บทที่ 41 ครั้งสุดท้าย
เย้นหว่านเดินไปยังไม่ถึงสองก้าวก็พบกับชายหนุ่มที่กำลังเปิดประตูอีกด้านแล้วเดินเข้าไปแล้วแผ่นหลังสูงใหญ่ก็ค่อยๆ หายไปจากสายตาของเธอ เย้นหว่าน ได้แต่มองบานประตูที่ปิดอยู่และก็ไม่ทันได้เห็นผู้ชายคนนั้นชัดๆ เลย
“เย้นหว่านมีอะไรหรอ?” มู่จื่ออี้ถือสัมภาระเดินตามมาแล้วถามอย่างงุนงง
เย้นหว่านลังเลแต่ก็ส่ายหัวไปมาแล้วเอ่ย “ไม่มีอะไร” สงสัยเธอน่าจะมองจนตาลายแล้วล่ะ
ที่นี่เป็นโรงแรมที่มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันออกแบบเสื้อผ้าระดับโลกของOviพักอยู่ในระหว่างการแข่งขัน
เธอเตรียมที่จะเดินไปต่อเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็แปลกใจเมื่อเห็นประตูถัดไปคือหมายเลขห้องของเธอ
พนักงานเดินไปข้างหน้าแล้วส่งคีย์การ์ดของห้องพักให้เย้นหว่าน
“คุณเย้น ภายในห้องพักมีกริ่งให้บริการหากคุณต้องการอะไรคุณสามารถกดกริ่งนั้นได้ครับ”
“โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะ”
เมื่อพนักงานเดินออกไปแล้ว มู่จื่ออี้ก็ช่วยเย้นหว่านย้ายกระเป๋าสัมภาระทั้งหมดเข้ามาแล้วมองสำรวจไปรอบๆ ห้องแล้วเอ่ยติดตลกออกมาว่า “เย้นหว่าน ห้องนี้ของเธอหรูกว่าห้องฉันเยอะเลย” ห้องของเขานั้นอยู่ชั้น 9 ก็เป็นห้องดีลักซ์เหมือนกันแต่ว่าห้องนี้ของเย้นหว่านเป็นห้องเพรสซิเดนสูท
เย้นหว่านไม่ได้สนใจอะไรก็เอากระเป๋าเดินทางออกมาเปิดแล้วเริ่มจัดเก็บข้าวของให้เรียบร้อยก็เอ่ยตอบกลับไปว่า “บางทีฉันอาจจะเป็นหนึ่งในผู้โชคดีพอดีละมั้ง”
“อ๋อ” มู่จื่ออี้ร้องรับแต่สายตาก็คิดพิจารณา
เมื่อพวกของเย้นหว่านมาถึงก็เป็นเวลาหลังจากจบครึ่งแรกของการแข่งขันพอดี ซึ่งผู้เข้าแข่งขันที่ตกรอบออกไปและนักออกแบบที่เหลือจะมีจัดงานเลี้ยงฉลองในตอนเย็นซึ่งสถานที่ตั้งอยู่บนชายหาดด้านหน้าโรงแรม
ทุกที่มีการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน สภาพแวดล้อมที่ยอดเยี่ยมและบนโต๊ะทุกโต๊ะนั้นมีอาหารรสเลิศและไวน์แดงจัดวางเอาไว้มากมายเย้นหว่าน ที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ก็บังเอิญเห็นคนคนหนึ่งเข้า คือซือหนาน นั่นเอง เขาสวมชุดสูทเรียบร้อยเหมาะสม การแต่งตัวที่แสนประณีตนี้ทำให้เขาดูหล่อและดูดีอย่างมากและโอวน่อหย่าที่ยืนอยู่ข้างกายจับแขนของเขาอยู่เหมือนนกตัวน้อยๆ และพวกเขาทั้งสองคนก็ดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุด เมื่อผู้จัดการงานเลี้ยงเห็นพวกเขาจึงรีบเข้าไปให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นทันที
“คุณชายซือ ก็มาเหมือนกันหรือครับ ยินดีต้อนรับอย่างยิ่ง เชิญนั่งก่อนครับ”
“ผมมาหาน่อหย่าครับ” ซือหนานพูดอย่างไม่ปิดบังด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
ผู้เข้าแข่งขันที่มาที่นี่นั้นถึงแม้ว่าจะมีแฟนหนุ่มหรือสามีแล้วก็ตามก็ล้วนไม่มีโอกาสที่จะพามาที่นี่ด้วย ดังนั้นซือหนานและโอวน่อหย่าจึงกลายเป็นคู่รักเพียงคู่เดียวในงานเท่านั้นและหลายคนมองพวกเขาด้วยความอิจฉา
“เห็นว่ากันว่าการแข่งขันครั้งนี้คุณชายซือก็เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนด้วยดูท่าการลงนี้ก็เพื่อโอวน่อหย่าแหละ”
“คุณชายซือเป็นคนดีน่ารักมากเลยโอวน่อหย่าก็น่าจะมีความสุขจริงๆ ”
“นั่นนะสิ ฉันกำลังจะตายด้วยความอิจฉาแล้ว”
ผู้คนต่างก็พากันพูดคุยแสดงความคิดเห็นกันด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความอิจฉา ซึ่งความรู้สึกนี้ได้สร้างความพอใจอย่างมากให้กับโอวน่อหย่า เธอเชิดคางขึ้นสูงอย่างอิ่มอกอิ่มใจมองไปทางเย้นหว่านด้วยสายตาเย่อหยิ่งและท้าทาย
ครั้งก่อนตอนที่เห็นซือหนานและโอวน่อหย่าที่ไปไหนมาไหนกันเป็นคู่ในงานหมั้นนั้น ในใจของเย้นหว่านก็ยังเต้นแรงและเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ตอนนี้หัวใจของเธอสงบเงียบเหมือนสายน้ำ ใบหน้าของเย้นหว่านไม่ได้แสดงอารมณ์หรือความสนใจใดๆ กับการยั่วยุของโอวน่อหย่าทั้งยังหยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาจิบอีกด้วย
มู่จื่ออี้ที่นั่งข้างเย้นหว่านก็มองเห็นสายตาท้าทายนั้นของโอวน่อหย่า ซึ่งสังเกตเห็นได้แทบจะทันที แววตาเรียบนิ่งมองตรงไปยังซือหนานอย่างพิจารณาและสายตาของซือหนานก็หยุดชะงักอยู่ที่เย้นหว่านอย่างเงียบๆ ในใจก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่เห็นว่าเธอนั้นไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา เมื่อไม่มีปฏิกิริยาจากฝ่ายตรงข้าม แต่กลับมีเสียงซุบซิบขึ้นมาจากฝูงชนรอบข้าง
“ดูค่อนข้างอึดอัดนะ แต่ฉันได้ยินมาว่าคุณชายซือกับเย้นหว่านเคยเป็นคู่รักกันมาก่อน”
“อะไรนะ? นั้นไม่ใช่อดีตแฟนหนุ่มพาแฟนคนใหม่มาเปิดตัวหรอ เย้นหว่านจะทนได้หรอ?”
สายตาของผู้คนมองตรงมายังเย้นหว่านมีความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ เป็นการได้เหยียบย่ำเย้นหว่านไปโดยปริยาย ซึ่งทำให้โอวน่อหย่าพอใจอย่างมาก เธอก็ยิ่งเพิ่มความใกล้ชิดสนิทสนมเข้าไปใกล้ซือหนานมากขึ้นแล้วพูดเสียงอ่อนเสียงหวานว่า “ที่รักคะ ฉันอยากกินกุ้ง”
“ครับ เดี๋ยวผมแกะให้คุณนะ” ซือหนานไปหยิบกุ้งให้อย่างว่าง่าย
ทั้งสองคนที่แสดงความรักต่อกันตรงนี้นั้นดูเหมือนว่ายิ่งเพิ่มความอึดอัดใจให้กับเย้นหว่านที่อยู่อีกด้าน ผู้คนต่างก็พากันมองไปที่เย้นหว่านครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงแม้ว่าเย้นหว่านจะไม่ได้ใส่ใจหรือชำเลืองตามองสองคนนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่ถูกคนมามองแบบนี้ เธอขมวดคิ้วแน่นครุ่นคิดว่าจะออกไปก่อนหรือจะช่างมันดี แต่ในเวลานั้นก็มีแขนหนึ่งยกพาดขึ้นมาบนด้านหลังเก้าอี้เธอ มู่จื่ออี้โน้มตัวมาหาเธอเล็กน้อยแม้ว่าจะไม่ได้โดนตัวของเธอแต่ดูแล้วเหมือนว่ากำลังโอบเธออย่างสนิทสนม
“เย้นหว่าน อยากกินปูไหม ฉันจะแกะให้เธอ?”
“หืม?” เย้นหว่านมองมู่จื่ออี้อย่างแปลกใจ อยู่ๆ เขาจะมาแกะปูอะไรให้เธอกัน?
มู่จื่ออี้ยกรอยยิ้มที่ดูดีอย่างยิ่งขึ้นบนใบหน้า น้ำเสียงที่นุ่มนวลนั้นทำให้คนรู้สึกสงสัย
“ฉันรู้ว่าเธอชอบกินปู ฉันก็เลยไปฝึกฝีมือแกะปูเป็นพิเศษเลย” ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน จากนั้นมือเรียวสวยสะอาดสะอ้านของมู่จื่ออี้ก็หยิบปูขึ้นมาแกะอย่างคล่องแคล่ว การเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วชำนาญนั้นเหมือนกับว่าเขาทำสิ่งนี้บ่อยๆ และแล้วสายตาของทุกคนที่มองทั้งสองคนก็เปลี่ยนไปเป็นสายตาที่ดูคลุมเครือที่คิดว่าที่จริงแล้วเย้นหว่านและมู่จื่ออี้นั้นมีความสัมพันธ์อะไรกัน? มู่จื่ออี้ที่รูปร่างหน้าตาหล่อดูดีที่ทำให้คนอยากจะแต่งงานกับเขาทันทีที่ได้เห็นเขาแบบนั้น ทันใดนั้นเองคนหลายคนก็เริ่มจะอิจฉาเย้นหว่านแล้ว……และอีกทั้งปูแกะยากยิ่งกว่ากุ้งเสียอีก
โอวน่อหย่าที่กำลังกินกุ้งอย่างเต็มที่ก็พลันรู้สึกว่ากุ้งกลายเป็นไร้รสชาติเหมือนกับกัดเม็ดฝ้ายแห้ง
ไม่ไกลกันนั้น วางหนิงเวย ที่เดินกรีดกรายมาก็บังเอิญเห็นฉากนี้พอดี เห็นว่ามู่จื่ออี้ได้แกะเนื้อปูออกมาไว้ในชามของเย้นหว่าน ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแทบอยากจะเข้าไปฉีกเย้นหว่าน เพราะเมื่อก่อนมู่จื่ออี้แกะปูให้เธอเพียงคนเดียว! อดทนแล้วอดทนอีก ไม่ง่ายเลยที่จะอดทนไม่ให้เข้าไปฉีกเย้นหว่าน จากนั้นวางหนิงเวยก็หยิบโทรศัพท์ออกมาหามุมเหมาะๆ เพื่อถ่ายให้ได้ภาพที่ดูคลุมเครือระหว่างเย้นหว่านและมู่จื่ออี้
คนไม่รู้จักที่โต๊ะและยังมีซือหนานและโอวน่อหย่าอีก ทำให้ เย้นหว่านไม่มีความอยากอาหารจึงไม่ได้กินอะไรมากมาย กองไฟที่ถูกจุดบนหาดทรายขาวและเสียงเพลงที่ถูกเปิดขึ้นมา คนที่รับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว คนส่วนใหญ่ก็วิ่งไปเต้นรำอย่างสนุกสนาน เย้นหว่านที่เต้นไม่เป็นและก็ไม่ได้สนใจอะไรก็อยากที่จะกลับไปที่โรงแรมแล้ว
มู่จื่ออี้เอ่ยปากขึ้นมาว่า “ฉันจะไปส่งเธอกลับ”
“คุณจะไม่ไปเล่นสนุกหรอ?” เย้นหว่านรู้ว่ามู่จื่ออี้นั้นเป็นผู้เล่นตัวจริง ปาร์ตี้กองไฟแบบนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะกับเขาที่สุดแล้ว
มู่จื่ออี้ส่ายหัว “วันนี้ฉันเหนื่อยนิดหน่อย อยากกลับไปพักผ่อนแล้ว”
เย้นหว่านไม่ได้พูดอะไรอีกก็เตรียมกลับไปที่โรงแรมพร้อมมู่จื่ออี้ และในขณะเดียวกันวางหนิงเวยก็เดินออกมาจากด้านข้างโดยไม่ได้สนใจเย้นหว่าน แล้วเดินไปตรงหน้ามู่จื่ออี้ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“จื่ออี้คะ ฉันมีเรื่องที่จะคุยกับคุณ”
“ผมกับคุณไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องมาพูดกันแล้ว” ใบหน้ามู่จื่ออี้ไม่ได้แสดงอาการใดๆ เมื่อพูดจบแล้วก็จากไป
วางหนิงเวยมองอยากเจ็บปวดแล้วก็เข้าไปดึงเขาไว้อย่างดื้อรั้น “ครั้งสุดท้ายที่ฉันจะพูดกับคุณและฉันสัญญาว่าต่อไปจะไม่มากวนคุณอีก”