บทที่470 เปิดโปงแล้ว
เวลานี้ ปกติแล้วเย้นโม่หลินจะอยู่ในห้องทำงานยุ่งอยู่กับเรื่องของเขา เย้นหว่านเดินไปที่ห้องทำงานทันที แต่ว่าระหว่างทางนั้น กลับเห็นคนหลายคนที่อยู่ในห้องรับแขกโดยที่ไม่คาดคิด
ท่ามกลางนั้นมีพ่อแม่ของเธอ เย้นโม่หลิน แล้วก็ลุงๆ ป้าๆ แก่ๆ หลายคน
อย่างมากเย้นหว่านก็เคยเจอครั้งสองครั้ง ไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ แต่ว่าก็รู้สถานะของพวกเขา ก็ถือว่าเป็นญาติของพวกเธอ ผู้อาวุโสของตระกูลเย้นที่ทรงคุณวุฒิ
ปกติแล้วพวกเขาจะไม่มาที่บ้านตระกูลเย้น นอกจากว่าจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นเท่านั้น
เย้ขมวดคิ้วอย่างอารมณ์เสีย ตอนนี้เรื่องที่เร่งด่วนมากของโห้หลีเฉินยังไม่ทันได้รับการแก้ไข แล้วนี่มันเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นกันอีก?
ช่างเป็นปีซวยจริงๆ เลย
เย้นหว่านทั้งหดหู่และเป็นกังวล เธอเดินเข้าไปในห้องรับแขก และยืนอยู่ข้างๆ กงจืออวีอย่างน่ารัก
เธอกำลังจะแอบถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นว่า คนอื่นๆ ที่อยู่ในสถานที่นั้นพอเห็นเธอมาแล้วก็หุบปากลงทันที
ไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่นิดเดียว บรรยากาศที่เงียบงันนั้นช่างน่าแปลก
เย้นหว่านอึ้งไป ไม่ว่าปฏิกิริยาจะช้าแค่ไหน ก็รู้ว่าเรื่องที่พวกเขากำลังพูดอยู่นั้น คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเธอ
พอคิดไปถึงข่าวลือที่ปลิวว่อนไปทั่วบ้านเมื่อสองวันที่ผ่านมา หัวใจของเย้นหว่านก็เต้นขึ้นอย่างกระสับกระส่าย
เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาความสงบนิ่ง เธอกุมมือของกงจืออวี แล้วก็คลี่ยิ้มพร้อมกับเอ่ยปากถามว่า
“แม่ พวกลุงๆ ป้าๆ มาทำอะไรกันเหรอ? วันนี้ที่บ้านของพวกเรามีงานปาร์ตี้หรือยังไง? ”
สีหน้าของกงจืออวีสั่นไหว มองดูเย้นหว่าด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดกับเย้นหว่านยังไง
ตอนนี้เอง ก็มีชายชราผมขาวก้าวขึ้นมาด้านหน้า ดวงตาที่สลัวของเขาก็ส่องประกายแสงอันเฉียบคมและชาญฉลาด
เขามองเย้นหว่าน แล้วก็เอ่ยปากพูดว่า “เสี่ยวหว่าน พวกเราเป็นห่วงหนู ก็เลยมาที่นี่เพราะหนู”
เพราะเธอยังงั้นเหรอ?
เย้นหว่านใจเต้นแรง ความรู้สึกวิตกกังวลเกือบจะถึงขีดสุด
ที่แท้พวกเขาก็มาเพราะว่าเรื่องของโห้หลีเฉินยังงั้นเหรอ
ตอนนี้มันรุนแรงถึงขนาดที่ทำให้ลุงๆ ป้าๆ ตระกูลเย้นแตกตื่นแล้วยังงั้นเหรอ?
เย้นหว่านหน้าซีด พยายามฝืนยิ้มต่อไปอย่างยากลำบาก ท่าทีดูอวดดีเล็กน้อย เหมือนกับว่าไม่ยอมรับความหวังดี
“คุณลุงก็เป็นห่วงเกินไปแล้ว หนูยังสบายดีจะตายค่ะ ไม่มีอะไรที่ต้องน่าเป็นห่วงหรอก พวกลุงๆ ป้าๆ วางใจเถอะค่ะ ควรจะมีความสุขสิถึงจะถูกต้อง ไม่ต้องมาเป็นห่วงเรื่องของหนูหรอกค่ะ”
คำพูดที่ดูมีมารยาท แต่ว่าเต็มไปด้วยการปฏิเสธอย่างเห็นได้ชัด
เย้นหว่านไม่อยากให้ลุงๆ ป้าๆ พูดเรื่องของเธอออกมา ไม่ยังงั้นเรื่องของโห้หลีเฉินก็จะถูกโยนขึ้นบนกระดานทันที เธอไม่รู้ว่าจะปกปิดมันยังไง
พวกผู้ใหญ่ก็ไม่คิดว่าเย้นหว่านจะปฏิเสธแบบนี้ ความหวังดีของพวกเขาถูกปฏิเสธซะจนหมดจด
ยังไงพวกเขาก็เป็นคนที่เคยผ่านน้ำร้อนมาก่อน พอเห็นว่าเย้นหว่านที่เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องมีท่าทางแบบนี้ พวกเขาก็ลังเลว่าควรจะพูดต่อไหม ยุ่งเรื่องของคนอื่น
ยังไง ความหวังดีที่ยัดเยียดให้ ก็ไม่ถูกคนอื่นมองว่าเป็นความหวังดีหรอก
กงจืออวีขยับคิ้วเล็กน้อย แล้วก็มองไปที่เย้นหว่านอย่างประหลาดใจ ในความทรงจำของเธอ เย้นหว่านนอกจากจะดื้อนิดหน่อยบ้างแล้ว แต่ปกติอารมณ์ก็นุ่มนวล มีความเคารพและมีมารยาทกับผู้ใหญ่เสมอ
แต่ว่าคำพูดวันนี้ ถือว่าไม่มีมารยาทเอาซะเลย
พอคิดดีๆแล้ว ข่าวลือที่ผ่านมาในช่วงไม่กี่วันนี้ก็ไม่น้อยเลย แถมเย้นหว่านก็ยังรีบเร่งมาที่นี่ หรือว่ารู้เรื่องข่าวลือแล้วยังงั้นเหรอ?
ตอนนี้เย้นหว่านต้องการจะระงับเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพราะว่าโกรธ หรือว่ารีบร้อนอยากจะซ่อนมันกันแน่?
กงจืออวีมองเย้นหว่านด้วยสายตาที่เฉียบแหลม เห็นท่าทางของเธอที่เสแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง ก็แน่ใจได้แล้วว่าเย้นหว่านต้องรู้เรื่องแล้วอย่างแน่นอน แต่ว่าตอนนี้ยังแยกไม่ออก ว่าตอนนี้เธอมีความคิดและอาการแบบไหนกัน
แต่ว่าไม่ว่าจะยังไง เย้นหว่านก็มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว หยุดการประชุมนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องให้บทสนทนาเรื่องนี้ดำเนินต่อไป
กงจืออวียกมือขึ้น แล้วก็กล่าวอย่างเด็ดขาด “โอเค วันนี้พอแค่นี้ก่อนเถอะค่ะ……”
“เสี่ยวหว่าน ฉันพึ่งได้ยินคนพูดว่า กู้ซึงคือโห้หลีเฉินปลอมตัวมา เธอรู้เรื่องนี้รึเปล่า? มันเป็นแค่ข่าวลือ ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม? ”
ทันใดนั้นเสียงที่ตื่นเต้นของหยูซือห้านก็ดังขึ้นจากด้านนอกประตู
หลังจากนั้น หยูซือห้านก็รีบเดินเข้ามา ใบหน้าที่หล่อเหลาเต็มไปด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ เหมือนกับว่าถูกโจมตีครั้งยิ่งใหญ่
เขาพูดจบแล้ว เหมือนกับว่าพึ่งจะเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ในห้องรับแขก ก็รู้สึกตกใจ แล้วก็รีบหุบปากทันที
แล้วก็พูดอย่างอึดอัดว่า “ผมไม่รู้ว่าทุกคนอยู่ที่นี่……”
ทำการแสดง ดูไร้เดียงสาแต่เป็นการโยนหัวข้อให้ถกเถียงออกมา
สีหน้าของเย้นหว่านก็ซีดเผือดเหมือนกระดาษในทันที
หยูซือห้านที่สมควรตาย เขาต้องจงใจ100%อย่างแน่นอน!
เย้นหว่านตำหนิด้วยความโกรธ “คุณชายหยู นี่คือเรื่องที่ไม่มีเรื่องอะไรเลย นายอย่างมาพูดจาไร้สาระ! ”
“ฉันเองก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าเป็นเรื่องจริง ถึงได้รีบร้อนมาถามเธอนี่ไง”
หยูซือห้านขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึม
เขามองเย้นหว่าน แล้วก็พูดด้วยเสียงที่ดังฟังชัด “ตอนนี้ทุกคนต่างก็บอกว่า กู้ซึงก็คือโห้หลีเฉินที่ปลอมตัวมา หลอกลวงทุกความรู้สึกของพวกเรา เสี่ยวหว่าน เธอเองก็เปลี่ยนมารักกู้ซึง ตกหลุมรักแค่เพียงแรกพบ ที่จริงมันก็พัฒนาเร็วเกินไปจริงๆ นะ
เธอไม่รู้เลยแม้แต่นิดเดียวจริงๆ วเหรอว่ากู้ซึงก็คือโห้หลีเฉินน่ะ? ”
เรื่องนี้คือความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเย้นหว่าน ถูกเปิดโปงออกมาต่อหน้าทุกคนแบบนี้ หัวใจของเธอก็เต้นแรงอย่างบ้าคลั่งด้วยความตื่นตระหนก
เธอรีบโต้กลับอย่างตื่นเต้น “ฉันไม่รู้! ”
หยูซือห้านหรี่ตาลง รอยยิ้มแห่งชัยชนะที่อันตรายฉายผ่านแววตาของเขา
เขาขึ้นเสียง แล้วก็พูดอย่างมีความหมายโดยนัยว่า “ที่แท้เธอก็ไม่รู้ว่ากู้ซึงก็คือโห้หลีเฉินนั่นเอง”
คำพูดนี้ ชี้บางจุดได้อย่างชัดเจน แน่นอนแล้วว่า กู้ซึงก็คือโห้หลีเฉิน!
เย้นหว่านมีปฏิกิริยาในทันที นี่หยูซือห้านกำลังหลอกล่อเธออยู่
สายตาของลุงๆ ป้าๆ รอบๆ ก็เปลี่ยนไปกลายเป็นคมกริบ ไม่พอใจ เต็มไปด้วยการตำหนิ
แม้แต่กงจืออวี ก็ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างอดไม่ได้
หัวใจของเย้นหว่านเต้นมาถึงลำคอในทันที ทั้งตื่นตระหนกและกระวนกระวาย เธอทำอะไรไม่ถูกไม่รู้เลยว่าควรทำตัวยังไง
ภายใต้สายตาหลายคู่ที่จับจ้องอยู่นี้ ถ้าเกิดว่าเธอยังคงโต้แย้งว่าเธอไม่รู้เรื่อง ก็จะถูกหยูซือห้านเอามาเป็นหลักฐานว่ากู้ซึงก็คือโห้หลีเฉิน แต่ว่าเธอยิ่งพูดไม่ได้ใหญ่เลยว่าเธอรู้ ถ้ายังงั้นต้องจบเห่อย่างแน่นอน
ตอนนี้พูดมากไปก็ผิด ไม่พูดเลยก็ผิดยิ่งกว่า
“เสี่ยวหว่าน เดิมทีลุงก็ไม่อยากจะพูดหรอก แต่ว่าเรื่องนี้ มันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของตระกูลเย้น แล้วก็อนาคตของหนู พวกเราไม่สามารถนั่งมองโดยที่ไม่ทำอะไรเลยไม่ได้
ถ้าเกิดว่าโห้หลีเฉินใช้ตัวตนของกู้ซึงเพื่อเข้ามาที่ตระกูลเย้นจริงๆ เพื่อมาคบกับหนู หลอกลวงพ่อแม่ พี่ชายของหนู รวมถึงความรู้สึกทั้งหมดของญาติพี่น้องตระกูลเย้น ถ้ายังงั้นเขาก็จะเลวร้ายเกินไปแล้ว! ”
ยิ่งพูดน้ำเสียงของคุณลุงยิ่งหนักแน่น คมกริบขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเป็นการตำหนิที่วิจารณ์การกระทำที่ไม่ถูกต้อง
เย้นหว่านยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น สีหน้าของเธอซีดลงเรื่อยๆ รู้สึกวูบวาบและหนาวเหน็บไปทุกกระเบียดนิ้ว
แน่นอนว่าตอนเริ่มแรกเธอเคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อน โห้หลีเฉินอาศัยตัวตนของกู้ซึงเข้ามาที่นี่ สรุปแล้วมีความสนใจที่จะหลอกลวงหรือไม่ สุดท้ายถ้าความแตก ไม่แน่ว่าอาจจะก่อให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นก็ได้
แต่ว่าถ้าเกิดว่าเธอกับโห้หลีเฉินเป็นคนสารภาพก่อน อธิบายให้พ่อกับแม่ฟัง แสดงความรู้สึกที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ไม่แน่ว่าบางทีอาจจะเป็นเรื่องที่พอจะให้อภัยได้ แล้วได้รับการให้อภัย
แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้ กลับเป็นว่าเป็นการโกหก และก็ถูกเปิดโปง
เมื่อความจริงถูกเปิดออก โห้หลีเฉินก็หลอกลวงตระกูลเย้นอย่างไร้คุณธรรม ขยะที่หลอกลวงเกี่ยวกับความรู้สึก……