บทที่ 439 โห้หลีเฉิน
เย้นหว่านนั่งรออย่างมีความหวังอยู่ในห้อง และได้นั่งเปลี่ยนท่าไปแล้วเจ็ดแปดท่า นอกประตูห้องก็ยังไม่ได้การเคลื่อนไหวใดๆ หน้าต่างก็ยิ่งไม่มีคนมาเคาะ
เธอขมวดคิ้วขึ้นด้วยความเซ็ง ทำไมเขาถึงไม่มาหาเธอ
หรือว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาหาเธออยู่แล้ว
ความคิดนี้ทำให้เย้นหว่านรู้สึกเซ็ง และก็ยิ่งกระวนกระวาย เธอมีคำพูดที่ยังอัดอั้นอยู่ในใจ รอแทบไม่ไหวแล้วที่จะบอกกับเขา
รอให้ถึงพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว
เย้นหว่านลังเลสักพัก แล้วตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปที่ประตูเพื่อเปิดออก
แล้วแง้มมองไปด้านนอกที่มืดสนิท ไม่มีแม้แต่เงาของคน
เหมาะเจาะเลย
เธอปิดไฟห้องของตัวเอง จากนั้นก็ปิดประตูลง แล้วค่อยๆเดินไปที่ห้องฝั่งตรงกันข้าม
เมื่อเดินไปถึงหน้าประตู เธอยกมือขึ้นเพื่อจะเคาะประตู แต่ขณะที่มือจะกระทบกับประตูนั้น เธอก็ชะงักขึ้น
เสียงเคาะประตูยามดึกดื่นค่อนข้างดังและกังวาน
ครั้นแล้วเธอจึงลองบิดลูกบิดของประตู คิดไม่ถึงว่า ประตูไม่ได้ล็อก เธอบิดครั้งเดียวก็เปิดออกได้แล้ว
ในห้องที่ไฟเปิดอย่างสว่างไสว ข้างโต๊ะน้ำชานั้น กู้ซึงกำลังนั่งอยู่โดยที่สวมชุดคลุมอาบน้ำ ถือแก้วไวน์ในมือ แล้วโบกมือกวักเรียกเย้นหว่าน
“มานี่สิ”
ท่าทางที่สุขุมใจเย็น ราวกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเธอจะต้องมาหา
บนโต๊ะยังมีน้ำผลไม้อยู่แก้วหนึ่ง ที่เหมือนกับว่าเตรียมไว้สำหรับเธอ
เย้นหว่านรู้สึกวาบหวามในใจ แต่ก็รู้สึกเขิน รู้สึกเหมือนเขากำลังรอเธอมาหา แต่ว่าทำไมเขาถึงไม่ไปหาเธอล่ะ
ราวกับว่าอ่านความคิดเธอออก กู้ซึงยิ้มขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำๆ :
“ในบ้านหลังนี้ มีสายตาที่แอบดูเขาอย่างลับๆอยู่ไม่น้อย ผมเป็นผู้ชาย ถ้าไปที่ห้องของคุณยามดึกดื่น ไม่ถึงหนึ่งนาที คนในบ้านตระกูลเย้นก็จะแตกตื่นทันที
เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้เขามีหนึ่งร้อยปากก็ไม่สามารถที่จะแก้ต่างได้ อีกทั้งยังถูกตั้งข้อหาแล้วก็ล่ามด้วยกุญแจมืออีก
เย้นหว่านครุ่นคิดดูแล้วก็มีเหตุผล
เธอรู้สึกเก้อเขินจนหน้าแดงก่ำ สาวก้าวเดินไปหาเขา “คุณช่างคิดได้อย่างรอบคอบ”
เธอกำลังเดินมาถึงด้านหน้าของกู้ซึง กู้ซึงก็เอื้อมมือไปดึงเธอให้นั่งลงที่ตักของเขา
ลมหายใจของชายหนุ่มได้แผ่กระจายขึ้น
ร่างของเย้นหว่านถูกบีบรัดแน่น แต่เธอก็ให้เขากอดได้อย่างตามใจ
แก้มของเธอแดงระเรื่อ สายตาที่จ้องมองเขาด้วยความถวิลหา
“เกิดอะไรขึ้นกับหน้าของคุณ”
เธอยื่นมือไปแตะที่ผิวหน้าของเขาเบาๆ ใบหน้านี้ดูไม่คล้ายกับเขาเลย
กู้ซึงปล่อยให้เธอจับตามใจชอบ แล้วสายตาก็จับจ้องมองที่เธอด้วยความรักความคิดถึง
“ก็แค่ติดหนังปลอมเท่านั้น ทำเช่นนี้แล้วถึงจะมาเจอคุณได้”
เป็นหนังปลอมเหรอ ทำไมปลอมได้เหมือนจริงมากๆเช่นนี้ ถ้าไม่ได้ยินจากปากของเขา เย้นหว่านก็คงไม่สังเกตเห็น
หนังปลอมนี้เปลี่ยนแปลงแม้กระทั่งรูปหน้าของเขา ฝีมือช่างสุดยอดจริงๆ
เย้นหว่านได้เบาใจลง เป็นหนังปลอมก็ดี เพราะสามารถเอาออกได้ ก่อนหน้านี้เธอเคยคิดอย่างน่ากลัวว่า เขาไปศัลยกรรมมาหรือเปล่า
“โห้หลีเฉิน”
เย้นหว่านจ้องมองเขา แล้วขานเรียกชื่อของเขาอย่างแผ่วเบา ด้วยน้ำเสียงสะอึกและเศร้าใจ
“หือ”
โห้หลีเฉินที่ใบหน้าภายใต้กู้ซึงได้ส่งเสียงเบาๆ แล้วมองดูเย้นหว่านด้วยความอดทน “ทำไมเหรอ”
เย้นหว่านจับเสื้อของเขาไว้ แล้วพูดๆหยุดๆ ผ่านไปสักพัก ถึงได้พูดขึ้นเบาๆว่า :
“คุณจะจากไปอีกหรือเปล่า”
ตอนนี้เขามาที่นี่ด้วยสถานะของกู้ซึง ถึงแม้ว่าจะได้พบกับเธอแล้ว แต่ว่าสถานะนี้ไม่อาจจะอยู่ได้นาน และเธอมักจะรู้สึกว่าไม่ค่อยปลอดภัย
โห้หลีเฉินไม่ตอบแต่กลับถามขึ้น “ คุณอยากให้ผมจากไปหรือเปล่า”
เย้นหว่านส่ายหน้าทันที มือที่จับเสื้อของเขาไว้ได้จับแน่นขึ้นอีก
“ไม่อยากแน่นอน”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็จะไม่จากไป”
โห้หลีเฉินยกมือขึ้นลูบผมของเธอ ด้วยสายตาที่อ่อนโยนและหยาดเยิ้ม
เย้นหว่านรู้สึกมีความสุข แต่ว่าสายตาก็ประกายแสงแห่งความกังวล
“แต่ว่าคุณภายใต้สถานะของกู้ซึง คุณจะไม่อาจสามารถที่จะอยู่ที่นี่นานได้”
อยู่นานไป ก็อาจทำให้คนในบ้านสงสัย และก็ต้องจากลากันอีกเมื่อเวลานั้นมาถึง
โห้หลีเฉินลูบผมของเย้นหว่าน แล้วพูดขึ้นเบาๆ “เย้นหว่าน ผมไม่ได้ต้องการที่จะอยู่กับคุณหลบๆซ่อนๆแบบนี้ตลอดไป”
เย้นหว่านตะลึงงันไปชั่วขณะ หัวใจเหมือนถูกของบางอย่างกระแทกเข้าอย่างจัง
สายตาเปล่งประกายของเธอจ้องมองเขา “คุณกำลังวางแผนทำอะไรเหรอ”
“ทั้งหมดปล่อยให้เป็นหน้าที่ผม ใช้เวลาเพียงไม่นาน ผมจะใช้สถานะของโห้หลีเฉินทำให้คนของครอบครัวคุณยอมรับในตัวผมให้ได้”
โห้หลีเฉินที่น้ำเสียงต่ำในลำคอ แต่ทว่ากลับพูดขึ้นอย่างหนักแน่น
เห็นได้ชัดเจนว่าเขากลับมาในครั้งนี้ นั้นได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว
เย้นหว่านไม่รู้ว่าลึกๆแล้วเขากำลังทำอะไร แต่เมื่อมองดูเขา หัวใจที่ไม่สบายใจนั้นก็เบาใจลงได้อย่างน่าอัศจรรย์
เขารับปากว่า เขาต้องทำให้ได้
และในขณะเดียวกัน ด้านนอกประตูนั้น ที่มุมมืดมีเงาของหยูซือห้านยืนตัวตรงอยู่ และมองมาที่ห้องของกู้ซึง
ในงานเลี้ยงคืนนี้เขารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ยิ่งรู้สึกแปลกๆและไม่สบายใจ
เย้นหว่านทำไมถึงดีกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันขนาดนี้
อารมณ์หวั่นไหวเร็วเกินไปหรือเปล่า
เขาจึงแอบวางแผนในใจ กลางคืนถึงได้มาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เพื่อต้องการมาเห็นบางสิ่งบางอย่าง แต่ผลที่ได้คือ เขาเห็นเย้นหว่านแอบย่องเข้าไปที่ห้องของกู้ซึง
ดึกๆดื่นๆ แอบย่องไปที่ห้อง อีกทั้งเป็นชายหญิง อยู่กันตามลำพังสองต่อสองเช่นนี้ จะทำอะไรกันได้
วันไนต์สแตนด์สำหรับคนในเมืองถือเป็นเรื่องที่ปกติ
แต่นิสัยของเย้นหว่านนั้น เธอค่อนข้างแนวแน่และดื้อรั้นกับความรัก เป็นไปไม่ได้ที่เห็นเพียงครั้งแรกแล้วจะไปนอนอยู่บนเตียงของอีกฝ่าย
ในนี้ต้องมีลับลมคมในแน่ๆ
หยูซือห้านไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ผ่านไปอย่างง่ายดายแน่นอน กู้ซึงเพิ่งมาก็อยากจะมายื้อแย่งกับเขา มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก
ในเมื่อดึกๆดื่นๆเที่ยงคืนอยากอยู่ด้วยกันในห้องเดียวกัน อย่างนั้นเขาก็จะสงเคราะห์พวกเขา
หยูซือห้านเผยอมุมปากยิ้มขึ้นอย่างดูแคลน แล้วหันหลังมุ่งหน้าไปที่ห้องของเย้นโม่หลิน
เคาะประตูจนเปิดออก เย้นโม่หลินที่ยังคงสวมชุดสูทอยู่ เห็นได้ชัดเจนว่ายังไม่ได้นอนหลับ
เขามองหยูซือห้านด้วยความสงสัย “ ดึกขนาดนี้แล้ว มีเรื่องอะไรหรือ”
หยูซือห้านที่แววตาซับซ้อน เหมือนกับว่ามีเรื่องที่ยากจะเอ่ย จึงลังเลอยู่สักพัก จากนั้นถึงได้พูดด้วยความเจ็บปวดว่า : “คุณชายเย้นครับ เมื่อสักครู่ผมได้ไปหาเสี่ยวหว่าน แต่กลับบังเอิญไปเจอเธอย่องไปที่ห้องของกู้ซึง”
เย้นโม่หลินขมวดคิ้ว เขาอุตส่าห์รอให้เย้นหว่านนอนหลับแล้วเขาจึงออกมา แต่เธอกลับแอบตื่นลับหลังเขาอย่างนั้นหรือ
มีเรื่องอะไรกันที่ต้องไปหากู้ซึงดึกๆดื่นๆขนาดนี้
แต่ว่าเย้นโม่หลินกลับไม่ได้นำไปใส่ใจ “บางทีเสี่ยวหว่านอาจมีเรื่องที่ต้องการพูดกับกู้ซึงมั้ง”
“ตอนแรกผมก็คิดเช่นนี้ แต่ว่า…..”
หยูซือห้านสีหน้าดูแย่ มือกำแน่นขึ้น ราวกับถูกทำร้ายอย่างหนัก
“ผมรออยู่ด้านนอกตั้งนาน ก็ไม่เห็นเสี่ยวหว่านออกมาสักที แต่กลับได้ยินเสียงลอยมาจากด้านใน….. ซึ่งเป็นเสียงที่แปลกประหลาด…..”
เขาพูดอ้อมๆ แต่ชายหญิงอยู่กันตามลำพังสองต่อสอง แล้วยังมีเสียงแปลกๆลอยออกมา จะเป็นเสียงอะไรได้เล่า
ถ้าเป็นหนุ่มสาววัยรุ่น ต่างก็คิดไปในทิศทางของเรื่องอย่างว่า
เย้นโม่หลินที่ใบหน้าหล่อเหลา ขุ่นมัวขึ้นกะทันหัน
หยูซือห้านแววตาหม่นหมอง “เดิมทีเรื่องแบบนี้ ถ้าต่างฝ่ายต่างเต็มใจ ผมก็คงไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไร แต่ว่าเสี่ยวหว่านนั้นเพิ่งจะรู้จักกู้ซึงเพียงไม่กี่ชั่วโมง พวกเขาก็พัฒนาความสัมพันธ์กันเช่นนี้แล้ว นี่ไม่ใช่นิสัยโดยปกติของเสี่ยวหว่าน ผมเกรงว่า…..”
หยุดชะงักชั่วคราว หยูซือห้านจึงพูดต่ออย่างเคร่งขรึมว่า : “กู้ซึงอาจใช้เล่ห์เหลี่ยมในการหลอกลวงเสี่ยวหว่าน”