หลีเฉิน
“แล้วถ้าเขาอยากแต่งงานกับเธอ เป็นเพราะมีแผนการอื่นล่ะ?”
“ไม่หรอก!”
เย้นหว่านโต้กลับโดยไม่ได้คิด เธอไม่เชื่อว่าโห้หลีเฉินจะใช้การแต่งงานเพื่อวางแผนทำร้ายเธอ
นอกจากนี้ เธอยังเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีพลังอำนาจและครอบครัวใดๆ จะมีค่าควรแก่การวางแผนทำร้ายอะไรล่ะ? ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เป็นเขาทั้งนั้นที่ทุ่มเทเพื่อเธอ จนกระทั่งเกือบจะเสียชีวิตไปด้วยซ้ำ
“ป่ายฉี ฉันเคารพคุณในฐานะเพื่อนของนาย แต่ฉันไม่อยากให้นายกล่าวหาโห้หลีเฉินแบบนี้ ฉันชอบเขา ฉันก็เลยเชื่อเขา”
เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของเย้นหว่านเช่นนั้น ป่ายฉีจึงกดขมับ จนเจ็บปวดเล็กน้อย
มันสายไปแล้วจริงๆด้วย เรื่องราวกลายเป็นยุ่งยากมากขนาดนั้น
ถ้าหากว่าให้รู้เย้นโม่หลินเรื่องนี้ล่ะก็ ไม่แน่ว่าอาจเกิดพายุคลื่นซัดขนาดใหญ่ขึ้นมาก็ได้
เขาถอนหายใจ “เสี่ยวหว่าน เรื่องราวมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิด เธอและโห้หลีเฉิน ไม่เหมาะสมกัน”
เย้นหว่านตกตะลึง
เธอไม่ค่อยเห็นป่ายฉีดูจริงจังมากนัก และท่าทางของเขาเช่นนั้น ก็พูดโน้มน้าวใจเธอด้วยความจริงใจ
แต่ว่าเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่เธอตัดสินใจไม่ใช่ง่ายๆ และยังอยากที่จะต่อสู้อย่างที่สุดอีกด้วย
เย้นหว่านส่ายศีรษะ “ฉันตัดสินใจไปแล้ว ฉันหวังว่านายจะสนับสนุนฉัน แม้ว่านายจะไม่สนับสนุน ก็อย่ามาคัดค้านอีกเลย”
ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นเรื่องระหว่างเธอกับโห้หลีเฉินสองคน และเธอก็ไม่ชอบให้คนอื่นเข้ามาแทรกแซง
ป่ายฉีทำอะไรไม่ถูก ท่าทางที่มุ่งมั่นเช่นนั้นของเย้นหว่าน เหตุผลได้ถูกความรักกัดกร่อนไปแล้วไม่ว่าเขาจะพูดอะไรต่อไปอีกก็ไม่มีประโยชน์
“ฉันแค่ไม่อยากให้เธอต้องเจ็บปวด”
ป่ายฉียื่นมือ ตบไปที่ไหล่ของเย้นหว่าน
พูดจากใจจริงว่า “จำสิ่งที่ฉันพูดไว้ ไม่ต้องมอบหัวใจทั้งหมดให้เขา เก็บหัวใจไว้สักนิด พอถึงตอนสุดท้าย จะได้ไม่เจ็บมากเกินไป”
นี่เธอยังไม่ได้สารภาพรักเลยนะ ป่ายฉีก็มาบอกว่าเธอจะต้องเจ็บปวดและถูกทอดทิ้งแล้วเหรอ?
หัวใจของเย้นหว่านจุกไปชั่วขณะ คิดว่าป่ายฉีคนนี้มาหาโชคร้ายให้เธอ
หลังจากถูกป่ายฉีรบกวนเช่นนี้ โดยความอารมณ์ดีทั้งหมดที่จะมาจัดตกแต่งของเย้นหว่านก็หายไปหมดแล้ว
เธอกลับไปที่โรงพยาบาลอย่างกระสับกระส่าย และเดินเข้าไปในห้องพักคนไข้ แต่กลับมองไม่เห็นชายหนุ่มที่อยู่บนเตียง
และภายในห้องนั้นว่างเปล่า สาวใช้สองสามคนนั้นก็ไม่มีแล้ว
เย้นหว่านตะลึงไปชั่วขณะ และลางสังหรณ์ที่ไม่ดีก็ปรากฏขึ้นมา
เมื่อวานตอนที่กลับมา โห้หลีเฉินห่างเหินและเย็นชาต่อเธอ เขาทำอะไรด้วยตัวเองตั้งหลายอย่างและไม่ต้องการให้เธอช่วยอีกต่อไปแล้ว
โดยพื้นฐานแล้วร่างกายของเขาก็ดีขึ้นมากแล้ว และตามด้วยนิสัยของเขา เขาอาจจะออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนดแล้ว
หรือว่า เขาจะออกไปแล้ว?
ทันใดนั้นหัวใจของเย้นหว่านก็ตื่นตระหนก และรีบไปที่ห้องสำนักงานพิเศษของคุณหมอ เพื่อไปหาคุณหมอรักษาหลัก
เมื่อมองดู คุณหมอรักษาหลักกำลังเก็บข้าวของ
“คุณหมอ โห้หลีเฉินล่ะ?”
เย้นหว่านไม่ทันได้เคาะประตู ก็รีบเข้าไปโดยทันที
คุณหมอแปลกใจ “คุณโห้ไม่ได้อยู่ในห้องพักคนไข้หรอกเหรอ?”
“ไม่มีใครอยู่ในห้องพักคนไข้เลย คุณก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหนเหรอ?”