บทที่ 501 นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง
“ดีใจจนบื้อไปแล้วหรือ”
เย้นโม่หลินเห็นป่ายฉียืนนิ่งไม่ขยับ ก็เอ่ยเร่งอย่างหมดความอดทน “ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ก็รีบไปหยิบยาลดอาการบวมมาเดี๋ยวนี้”
ป่ายฉีมุมปากกระตุก “ผมไม่บีบเธอให้ตายก็ถือว่าเมตตามากแล้ว คุณยังจะให้ผมรักษาบาดแผลให้เธออีกหรือ”
เขาไม่เคยใจดีมีเมตตาขนาดนี้มาก่อน
เย้นโม่หลินขมวดคิ้ว ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่ไม่อนุญาตให้สงสัย
“ให้เวลานายหนึ่งนาทีในการไปหยิบมา”
เอ่ยจบแล้ว เขาก็ไม่มองป่ายฉีเลยแม้แต่น้อย แต่ย่อตัวลงไปข้างกายกู้จื่อเฟย มองข้อเท้าของเธอเงียบๆ
ยื่นมือออกไปคลายเหล็กลวดเหล่านั้นด้วยการกระทำที่แผ่วเบา “คุณอย่าขยับ เดี๋ยวก็ดีแล้ว”
ป่ายฉีรู้สึกตื่นเต้น หัวใจอ่อนไหวแทบตาย
เขาคิดอยากจะหยิบยาพิษที่ทำให้แผลเน่ามา เพื่อเพิ่มอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าให้กับกู้จื่อเฟยจริงๆ!
แต่เมื่อความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นมาในสมองของเขา ก็ถูกเขากดมันลงไปทันที
เขาเคยเห็นเย้นโม่หลินเป็นห่วงและเอาใจใส่ผู้หญิงคนหนึ่งขนาดนี้เมื่อไรกัน อีกทั้งการเคลื่อนไหวนั่นด้วย แค่คลายเหล็กลวดเท่านั้นเอง ยังจะระมัดระวังขนาดนั้น กลัวว่าการแตะต้องเธอจะทำให้เธอเจ็บปวดได้
ท่าทางระมัดระวังแบบนั้น ป่ายฉีสาบานเลยว่า ชั่วชีวิตนี้เขายังไม่เคยพบเห็นมาก่อน
กู้จื่อเฟยมองชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าตะลึงค้าง หัวใจเต้นเร็วกว่าเดิมขึ้นไปอีกจังหวะหนึ่ง
แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่ความเจ็บนั้น กลับเทียบไม่ได้กับอาการใจเต้นและความดีใจในตอนนี้
ยากนั้นที่จะได้เห็นเย้นโม่หลินอ่อนโยนและเอาใจใส่เธอแบบนี้สักครั้ง
อีกทั้ง เมื่อครู่นี้เขาก็เพิ่งจะปกป้องเธอ จัดการป่ายฉีเรียบร้อยด้วยบุคลิกลักษณะโหดเหี้ยมและเต็มไปด้วยความเผด็จการ ทั้งยังช่วยชีวิตเธอ
“พี่เย้น เมื่อครู่โชคดีที่มีพี่ ไม่อย่างนั้นชีวิตน้อยๆของฉันก็คงจะไม่เหลือแล้ว บุญคุณในการช่วยชีวิตนี้ ไม่สามารถตอบแทนได้ ไม่สู้ให้ฉันมอบหัวใจและร่างกายทั้งหมดให้กับพี่เถอะ”
การคลายเหล็กลวดของเย้นโม่หลินชะงักไปเล็กน้อย ร่างกายแข็งทื่อ เหมือนกับถูกฟ้าผ่ากะทันหันอย่างไรอย่างนั้น
นัยน์ตาเขาพราวระยับไม่หยุด เม้มริมฝีปากบางแน่น ถึงขั้นรู้สึกว่าร่างกายส่วนบนและล่างล้วนไม่มีที่ใดปกติเลย
ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้เขาลนลานทำอะไรไม่ถูก
“อย่าคิดมากไปเลย เดิมป่ายฉีก็ไม่ได้คิดจะฆ่าเธอจริงๆ”
เย้นโม่หลินเอ่ยเสียงแข็งรอดไรฟันออกมาประโยคหนึ่ง และก้มหน้าลงคลายเหล็กลวดที่พันกันอยู่ต่อไป
เพียงแต่การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ได้เปลี่ยนจากการระมัดระวังเป็นระเบียบแบบแผน เป็นสับสนวุ่นวายอยู่บ้าง
ป่ายฉียังไม่ได้เดินจากไป ได้ยินคำพูดนี้ ก็คิ้วกระตุก เอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า
“เมื่อครู่ที่คิดจะฆ่าเธอ ฉันจริงจัง”
ขนอ่อนทั่วร่างเธอจึงลุกชันตาม ป่ายฉีคนนี้ดูแล้วจิตใจดีงามสง่า แต่ภายใต้เปลือกนอกที่น่ามองนั้น มีปีศาจร้ายผู้โหดเหี้ยมตนหนึ่งอาศัยอยู่ เต็มไปด้วยความอันตรายเป็นอย่างมาก
ล่วงเกินไม่ได้
เธอยื่นมือออกไปจับแขนเย้นโม่หลินเอาไว้ นิ้วมือเกร็งแน่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“พี่เย้น พี่เป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตฉันจริงๆนะคะ”
ดังนั้น ต้องมอบหัวใจและร่างกายให้อยู่แล้ว
เย้นโม่หลินเหลือบตาขึ้นมองป่ายฉีอย่างเชือดเฉือนด้วยความโหดเหี้ยมทันที
เจ้าสารเลวนี่ ปกติก็ให้ความร่วมมือกับเขาเป็นอย่างดี ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป แต่วันนี้กลับกล้าเลื่อยขาบันไดเขา
คอยดูเถอะว่ากลับไปแล้ว เขาจะจัดการหมอนี่อย่างไร!
ระหว่างที่คิดอยู่นั้น ก็มีกลิ่นน้ำหอมเบาบางลอยมาปะทะหน้าเย้นโม่หลิน เห็นเพียงแค่กู้จื่อเฟยโผเข้ามา มือคู่นั้นคล้องแขนเขาเอาไว้
ใบหน้าเล็กได้รูปของเธอ ดูน่าสงสารอย่างเห็นได้ชัด “พี่เย้น ป่ายฉีคิดจะฆ่าฉันแบบนี้ ฉันกลัวค่ะ ในเมื่อพี่ช่วยฉันแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบฉันจนถึงที่สุด ดีไหมคะ”
เสียงขอร้องอย่างนุ่มนวลนั้นทำให้ผู้คนเกือบจะไร้หนทางปฏิเสธ
เย้นโม่หลินตะลึงค้าง ความสามารถในการควบคุมตัวเองและความใจเย็นอย่างยิ่งของตัวเองนั้นเกือบจะพังทลายลง สมองก็เบลอเสียจนเกือบจะรับปากเธอ
แต่เมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปาก สุดท้ายแล้วก็ถูกสติสัมปชัญญะของเขาฝืนกดมันลงไปอีก
รับผิดชอบ เรื่องแบบนี้เขาไม่สามารถทำได้
“วางใจเถอะ มีพี่อยู่ หลังจากนี้เขาไม่กล้าทำอะไรเธอหรอก”
เย้นโม่หลินปลอบประโลมด้วยเสียงทุ้มต่ำ ดึงแขนออกมาจากอ้อมกอดของกู้จื่อเฟยอย่างไม่เป็นตัวเองที่สุด
กู้จื่อเฟยหดหู่เล็กน้อย สติสัมปชัญญะของเย้นโม่หลินนั้นแข็งแกร่งเกินไปแล้ว แบบนี้ก็ยังไม่ถูกเธอล่อลวงอีก
น่าเสียดาย น่าเสียดาย
ป่ายฉีที่อยู่ด้านข้างเห็นแล้วก็ชื่นชมด้วยความประหลาดใจ
เขาไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม แม้ว่าเย้นโม่หลินจะปากแข็งปฏิเสธไป แต่ว่าหูของเขากลับแดงขึ้นมาเล็กน้อยจริงๆ
ใบหูของเย้นโม่หลินแดงอย่างนั้นหรือ นี่เป็นข่าวใหญ่อันน่าประหลาดในโลกนี้เลย
ป่ายฉีมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา จึงแสร้งทำหน้าตาโมโห เอ่ยฮึดฮัดว่า “รอตอนที่นายไม่อยู่แล้ว ฉันค่อยลงมือก็ได้”
กู้จื่อเฟยนัยน์ตาหดวูบ ตกใจเสียจนกอดแขนเย้นโม่หลินเอาไว้แน่นทันที
ครั้งนี้เธอดูเหมือนจะถูกทำให้ตกใจเป็นอย่างมาก ร่างกายครึ่งบนโผเข้าไป ส่วนอ่อนนุ่มแนบชิดเข้ากับแขนเย้นโม่หลิน
อ่อนนุ่มเสียจนบรรยายไม่ถูก
ร่างกายของเย้นโม่หลินเกร็งขึ้นมาทันที ความร้อนแปลกๆปะทุขึ้นภายในร่างกายกะทันหัน
สมควรตาย
ก็แค่กอดเขานิดหน่อย ปฏิกิริยาตอบสนองของเขามากขนาดนี้เชียวหรือ
ไม่สิ ควรจะบอกว่าเขาไม่เคยใกล้ชิดกับผู้หญิงแบบนี้มาก่อน ดังนั้นถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองมากขนาดนี้!
เย้นโม่หลินอารมณ์เสีย หันหน้า ส่งสายตาเย็นยะเยือกทิ่มแทงไปทางป่ายฉี
“นายมีเวลาเหลืออีกสิบวินาที”
เสียงเอ่ยพูดแต่ละคำในประโยคนั้นคล้ายกับว่าเล็ดลอดออกมาจากไรฟัน เต็มไปด้วยการข่มขู่
ป่ายฉีมุมปากกระตุก ไม่ยินยอมเป็นอย่างมาก
บาดแผลแค่นั้นทายานิดหน่อยก็หายแล้ว แต่อาการหูแดงของคุณชายใหญ่เย้นกลับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเข้าใจไหม
ไม่ดูสักหน่อย ก็น่าเสียดายมาก
อีกอย่าง เขายังไม่รู้แน่ชัดเลยว่า เย้นโม่หลินเป็นอะไรกันแน่ ถึงได้ปฏิบัติต่อกู้จื่อเฟยไม่เหมือนกับคนอื่นแบบนี้
เห็นป่ายฉีที่ยังละล้าละลังยืนนิ่งอยู่ สีหน้าของเย้นโม่หลินก็ไม่น่ามองยิ่งกว่าเดิม
ความรู้สึกแปลกประหลาดที่อัดแน่นอยู่เต็มท้องทั้งหมดได้กลายเป็นโทสะที่จะปลดปล่อยใส่ผู้คนแทน จึงหันไประบายใส่ป่ายฉีว่า
“ยังเหลืออีก 5 วินาที ถ้าหากว่าเอามาไม่ได้ นายก็ไปอาฟริกาได้เลย”
“ให้ตายเถอะ! เพื่อยาน้ำขวดหนึ่งเท่านั้นเอง นายต้องทำขนาดนี้เชียว!”
ป่ายฉีแทบจะโกรธจนขนพอง
นี่มันโหดร้ายเกินไปหน่อยแล้ว
เขาไม่กล้าล่าช้าอีกเสี้ยววินาทีเดียว ตัดใจหมุนตัวและวิ่งตรงไปทางห้องเก็บยาด้วยความเร็วสูงทันที
เย้นหว่านที่ประคองโห้หลีเฉินยืนอยู่หน้าประตูห้องเก็บอุปกรณ์การรักษาทางการแพทย์
เห็นป่ายฉีวิ่งมาอย่างเร่งรีบ ก็เอ่ยถามว่า “ป่ายฉี คุณทำอะไรน่ะ สามารถรักษาให้กู้ซึงได้แล้วใช่ไหม”
ป่ายฉีกลับไม่หยุดเท้า ตรงผ่านประตูห้องเก็บอุปกรณ์การรักษาทางการแพทย์ มุ่งหน้าไปยังห้องเก็บยาทันที
วิ่งไป พลางเอ่ยพูดไปว่า “ไม่มีเวลาแล้ว คุณไปหาคุณหมอที่อยู่ห้องข้างๆ ให้เขาจัดการก่อนนะ”
ในใจของเย้นหว่านรู้สึกยินดี สายตาที่มองไปทางป่ายฉีที่วิ่งอย่างรีบร้อนนั้นเจือไปด้วยรอยยิ้ม แสร้งทำเป็นตะโกนด้วยความร้อนใจว่า
“แต่ว่าฉันไม่วางใจในฝีมือการรักษาของคุณหมอท่านอื่นนินา”
“บาดแผลเล็กน้อย พวกเขาสามารถจัดการได้! อีกครู่หนึ่งผมจะมารับช่วงต่อ………”
ป่ายฉีเอ่ยจบแล้ว ก็พุ่งตัวออกมาจากห้องเก็บยา และวิ่งกลับไปยังสถานที่ที่กู้จื่อเฟยอยู่อย่างรวดเร็วอีกครั้ง
เย้นหว่านและโห้หลีเฉินที่ยื่นอยู่หน้าประตู มองคนสามคนที่อยู่ภายในห้องเก็บอุปกรณ์รักษาทางการแพทย์แล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อย
เธอหันหน้ามามองโห้หลีเฉิน แย้มริมฝีปากยิ้มออกมา
“คุณคำนวณได้แม่นยำจริงๆ”
กระทั่งเธอก็ยังคิดไม่ถึงว่า การที่กู้จื่อเฟยสร้างความเสียหายภายในห้องเก็บอุปกรณ์รักษาทางการแพทย์ จะได้ผลลัพธ์ดีขนาดนี้ จับป่ายฉีและเย้นโม่หลินเอาไว้เสียอยู่หมัด
โดยเฉพาะเย้นโม่หลินที่ปฏิบัติต่อกู้จื่อเฟยอย่างเอาใจใส่เสียขนาดนั้น!
โห้หลีเฉินกวาดตามองผ่านใบหน้าเย็นชาของเย้นโม่หลินไปเงียบๆ เม้มริมฝีปาก
เอ่ยด้วยน้ำเสียงลึกซึ้งว่า “นี่เพิ่งจะเป็นการเริ่มต้นเท่านั้นเอง”