บทที่ 342 พี่!
เย้นโม่หลินสีหน้าเก้อเขินจนทำอะไรไม่ถูก อยากพูดแต่ก็หยุดชะงักไว้
ป่ายฉีมองดูทั้งสอง เขายิ้มอย่างขี้เล่นและพูดว่า “พี่ชายคุณน่ะเหรอ เมื่อคืนเล่านิทานให้คุณฟังทั้งคืน ถึงได้ทำให้เสียงแหบไง”
“ห๊ะ อะไรนะคะ?”
เย้นหว่านตะลึง
ถึงจะเป็นนิทานก่อนนอน เล่าจนเธอหลับก็พอแล้ว ทำไมยังต้องนั่งเล่าทั้งคืนด้วย?
เขาไม่เจ็บคอหรือไง
“นายนี่พูดมากจริงๆเลย”
เย้นโม่หลินจ้องป่ายฉีอย่างเย็นชาทีนึง จากนั้นก็หันมาอธิบายให้เย้นหว่านฟังอย่างอ่อนโยน
“ถึงเธอนอนก็ไม่สงบ ฝันร้ายตลอด พี่คอยเล่านิทานให้เธอฟัง อารมณ์ของเธอจะได้สงบลงมาไง”
ดังนั้น เขาจึงเล่าทั้งคืนอย่างไม่หยุด!
เย้นหว่านมองเย้นโม่หลินด้วยความตื่นตะลึง จุดที่นุ่มนวลที่สุดในใจถูกอะไรชนเข้า อดตาแดงก่ำไม่ได้
ทีนี้เธอถึงรู้ซึ้งได้ว่าอะไรคือความรู้สึกที่ถูกญาติพี่น้องรักและให้ความสำคัญ และถูกประคองไว้ในมืออย่างทะนุถนอม
ถึงเธอสูญเสียทุกอย่าง แต่ดูเหมือนขอแค่มีเย้นโม่หลินอยู่ มีญาติทางสายเลือดอยู่ เธอก็จะไม่หมดสิ้นทุกอย่าง เธอยังมีคนในครอบครัว ยังมีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังที่ยืนหยัดและไม่ละทิ้งเธอ
จู่ๆเย้นหว่านรู้สึกใจของตัวเองไม่ได้ว่างเปล่าขนาดนั้นแล้ว
เสียงของเธอสะอื้นเล็กน้อย“ขอบคุณค่ะ พี่”
“เธอ เธอเรียกพี่ว่าอะไรนะ?”
เย้นโม่หลินลุกขึ้นจากเก้าอี้กะทันหัน ใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มไปด้วยความช็อค
ถึงแม้ได้รู้จักกับเย้นหว่านแล้ว ถึงแม้เย้นหว่านก็ตอบตกลงว่าจะพักที่นี่ แต่ยังไงเธอก็ห่างเหินกับเขาอยู่ ยิ่งไม่เคยเรียกเขาว่าพี่เลย
แต่ตอนนี้เธอเรียกเขาว่าพี่แล้ว!
เย้นโม่หลินก่อตั้งอาณาจักรธุรกิจขึ้นมาเองกับมือ ก็ไม่เคยดีอกดีใจจนกระโดดโลดเต้นเท่านาทีนี้
“เสี่ยวหว่าน เธอเรียกอีกครั้งสิ”
ป่ายฉียกมุมปากขึ้น เอามือกุมหน้าไว้อย่างยากที่จะอดทน
ใครก็อย่าบอกว่าผู้ชายที่ดีใจจนเซ่อที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ คือคุณชายเย้นที่เด็ดขาด สูงส่งและสง่างามของยุโรปคนนั้น
นี่ต้องถูกคนสลับตัวแล้วแน่ๆ!
เห็นเย้นโม่หลินตื่นเต้นขนาดนั้น เย้นหว่านแก้มแดงเล็กน้อย รู้สึกอุ่นใจ
เธออ้าปาก และเรียกเบาๆอีกทีว่า“พี่ชาย”
“อืม!”
เย้นโม่หลินตอบอย่างไวและยิ้มแก้มปริ ราวกับได้สิ่งรับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก
น้องสาวของเขา กลับมาที่ข้างกายเขาแล้ว
หลังจากผ่านเรื่องนี้ เย้นหว่านเหมือนเดินออกมาจากปมในใจได้นิดหน่อย เริ่มมีความกล้าหาญเผชิญหน้ากับเรื่องที่อยู่ตรงหน้าแล้ว
เธอตัดสินใจจะไปลาออกที่โห้ถิงกรุ๊ปแล้ว
ไม่ว่ายังไง ตอนที่เธอตกอับที่สุด โห้ถิงกรุ๊ปเป็นคนช่วยเหลือเธอ ให้เธอสามารถเป็นดีไซน์เนอร์ต่อ แถมยังกลายเป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดัง ถึงแม้ตอนนี้เธอไม่สามารถทำงานที่โห้ถิงกรุ๊ปต่อแล้ว แต่อย่างน้อยก็ควรจะดำเนินการตามขั้นตอน ยื่นใบลาออกให้เสร็จ
เย้นโม่หลินรู้ข่าวว่าเย้นหว่านจะไปบริษัท เขาขมวดคิ้ว ลังเลไปครู่นึงถึงพูด
“พี่ไปกับเธอ”
เย้นหว่านส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปเองก็พอค่ะ พี่วางใจเถอะ”โห้ถิงกรุ๊ปใหญ่ขนาดนั้น ส่วนออฟฟิศของเธอก็เป็นออฟฟิศเดี่ยว ใช่จะสามารถเจอโห้หลีเฉินเสมอไป
เห็นท่าทีของเย้นหว่านยืนหยัด เย้นโม่หลินก็ได้แต่ล้มเลิกความคิด
แต่เขาก็ยังได้พูดว่า“พี่ให้คนขับส่งเธอไปนะ”
แค่ส่งถึงใต้ตึกบริษัท เย้นหว่านก็ไม่มีอะไรต้องปฏิเสธ
มาถึงบริษัท เย้นหว่านยืนอยู่ที่หน้าประตู มองตึกสูงระฟ้าที่คุ้นเคยนี้ ในใจรู้สึกซับซ้อน
ที่นี่เคยเป็นสถานที่เธอจะทำความฝันให้เป็นจริง และเป็นที่ๆเธอเกิดความพึ่งพา ต่อไปเธอกลับต้องจากที่นี่ไปตลอดกาล ไม่มีการไปมาหาสู่ใดๆอีกต่อไป
ที่ยิ่งกว่าคือเสียใจ
เธอถึงขั้นไม่รู้ว่าตัวเองในอนาคต ยังสามารถเดินเส้นทางดีไซน์เนอร์นี้ได้อีกมั้ย
หายใจลึกๆทีนึง เย้นหว่านรวบรวมความกล้าหาญ ถึงเดินเข้าไปในตึก
ออฟฟิศของเธอเป็นออฟฟิศเดี่ยว ตอนไปมีแค่ลั่วอานอยู่คนเดียว
ลั่วอานเป็นผู้ช่วยของเธอ เธอไม่อยู่ ผู้ช่วยก็ไม่มีงานอะไรให้ทำ ลั่วอานก็เลยนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่ออฟฟิศ
เห็นเย้นหว่านมา ลั่วอานประหลาดใจไปครู่นึง จากนั้นก็ดีใจมีความสุขจนกระโดดโลดเต้นขึ้นมา
“พี่เย้นหว่าน ในที่สุดพี่ก็กลับมาแล้ว!ฉันยังนึกว่าพี่ไม่มาทำงานแล้วเสียอีก ฉันจะตกงานอยู่แล้ว!”
มองดูลั่วอานที่ยังสาวยังแส้และมีชีวิตชีวา เย้นหว่านค่อนข้างละอายใจ
ความสามารถของลั่วอานไม่เลว ช่วงนี้ได้ช่วยเรื่องงานของเย้นหว่านไม่น้อยเลย แต่ว่าเรื่องส่วนตัวของเย้นหว่านเยอะเกินไปจริงๆ ไม่สามารถพาเธอเดินไปข้างหน้าได้แล้ว
“ลั่วอาน พี่มาลาออก พี่จะให้เย้นเหวินหนานจัดเตรียมงานใหม่ให้เธอ พยายามไขว่คว้าให้ดีกว่าตอนที่ทำงานกับพี่นะ”
นี่คือสิ่งสุดท้ายสิ่งเดียวที่เธอจะสามารถทำเพื่อลั่วอานแล้ว
พริบตาเดียวรอยยิ้มบนใบหน้าของลั่วอานก็แข็งทื่อไว้ เธอวิ่งมาดึงเย้นหว่านไว้ด้วยความรีบร้อน
“พี่เย้นหว่าน พี่ล้อเล่นใช่มั้ย? อยู่ดีๆทำไมต้องลาออกล่ะ?”
“เหตุผลส่วนตัวน่ะ”
เย้นหว่านส่ายหัว ไม่คิดจะพูดให้มากความ
ลั่วอานกลับไม่ยินยอมที่จะยอมรับ ดึงมือของเย้นหว่านไว้แน่น เบ้าตาค่อนข้างแดงก่ำ
“พี่เย้นหว่าน อย่าไปได้มั้ยคะ? สิ่งแวดล้อมและแพลตฟอร์มของที่นี่ดีขนาดนนี้ พี่อยู่ที่นี่ต่อ ต่อไปต้องกลายเป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดังแน่นอน พี่จะละทิ้งโอกาสครั้งนี้ไปอย่างนี้เลยเหรอ?”
มีคนนับไม่ถ้วนแก่งแย่งกันก็ยังไม่สามารถเข้ามาทำงานที่โห้ถิงกรุ๊ปเลย ส่วนตำแหน่งที่เย้นหว่านอยู่ในโห้ถิงกรุ๊ปสูงกว่าหัวหน้าดีไซน์เนอร์เสียอีก ทรัพยากรดีกว่าดีไซน์เนอร์ชื่อดังเสียอีก
นี่คือค่าตอบแทนที่ดีที่สุดที่คนนับไม่ถ้วนแม้แต่ฝันก็ยังอยากได้
แต่เย้นหว่านกลับบอกไม่เอาก็ไม่เอาเฉยเลย
“ลั่วอาน พี่มีเหตุผลของตัวเอง พี่จะไปจริงๆแล้ว ความสามารถของเธอเก่งมาก ต้องสู้ๆนะ”
เย้นหว่านตบไหล่ของลั่วอานด้วยการปลอบโยน จากนั้นก็ดึงมือเธอออกด้วยท่าทีที่เด็ดเดี่ยว
ที่นี่มีความทรงจำมากมายของเย้นหว่าน ถ้าอยู่ที่นี่นาน เธอจะตัดใจไปจากไม่ได้
ลั่วอานเห็นมือว่างเปล่าของตัวเอง สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้า เธอลังเลครู่นึงถึงถามอย่างหยั้งความคิด
“เป็นเพราะคุณโห้หรือเปล่าคะ? พี่ถึงลาออก”
ท่าท่างที่เย้นหว่านเก็บข้าวของได้แข็งทื่อทันที
เรื่องที่เธอแตกคอกับโห้หลีเฉิน แม้แต่ลั่วอานก็รู้แล้วเหรอ?
ก็ใช่ เรื่องงานแต่งของตระกูลโห้ดึงดูดความสนใจของผู้คนขนาดนั้น ยิ่งเป็นข่าวซุบซิบใหญ่สุดของบริษัทนี้ เรื่องยกเลิกงานแต่งแบบนี้ยิ่งเป็นพาดหัวข่าวใหญ่ ถูกเปิดเผยออกมาตั้งนานแล้ว
แล้วทำไมเธอต้องยกเลิกงานแต่ง เพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ในบริษัทต่างก็น่าจะรู้อยู่
ตอนนี้ไม่ว่าจะด้านมืดหรือด้านสว่าง เธอกับโห้หลีเฉินก็ไม่มีความเกี่ยวข้องแล้ว ไม่ใช่ว่าที่ภรรยาของคุณโห้อีกต่อไป
อารมณ์ที่สะกดอยู่ในใจค่อนข้างเดือดพลุ่งพล่าน อารมณ์เสียใจโผล่ขึ้นมา
เย้นหว่านกัดฟันควบคุมไว้ เพื่อให้ตัวเองดูแล้วไม่น่าอนาถเกิน
“พี่ไปหาเย้นเหวินหนานก่อนนะ”
พอพูดจบ ก็ไม่สนข้าวของที่เก็บไปครึ่งนึง เย้นหว่านถือใบลาออกและก้าวเท้ายาวเดินออกไป
จู่ๆเธอรู้สึกบรรยากาศของที่นี่มันช่างอึดอัดจริงๆ ยิ่งไม่รู้ถ้าขืนอยู่ต่อไป เธอจะพังทลายต่อหน้าลั่วอานมั้ย
ไปก็จะไปแล้ว เธอแค่อยากรักษาความเย่อหยิ่งและศักดิ์ศรีสุดท้ายของตัวเองไว้
ตอนที่เย้นหว่านไปหาเย้นเหวินหนาน เขาอยู่ที่ออฟฟิศพอดี ตรงหน้ามีเอกสารวางอยู่เป็นกอง กำลังยุ่งอยู่กับงาน
เห็นเย้นหว่าน เขาค่อนข้างประหลาดใจ จากนั้นได้มองซองจดหมายในมือเธอ พริบตาเดียวก็เดาความหมายของเย้นหว่านออก เย้นเหวินหนานขมวดคิ้วขึ้นมา
เขาวางงานที่อยู่ในมือลง“เย้นหว่าน นั่งสิครับ”