สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน – ตอนที่ 44 ที่นี่ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง

บทที่ 44 ที่นี่ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง

เธอรีบเดินตามเข้าไป เท้าของเธอยังรู้สึกเจ็บอยู่เล็กน้อยแต่ว่าก็สามารถเดินได้แล้ว

“คุณโห้ อยากดื่มชาดอกไม้ไหมคะ? ฉันมีดอกเก๊กฮวยกับมิ้นต์แล้วก็มีมะนาวด้วย” เธอเดินตรงไปยังเคาท์เตอร์น้ำชาแล้วพูดอย่างเขินๆ เพราะปกติแล้วเธอดื่มแต่แบบนี้จึงไม่ได้มีใบชาดีๆ เก็บไว้ แล้วก็ไม่รู้ว่าเขานั้นจะดื่มได้ไหม

“ไม่ต้องหรอก มานั่งเถอะ” โห้หลีเฉินมองดูเธอเดินไปมาก็รู้สึกไม่สบายใจจึงชี้มาที่นั่งข้างกาย เย้นหว่านมองไปก็เห็นมาเขานั้นนั่งอยู่ที่โต๊ะทานอาหาร และในเวลานั้นกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้นแล้วมีเสียงของบริกร

“สวัสดีครับ อาหารเช้าของคุณมาเสิร์ฟแล้วครับ ”

เย้นหว่านตกใจเพราะเธอจำได้ว่าไม่ได้สั่งมา โห้หลีเฉินลุกยืนขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูแล้วสั่งบริกรอย่างเป็นธรรมชาติ “วางไว้บนโต๊ะอาหาร”

“ได้ครับคุณชาย” บริกรก็เดินเข้ามาพร้อมกับรถเข็นอาหารและวางอาหารเช้ามากมายบนโต๊ะจากนั้นจึงเดินออกไปข้างนอก

เย้นหว่านมองดูอาหารเช้าที่วางบนโต๊ะอย่างนิ่งอึ้ง อาหารหลากหลายอย่างนี้ล้วนแต่เป็นอาหารที่เธอชอบ อ่า หรือว่าโห้หลีเฉินอยากจะทานอาหารเช้ากับเธอ? หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างไม่ได้ตั้งใจอยู่หลายครั้ง

โห้หลีเฉินพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่า “ยังไงก็สั่งสำหรับสองที่มาแล้ว มากินด้วยกันเถอะ” ความหมายของเขาเหมือนว่าเขาบังเอิญเอามาให้เธอกินอย่างนั้น แต่ว่านี่เป็นห้องของเธอนะเย้นหว่านงงนิดหน่อยสับสนอยู่ไม่กี่วินาทีเธอก็เดินไปนั่งลงที่โต๊ะอาหารอย่างว่าง่าย

ในตอนเช้าตรู่แสงแดดอ่อนๆ ส่องเข้ามาจากทางหน้าต่างสูงยาวจรดพื้น คนสองคนที่กำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่ ภายในห้องพักเต็มไปด้วยความอบอุ่นอย่างไม่เข้าใจ เงียบสงบและสวยงาม

เย้นหว่านทานอาหารเช้าแสนอร่อยแล้วคอยลอบมองโห้หลีเฉินเป็นครั้งคราว ก็เห็นว่าเขาลักษณะท่าทางในตอนทานอาหารนั้นงดงามไหนจะบวกคะแนนหน้าตาที่หล่อดูดีนั่นอีกทำให้ความอยากอาหารของเธอนั้นดีไม่น้อยเลย

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศสบายๆ ของห้อง

จากนั้นก็ได้ยินน้ำเสียงอบอุ่นน่าฟังของมู่จื่ออี้ดังเข้ามา “เย้นหว่าน ฉันเองนะ”

โห้หลีเฉินที่ได้ยินเสียงนั้น ใบหน้าก็พลันขรึมลงมาทันที เย้นหว่านไม่ได้คิดมากเพราะมู่จื่ออี้เป็นผู้ช่วยของเธอและทั้งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอก็เป็นปกติที่จะแวะมาหา เธอวางตะเกียบลงและเดินไปเปิดประตู

“สวัสดีตอนเช้า เธอนอนหลับสบายไหม?” มู่จื่ออี้ฉีกรอยยิ้มน่ามองขึ้นบนใบหน้าพร้อมยกกล่องอาหารในมือขึ้นมา “นึกว่าเธอยังไม่ตื่นซะอีก ฉันเอาอาหารเช้ามาให้เธอเป็นพิเศษเลย ประทับใจไหม?”

เย้นหว่านชะงักไป เธอหันหลังกลับเข้าไปมองในห้องอย่างลืมตัว เธอทานอาหารเช้าแล้ว……

มู่จื่ออี้เองก็มองตามสายตาเธอไปแล้วสังเกตเห็นว่ามีอีกคนอยู่ในห้อง โห้หลีเฉินที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็แผ่ไอความอันตรายออกมาท่วมตัวและเมื่อเขาเห็นอาหารบนโต๊ะเขารู้สึกประหลาดใจ

เมื่อนึกถึงโห้หลีเฉินที่อยู่ในห้องของตัวเองแล้ว เย้นหว่านก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย

“ขอบคุณนายมากนะ แต่ว่าฉันทานข้าวเช้าแล้ว”

“ไม่เป็นไร ฉันแค่ถือโอกาสเอามาให้เธอด้วยยังไงก็ต้องมาเรียกเธอไปประชุมอยู่แล้ว” มู่จื่ออี้ตอบกลับแล้วยิ้มอย่างไม่สนใจอะไร

เมื่อเย้นหว่านคิดอะไรขึ้นมาได้เธอก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลาและโชคดีที่ยังพอเหลือเวลาก่อนถึงเวลาการประชุม เธอจึงพูดว่า “งั้นรอสักครู่นะ ฉันไปหยิบกระเป๋าก่อน” เมื่อเธอหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องก็เห็นโห้หลีเฉินที่ยังทานอาหารไม่เสร็จ เธอจึงพูดอย่างเกรงใจว่า “คุณโห้ ฉันคงไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนคุณเพราะจะต้องไปประชุมแล้ว คุณก็ค่อยๆ ทานนะคะ”

สีหน้าโห้หลีเฉินขรึมลงทันทีเมื่อเห็นว่าเธอนั้นกำลังจะสวมรองเท้าส้นสูง จึงพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนสั่งว่า “เปลี่ยนคู่”

“หื้ม?” เย้นหว่านตกใจไปครู่หนึ่งที่เขาพูดถึงคือรองเท้าส้นสูงที่เธอสวมอยู่นั้นเขาคงจะกังวลว่าอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าของเธอยังไม่ดีขึ้น แค่คิดหัวใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ข้อเท้าฉันโอเคแล้วค่ะใส่ได้ แต่จะว่าไปฉันก็พกมาแค่รองเท้าส้นสูงค่ะ”

“รอก่อน” โห้หลีเฉินเอ่ยเสียงขรึมจากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและบอกอีกด้านหนึ่งของปลายสายโทรศัพท์ว่า: “ซื้อรองเท้าส้นแบนมาหนึ่งคู่ อืม เย้นหว่านสวมนะ”

“คุณโห้ ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ” เธอรีบเอ่ยปากพูดแต่เห็นว่าโห้หลีเฉินได้วางโทรศัพท์แล้ว

โห้หลีเฉินเงยหน้าขึ้นมามองเธอ “มาทานอาหารเช้าให้เรียบร้อย”

เพราะในชามของเย้นหว่านนั้นยังมีโจ๊กเหลืออยู่ครึ่งชาม โห้หลีเฉินเป็นบอสใหญ่ของเธอและเธอไม่สามารถออกไปตอนนี้ได้ต้องรอให้เว่ยชีนำรองเท้ามาส่งก่อน แล้วก็ต้องทานอาหารให้เสร็จเรียบร้อย…….

“จื่ออี้ นายไปก่อนเลย ฉันต้องรอของก่อน”

“ฉันเป็นผู้ช่วยของเธอ ไม่มีประโยชน์หรอกถ้าให้ไปคนเดียวก่อน เดี๋ยวรอเธอดีกว่า” มู่จื่ออี้พูดอย่างใจกว้างแล้วก็เดินเข้ามา เมื่อเขาเดินเข้ามาแล้วนั้นก็รู้สึกได้ถึงไอเย็นแปลกๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ไปสบตาเข้ากับสายตาคมที่ดูอันตรายของโห้หลีเฉิน เหมือนเป็นการเตือนผู้ชายคนนั้นที่บุกรุกเข้ามาในเขตของเขา

มู่จื่ออี้แอบตกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เม้มปากแล้วเดินเข้าไปตรงหน้าโห้หลีเฉิน

“ไม่คิดว่าท่านประธานก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน บังเอิญจริงๆ”

โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

แต่เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างเย้นหว่านและโห้หลีเฉิน ทำให้เธอรู้สึกร้อนตัวขึ้นมาเลยพูดออกไปอย่างไม่รู้ตัวว่า “ตอนที่ฉันกลับมาเมื่อคืนบังเอิญเจอกับท่านประธาน ไม่คิดว่าท่านก็พักอยู่ที่นี่ห้องถัดไปนี่เอง อยู่ใกล้กันก็เลยได้มากินข้าวด้วยกันน่ะ” เธอกับเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันจริงๆ แต่ยิ่งเย้นหว่านพูดอย่างนี้ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนอยากปกปิดแต่ก็ยิ่งเปิดเผยมากเท่านั้น

มู่จื่ออี้มองเย้นหว่านด้วยสายตาซับซ้อนและในใจก็รู้สึกอึดอัดแปลกๆ เขาได้ยินโห้หลีเฉินที่เพิ่งจะพูดในสายโทรศัพท์ ตอนนั้นโห้หลีเฉินไม่ได้พูดขนาดรองเท้าเลย เขาแค่บอกว่าเย้นหว่านเป็นคนสวม ซึ่งหมายความว่าเขานั้นรู้ขนาดรองเท้าของเย้นหว่านอย่างดีและอาจจะเคยซื้อมากกว่าหนึ่งครั้ง นั่นหมายความว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นไม่ธรรมดา

ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาทีเว่ยชีก็มาพร้อมกับรองเท้าส้นแบนคู่ใหม่ซึ่งเป็นแบบใหม่ล่าสุดของฤดูกาลนี้และอีกทั้งคำนึงถึงสไตล์การแต่งกายตามปกติของเย้นหว่านซึ่งเป็นรองเท้าที่เหมาะกับเธอมาก

“ขอบคุณค่ะ,ขอโทษที่รบกวนนะคะ” เย้นหว่านกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพพร้อมรับรองเท้ามาสวม พอมองดูเวลาอีกรอบก็ยังทันเวลาการประชุมอยู่

เย้นหว่านและโห้หลีเฉินออกไปด้วยกันและขึ้นลิฟต์ไปด้วยกัน แต่เธอนั้นไปประชุมที่ชั้นสาม ส่วนโห้หลีเฉินไปที่ชั้นลบสอง เธอเดาว่าเขาคงจะไปอาคารจอดรถแล้วออกไป

“คุณโห้ ขอบคุณมากสำหรับการดูแลนะคะ แล้วพบกันค่ะ” เย้นหว่านหันไปพูดกับโห้หลีเฉินก่อนออกออกจากลิฟต์อย่างมีมารยาท แต่โห้หลีเฉินก็ยืนนิ่งด้วยสีหน้าไร้อารมณ์และสายตาที่ยากจะคาดเดาได้ แต่ตอนนี้เธอได้เข้าร่วมการแข่งขันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญการเปลี่ยนผู้ช่วยจะมีผลต่อการแสดงความสามารถของเธอ…… เมื่อมองตามจนประตูลิฟต์ปิดลง เธอก็รีบเดินไปห้องประชุมทันทีและมาถึงเพียงไม่กี่นาทีก่อนถึงเวลา

ในเวลานั้นผู้คนต่างก็มาพร้อมกันในห้องประชุมแล้วและดูเหมือนว่าพวกเขากำลังพูดเรื่องอะไรบางอย่างกันอยู่ เมื่อเย้นหว่านมาถึงแล้ว จู่ๆ เสียงซุบซิบของพวกเขาก็หยุดลงแล้วก็มองเย้นหว่านด้วยสายตาแปลกๆ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกลางสังหรณ์ใจไม่ดีแป

ลกๆ ขึ้นมา

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

“คุณผู้หญิง ผมจะไม่แต่งงานกับคุณ” นี้คือประโยคแรกที่เขาพูดกับเธอ เธอรู้ชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นยังไง แกล้งทำเป็นคู่หมั้นของเขาอย่างเชื่อฟัง แต่ในหนึ่งวัน เธอโดนเขาจับขึ้นเตียงและลูบไล้ เธอตกใจ “คุณโห้ คุณเคยบอกแล้วว่า เราเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางสัญญา” “ผมยกเลิกแล้ว” เขาได้รู้แล้วว่า เธอเป็นผู้หญิงที่เขาตามหามานาน เขาจะปล่อยมือไปได้ยังไง? “เพื่อเป็นการชดเชย ผมเป็นของคุณแล้ว”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset