บทที่456 แข่งรถเดิมพันชีวิต
เย้นหว่านไม่เข้าใจเรื่องการแข่งรถ และอยากจะจบการเดิมพันนี้เร็วๆ จึงถามไปว่า: “เปลี่ยนเป็นอะไร?”
หยูซือห้านมองโห้หลีเฉินและพูดว่า “แข่งรถเดิมพันด้วยชีวิต”
“แข่งรถเดิมพันด้วยชีวิตงั้นเหรอ?”
เย้นหว่านสงสัย เธอไม่รู้ว่าเล่นยังไง แต่แค่ได้ยินชื่อ ก็รู้สึกไม่ดีมากแล้ว
และคนที่รู้เรื่องรถ โห้หลีเฉินกับเย้นโม่หลิน สายตามืดมนลงไปมาก
หยูซือห้านสีหน้าสง่า อธิบายว่า:
“การแข่งรถเดิมพันชีวิต ก็คือให้รถแข่งทั้งสองคน เผชิญหน้ากัน เพิ่มความเร็ว พุ่งออกไป ถ้ามีคนหนึ่งหมุนพวงมาลัย หรือจอดก่อน ก็แพ้”
เย้นหว่านเบิกตาโพลงโต พูดอย่างตกใจ “งั้นถ้าสองคนไม่ยอมแพ้ล่ะ?”
“งั้นก็พุ่งชนเข้าหากัน รถพังคนตาย”
สี่คำสุดท้าย หยูซือห้านตั้งใจเน้นเสียงหนัก น้ำเสียงนั้นดูจะอาฆาตอย่างมาก
สายตาเขามองโห้หลีเฉินอย่างจริงจัง และพูดด้วยน้ำเสียงท้าทาย “แข่งด้วยชีวิต ถึงจะแสดงออกถึงความกล้าและเลือดลูกผู้ชายได้ และตระกูลเย้น ด้านนอกดูจะสันติ ตระกูลใหญ่ที่อยู่ได้มานานขนาดนี้ ก็ต้องมีการฆ่าฟันและมุมมืดอยู่ไม่น้อย ถ้าอยากจะอยู่ในตระกูลเย้น การแข่งรถแบบนี้เป็นการท้าทายที่เอาชนะใจพวกเขาได้ ถ้าไม่กล้าละก็ กลับไปเมืองหนานเมืองที่สงบสุขนั้นเถอะ ไปอยู่ตรงนั้นทั้งชีวิตเลยไป”
กู้ซึงเป็นคนเมืองหนานอยู่แล้ว ขี้ขลาดหน่อยก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แต่พอหยูซือห้านพูดแบบนี้แล้ว ถ้ากู้ซึงแสดงความกลัวหรือไม่กล้าตอบโต้ ก็ไม่สิทธิอยู่ในตระกูลเย้นต่อ
ก็แสดงว่ายอมรับแล้วว่า เขากับเย้นหว่านไม่มีทางอยู่ด้วยกันได้
การแข่งขันครั้งนี้ ก็คือการบีบบังคับและแผนที่เพื่อทำให้เขาเสียหน้า
โห้หลีเฉินสายตามืดมน มองหยูซือห้านอย่างนั้น เขาเม้มปาก สีหน้าอาการที่ดูไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่
เย้นหว่านรีบร้อนขึ้นมาทันที เธอก้าวออกมาพูดอย่างตื่นเต้นว่า: “ฉันไม่ยอมรับการแข่งขันนี้!”
อันตรายเกินไปแล้ว
นี่เป็นการเดิมพันด้วยชีวิตเลยนะ
กว่าเธอจะได้เจอโห้หลีเฉิน ยังไม่ได้อยู่กับเขานานๆเลย เธอไม่มีทางให้เขาไปเสี่ยงอันตราย และไม่อยากให้เขาเป็นอะไรไปด้วย
ครั้งก่อนตอนที่อยู่เมืองหนาน โห้หลีเฉินก็ถูกรถชนเพื่อเธอ ร่างกายเขาอาบไปด้วยเลือดอยู่ในอ้อมกอดเธอ ตอนนี้เธอคิดแล้วก็ยังกลัวอยู่เลย
“ก็เพื่อความสนุกเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องอันตรายแบบนี้! ในเมื่อถนนบนเขาถูกปิดแล้ว พวกเราก็รอสักสองสามชั่วโมงก็ได้ ค่อยขึ้นเขาไม่เห็นเป็นไรเลย”
น้ำเสียงเย้นหว่านเด็ดขาด แน่วแน่ เธอไม่เห็นด้วยกันการเดิมพันครั้งนี้
หยูซือห้านเหมือนจะรู้ว่าเย้นหว่านต้องคัดค้านแน่ เขาหัวเราะ น้ำเสียงอ่อนโยน แต่คำพูดกลับท้าทายมาก
“เสี่ยวหว่าน ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกเรา แต่ยังไงนี่ก็เป็นเรื่องของผู้ชาย สำหรับลูกผู้ชายแล้ว การแข่งรถเดิมพันชีวิตแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย”
“อีกอย่าง ฉันว่านะ เธอเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลกนี้ ถ้าได้คู่ควรกับเธอ ก็ต้องเป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก มีความรับผิดชอบ และมีความกล้าหาญ ผู้ชายแบบนี้ ถึงจะปกป้องเธอไปตลอดชีวิตได้”
หยูซือห้านพูดอย่างห้าวหาญ สายตาก็แอบเหลือบไปทางเย้นโม่หลิน
เย้นโม่หลินให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
เขาเป็นผู้ชายที่ใช้ชีวิตอยู่ในความมืดอยู่แล้ว ไม่เพียงแต่มีความกล้าเท่านั้น การแข่งรถเดิมพันด้วยชีวิตตอนยังหนุ่มเขาคงเล่นมาแล้ว สำหรับเขาการแข่งรถแบบนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอยู่แล้วด้วย
ในใจเขา เย้นหว่านเป็นเหมือนไข่ในหิน สามีในอนาคตต้องผ่านการทดสอบมากมาย ต้องเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดเท่านั้น
และการแข่งรถเดิมพันชีวิต ก็เป็นการทดสอบที่ดีอีกอย่างหนึ่งเหมือนกัน
สีหน้าเย้นโม่หลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหันไปมองโห้หลีเฉิน และพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “ฉันคิดว่าหยูซือห้านพูดมาก็มีเหตุผล ผู้ชายที่กล้าเล่นแข่งรถเดิมพันด้วยชีวิต ถึงจะกล้าหาญ คุณชายกู้ไม่อยากลองหน่อยเหรอ?”
เย้นหว่านตกใจอย่างมาก ไม่คิดว่าพี่ชายตัวเองจะพูดแบบนี้
เรื่องที่เล่นด้วยชีวิตแบบนี้ทำไมเขาถึงอยู่ฝั่งหยูซือห้านกันล่ะ?
เธอรีบวิ่งไปข้างๆเย้นโม่หลิน ดึงแขนเสื้อเขา พูดอย่างจริงจังว่า:
“พี่คะ นี่แค่การแข่งขันบันเทิงที่พูดออกมาเรื่อยเปื่อยเท่านั้น แข่งหรือไม่แข่งก็ไม่สำคัญ และการแข่งรถเดิมพันชีวิต เป็นการไม่เห็นความสำคัญของชีวิตเลยนะคะ”
“ขอแค่ยอมแพ้ก่อน ก็จะไม่มีคนบาดเจ็บไง”
เย้นโม่หลินพูดปลอบเสียงเบา อารมณ์ดูจะผ่อนคลายลงไปมาก
เขายังคงสนับสนุนการแข่งรถเดิมพันชีวิตอยู่
หัวใจของเย้นหว่านแทบจะสลาย ชาไม่เป็นแถบ ไม่ว่าหยูซือห้านจะท้าทายยังไงก็ไม่สำคัญทั้งนั้น แต่เธอรู้ว่า โห้หลีเฉินอยากอยู่กับตัวเอง ก็ต้องให้ความสำคัญกับความคิดของเย้นโม่หลิน
เรื่องนี้ถ้าเย้นโม่หลินก็สนับสนุนละก็ โห้หลีเฉินก็ต้องตอบเพื่อรักษาความประทับใจครั้งแรกที่เจอกันไว้……
“กู้ซึง นายใจเย็นนะ อย่าตกลงเด็ดขาดเลย”
เย้นหว่านเห็นเย้นโม่หลินไม่ยอมฟังตัวเอง ก็รีบไปตรงหน้าโห้หลีเฉิน มองเขาอย่างตื่นเต้น
“การแข่งขันไม่สำคัญหรอก นายไม่ต้องเข้าร่วมก็ได้ ฉันไม่อนุญาต”
โห้หลีเฉินก้มหน้าลงช้าๆ มองเย้นหว่าน
สีหน้าเธอตื่นเต้นอย่างมาก สายตาเต็มไปด้วยความกังวลและเป็นห่วง ดวงตากลมโตนั้นมองดูเขา มีแต่เขาเท่านั้น
เหมือนเขาเป็นโลกทั้งใบของเธอ
หัวใจของโห้หลีเฉินทั้งอบอุ่น และพอใจ นี่เป็นความคาดหวังที่ใหญ่ที่สุดของเขา ก็คืออยู่ในใจเธอให้ได้
ตอนนี้เขาทำได้แล้ว อยากจะอยู่ดูแลเธอไปตลอดทั้งชีวิต
แต่ว่า เธอกับเขาจะอยู่ด้วยกันได้ ยังต้องได้รับอนุญาตจากพ่อแม่และพี่ชายของเธอก่อน
การแข่งขันวันนี้ สำหรับโห้หลีเฉินแล้ว เป็นโอกาสการเริ่มต้นอย่างหนึ่ง
โอกาสดีที่จะเผยความสามารถของเขา
“เย้นหว่าน”
โห้หลีเฉินเอ่ยปากพูด ด้วยน้ำเสียงโทนต่ำและอ่อนโยน แต่ก็เด็ดขาด “เชื่อใจฉัน ฉันไม่เป็นไรแน่นอน”
ความหมายก็คือ เขาจะเข้าร่วม
เย้นหว่านรู้สึกเย็นวูบวาบในใจ ยื่นมือไปคว้ามือโห้หลีเฉินไว้แน่น
“ฉันไม่ให้นายไปหรอกนะ”
เธอใช้แรงจับมือเขาไว้แน่น ดวงตาสองข้างของเธอแดงก่ำ เสียงเริ่มสะอื้น
สายตาของโห้หลีเฉินเปล่งประกาย ใจอ่อนขึ้นมาทันที เกือบจะตอบเธอไปแล้ว
แต่โอกาสนี้มีไม่มาก
และถ้าไม่แข่ง หยูซือห้านต้องใช้โอกาสนี้ดูถูก และย่ำยีชื่อเสียงของเขาแน่ เย้นโม่หลินตอนแรกที่ยังรู้สึกดีกับเขาก็ต้องถูกหักคะแนนแน่
ไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ของเขาและเย้นหว่าน
ผลประโยชน์สำคัญมาก โห้หลีเฉินกัดฟันตัดสินใจตกลงแข่งขัน
เขาจับมือเย้นหว่านไว้แน่น จ้องมองเธอเขม็ง และพูดเสียงเข้มว่า: “เธอไม่เชื่อใจฉันแล้วเหรอ?”
เย้นหว่านอึ้ง รีบส่ายหน้าพูดว่า “ฉันเชื่อใจนายอยู่แล้ว แต่ว่าฉัน……”
“งั้นก็เชื่อฉันเถอะ รับรองว่าไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน”
น้ำเสียงของโห้หลีเฉินเด็ดขาดแน่วแน่ คำสัญญาของเขา ทำให้เธอวางใจลงไปมาก
หัวใจเย้นหว่านเต้นเร็วกว่าเดิม มองดูหยูซือห้านที่มีสีหน้าเข้มงวด เธอรู้สึกไม่ดีเอามากๆ
เหมือนจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเลย