บทที่444 หาเรื่องใส่ตัว จะแก้ไขยังไง
หรือว่า โห้หลีเฉินตื่นเช้า แล้วก็ออกไปแล้วงั้นเหรอ?
เมื่อก่อนเขามีนิสัยชอบไปวิ่งตอนเช้า
พอคิดได้แบบนี้แล้ว เย้นหว่านก็เหมือนกับว่าคว้าฟางช่วยชีวิตได้ แล้วก็รีบวิ่งออกไปด้านนอกทันที
เย้นหว่านเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสรุปแล้วโห้หลีเฉินไปวิ่งที่สวนเล็กของเธอ หรือว่าไปวิ่งที่สนามใหญ่ด้านนอก เธอทำได้แค่ไปที่สวนเล็กของตัวเองก่อน ตามหาจนทั่ว ไม่มีใคร แล้วก็รีบไปหาที่สนามใหญ่
ถ้าจะเดินจากสวนเล็กไปส่วนใหญ่ต้องเดินผ่านเดินผ่านทางเดินของคฤหาสน์ เย้นหว่านรีบเดิน ทันใดนั้น ก็ชนเข้ากับแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่งอย่างไม่ทันระวัง
แผ่นหลังของเขาทั้งกว้างและแข็ง เหมือนกับเหล็ก ทำให้เย้นหว่านที่เดินชนนั้นรู้สึกเจ็บหน้าผาก
“เจ็บ”
เธอกุมหน้าผากแล้วก็ถอยหลังไป ตอนนี้เอง ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าก็หันหน้ามา
เสียงที่ทุ้มต่ำและเป็นห่วงดังมาจากด้านบน “เธอจะรีบวิ่งไปไหนกัน ไม่ระวังตัวขนาดนั้น ชนแล้วเจ็บไหมล่ะ? ”
ระหว่างที่พูด มือของผู้ชายคนนั้นก็ยื่นเข้ามาหาเย้นหว่าน
เย้นหว่านอยากจะถอยหลัง พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็คุ้นเคยมากของกู้ซึง
เขาอยู่นี่เหรอ?
เท้าของเย้นหว่านที่กำลังจะถอยหลังก็หยุดลง เธอยื่นมือออกไปแล้วก็จับมือเขาไว้
“นายไปไหนมา? ฉันหานายซะทั่วเลย”
น้ำเสียงของเธอดูเศร้า
โห้หลีเฉินเห็นเธอเป็นแบบนี้ ความอ่อนนุ่มในหัวใจก็พังทลายลง
เขาจับมือเล็กๆ ที่เย็นของเธอ มุมปากก็คลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วก็พูดอย่างคลุมเครือ
“ทำไม ไม่เจอกันแค่คืนเดียว กลัวว่าฉันจะหนีไปเหรอ? ”
“แน่นอน นาย……”
พึ่งจะพูดออกไป เย้นหว่านก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง แล้วก็รีบปิดปาก แก้มก็แดงขึ้นมาทันที
เธอไม่เจอเขาแค่คืนเดียวก็รีบร้อนอยากจะเจอเขาแล้ว นี่มันเห็นได้ชัดว่าเธอติดเขาเกินไปรึเปล่า ปกติแล้วผู้ชายจะไม่ค่อยชอบให้ผู้หญิงเกาะติดตัวเองมากเกินไป
โห้หลีเฉินกุมมือของเย้นหว่านไว้ แล้วก็เขย่าไปมา
น้ำเสียงเบามาก “แม้ว่าเธออยากจะอยู่ติดฉันตลอด24ชั่วโมง ฉันก็ชอบ”
ทันใดนั้นหัวใจของเย้นหว่านก็เต้นพลาดจังหวะ
มองดูใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยตรงหน้าของตัวเอง แต่ว่าในใจกลับรู้สึกเหมือนได้ดื่มน้ำผึ้ง เต็มไปด้วยความรักที่แสนหวาน
เย้นหว่านใจเต้นพร้อมกับหน้าแดงที่ถูกเขากุมมือ พร้อมกับพูดด้วยเสียงเบา
“นายกำลังทำอะไรอยู่? ”
“ใกล้ถึงเวลาอาหารเช้าแล้ว”
โห้หลีเฉินมองไปที่เย้นหว่านด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง แววตาเป็นประกายสว่างไสว “ฉันรอเธออยู่ที่นี่”
วันนี้เย้นหว่านตื่นแต่เช้าเป็นพิเศษ ยังห่างจากเวลาอาหารเช้าเยอะ พอได้ยินโห้หลีเฉินพูดแบบนี้ เธอก็รีบดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ถึงได้พบว่าเธอเดินไปเดินมา จนใกล้จะถึงเวลาทานอาหารเช้าแล้ว
ถึงแม้ว่าเมื่อวานที่งานปาร์ตี้นั้นโห้หลีเฉินจะได้เจอกับพ่อแม่ของเธอแล้ว แต่ว่าอาหารเช้ามื้อนี้มันแตกต่างกัน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกัน
คิดไปคิดมา เย้นหว่านก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
“ถ้ายังงั้นพวกเราไปกันเถอะ”
ทางเดินนี้สามารถตัดจากสวนเล็กไปยังอาคารหลัก และก็ไปห้องอาหารได้
ทันใดนั้นโห้หลีเฉินก็ออกแรง ดึงมือเล็กๆ ของเย้นหว่าน แล้วก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาในทันที
เขาค่อยๆ ก้มหน้าลงมา จ้องเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำและเซ็กซี่
“ไม่รีบ”
ไม่รีบ? แล้วจะทำอะไร?
เย้นหว่านถูกเขากอด แล้วก็หดตัวโดยอัตโนมัติ ตอนที่กำลังจะเอ่ยปากถามเขา แต่ก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาขยับเข้ามาใกล้ใบหน้าของเธอขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากนั้น ริมฝีปากเย็นๆ ก็ประจบลงบนริมฝีปากของเธอ
ในหัวของเย้นหว่านมีเสียงดัง “ปัง” สับสนวุ่นวายไปหมด
เขา เขาจูบเธอในเวลานี้ได้ยังไง?!
นี่คือทางเดินไปยังอาคารหลัก มีคนเดินไปเดินมา ถ้าเกิดว่ามีคนเห็นพวกเขาตอนนี้แล้วจะอธิบายยังไง?
เธอยังไม่พร้อมที่จะสารภาพกับครอบครัวเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับกู้ซึงนะ
“อุ้บ”
เย้นหว่านยื่นมือออกไปอย่างตื่นตระหนก อยากจะผลักโห้หลีเฉินออก
แต่ว่ามือของโห้หลีเฉินก็โอบรอบเอวของเธอ แข็งเหมือนกับเหล็ก ไม่สามารถขยับได้ กอดเธอไว้แน่น เหมือนจะฝังเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา
จูบของเขา ทั้งเอาแต่ใจและลุ่มหลง
เสียงที่ทุ้มต่ำดังลอดออกมาจากริมฝีปากและฟันของเขา “ให้ฉันกอดหน่อย ฉันคิดถึงเธอ”
ประโยคเพียงเบาๆ เหมือนกับว่าไฟฟ้าช็อต ช็อตลงมาที่หัวใจของเย้นหว่าน
พละกำลังที่จะต่อต้านของเธอก็หายไปจนหมดสิ้น
เขาพูดประโยคแบบนี้ออกมาตอนนี้ได้ยังไง? แบบนี้มันโกงนะ!
เย้นหว่านบ่นในใจ แต่ก็เหมือนกับถูกรดด้วยน้ำผึ้ง อวัยวะของสัมผัสได้แต่รสจูบที่เผด็จการและแข็งแรงของเขา พายุเข้าครอบงำแล้วก็กลืนกินสติของเธอไปหมด
เธอพิงอ้อมแขนของเขาอย่างนุ่มนวล เธอไม่ได้คิดอีกแล้วว่าถ้าเกิดคนอื่นเห็นเข้าจะทำยังไง
เธอเต็มใจที่จะอยู่กับเขาแบบนี้ ไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา ตราบสิ้นดินฟ้า
“แค่กๆ ”
มีเสียงไอเบาๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาไม่ไกลนัก
เหมือนกับว่าฟ้าผ่า ผ่าลงที่หัวของเย้นหว่าน ทำให้สติของเธอบินหายไปในทันที
มีคนเห็นแล้ว!
เธอกำลังจูบกับกู้ซึงอยู่!
เย้นหว่านกลัวจนตัวหด เธอผลักโห้หลีเฉินออกในทันที มองไปยังต้นเสียงนั้นอย่างตื่นตระหนก
ก็เห็นว่ากู้จื่อเฟยยืนพิงกำแพงอยู่อย่างสบายใจ มองมาที่พวกเขาเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
แล้วเธอก็เตือนว่า “มีสาวใช้เดินผ่านมาแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเธออยากจะหาเรื่องใส่ตัวจนสุดจะทนแล้ว ก็ควบคุมตัวเองก่อนเถอะ”
คำพูดที่คลุมเครือพวกนั้น ทำให้เย้นหว่านหน้าแดงเป็นแอปเปิลทันที
เธอมองโห้หลีเฉินอย่างเขินอาย แล้วก็พูดกับกู้จื่อเฟยด้วยเสียงที่เบาที่สุดว่า “เธออย่าพูดอะไรมั่วซั่ว”
อะไรคือควบคุมหรือไม่ควบคุมกัน……
กู้จื่อเฟยเอามือกอดอก เธอยิ้มอย่างหยอกเย้า “ฉันพูดมั่วอะไรกัน? เธอมองดูสายตาของคนนั้นของเธอก่อนเถอะ ไฟเผาไหม้อย่างกระหายจนแทบจะกัดกินเธอเข้าไปอยู่แล้ว”
เย้นหว่านมองไปที่โห้หลีเฉินอย่างไม่รู้ตัว สบกับสายตาและมืดและเงียบเหมือนกับไฟของเขา มีไฟลุกโชนอยู่ในส่วนลึกของดวงตาที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
จูบเมื่อกี้ เขา……
แก้มของเย้นหว่านแดงขึ้นยิ่งกว่าเดิม หัวใจเต้นแรงมาก เหมือนกับว่าวินาทีต่อมาจะบินออกมาจากหน้าอกของเธอยังไงยังงั้น
เธอไม่กล้ามองเขา อยากจะเดินอ้อมเขาไป แต่ทันใดนั้นโห้หลีเฉินก็ยื่นมือออกมา แล้วก็คว้าแขนของเธอไว้
ร่างที่สูงใหญ่ของเขาขยับเข้ามา แล้วก็โน้มเข้ามากระซิบข้างหูของเธอว่า
“ไฟที่เธอจุดขึ้นมา จะไม่แก้ไขหน่อยเหรอ? ”
แก้ไขงั้นเหรอ? ที่นี่คือทางเดิน แถมกู้จื่อเฟยก็กำลังมองอยู่ แล้วอีกเดี๋ยวก็จะมีคนรับใช้เดินมาแล้ว เธอจะแก้ไขมันยังไง
เย้นหว่านถอยไปหลังอย่างเขินอาย บีบคำสองคำออกมาจากลำคออย่างยากลำบาก
“ฉัน ฉัน……ตอนนี้ไม่ได้ นาย นายทนหน่อย”
มุมปากของโห้หลีเฉินยกขึ้นอย่างมีความสุข แล้วก็พูดว่า “ทนหน่อยงั้นเหรอ ถ้ายังงั้นเดี๋ยวเธอจะแก้ไขให้ฉันยังงั้นเหรอ? ”
แก้มและร่างกายของเย้นหว่านร้อนไปหมด เหมือนกับกุ้งที่ถูกต้มจนสุก
ปัญหานี้ ทำไมเขาต้องไล่ถามอย่างเอาแต่ใจด้วย น่าอายจริงๆ
โห้หลีเฉินกลับไม่ปล่อยเธอไป แถมยังขยับเข้ามาใกล้หน่อย น้ำเสียงทุ้มต่ำและร้อนแรง
“หืม? ”
เย้นหว่านรู้สึกว่าขาอ่อนไปหมด
เธอรู้สึกลุกลี้ลุกลนและเขินอายมาก ตอนนี้เอง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา
อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย คือสาวใช้ของบ้านเธอเอง
เธอกับโห้หลีเฉินตอนนี้ ถ้าเกิดว่าพวกเธอเห็นเขา ไม่รู้เลยว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น……