บทที่ 519 ผมอยู่ที่ป่าละเมาะ
หลังจากที่หยูซือห้านร่ำลาแล้ว ก็สบายใจอย่างมาก จากไปแล้ว
เย้นหว่านทานอาหารเช้าแล้ว ก็กลับไปที่บ้านพักตนเอง พุ่งตัวไปที่ห้องของกู้ซึง
ให้เขานอนอย่างเกียจคร้าน ยังจะหาข้ออ้างอะไรอีก ดูสิว่าเธอจะเอาน้ำสาดหน้าเขาสักกะละมังยังไง
“กู้ซึง นายนี่มัน……”
เย้นหว่านพุ่งเข้าไปในห้องด้วยความโมโห กลับมองอย่างประหลาดใจ ภายในห้องผ้าห่มถูกพับไว้อย่างเรียบร้อย ไม่มีแม้แต่เงาคน
กู้ซึงไม่อยู่เหรอ
นี่เขาไม่อยู่เหรอเนี่ย
อย่างนั้นเจาไปไหนแล้ว
เย้นหว่านสงสัย มองไปรอบๆอีก ก็ไม่เห็นกู้ซึง
ถามเสี่ยวฮวน รู้แค่ว่ากู้ซึงออกไปตั้งแต่เช้า แต่ไม่ได้ไปห้องอาหาร กลับไม่รู้ว่าไปที่ไหน
สถานะของกู้ซึงอ่อนไหวมาก และมีความเกี่ยวข้องกับเธออย่างมาก
เย้นหว่านไม่วางใจ แล้วโทรหาเขา
ไม่นานโทรศัพท์ก็ถูกตัดสาย แต่ต่อมา ก็มีข้อความเข้ามา
“กำลังทำธุระยุ่งอยู่ อย่าเพิ่งรบกวน ไม่นานก็เสร็จแล้ว คืนนี้รอคุณที่ป่าละเมาะ มาให้ตรงเวลานะ”
เย้นหว่านยิ่งเพิ่มความสงสัยมากขึ้น
เขากำลังเตรียมเซอร์ไพรส์อยู่จริงๆเหรอนี่
กู้ซึงไม่ใช่คู่รักที่แท้จริงของเธอ ตกลงเขาคิดจะทำอะไรกันแน่
เย้นหว่านยังไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ดี แต่เห็นกู้ซึงพูดอย่างจริงใจ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
ในเมื่อถึงตอนกลางคืน ก็จะรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
กลางวัน โห้หลีเฉินก็ไม่มีข่าวคราวอะไร
อาจจะรอให้ถึงตอนกลางคืนเขาเสร็จธุระเป็นเวลานอนแล้ว จึงจะมีเวลาติดต่อเธอ
เย้นหว่านรออย่างเบื่อหน่ายจนถึงเวลาค่ำ
ฟ้าเพิ่งจะมืดลงไม่นาน กู้ซึงก็ส่งข้อความมาเร่งเธอ
“รีบมา ผมอยู่ที่ป่าละเมาะ”
เย้นหว่านมองข้อความ ก็เริ่มมีความสนใจบ้างแล้ว กู้ซึงคนนี้ตกลงเตรียมจะทำอะไรกันแน่
อย่างไรก็ตาม ก็คือผิดปกติอย่างมาก
เย้นหว่านเตรียมจะออกจากบ้าน ตอนที่เดินออกมา ก็พบกับเย้นโม่หลินที่รออยู่ในห้องรับแขก
เย้นหว่านสงสัย“พี่ พี่มาทำอะไรที่นี่”
สายตาของเย้นโม่หลินมองไปที่ร่างของเย้นหว่านอย่างพินิจพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า ขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วย
เขาเดินไป กดที่ไหล่ของเธอหมุนตัวเธอ แล้วดันเข้าไปในห้อง
“เธอสวมชุดลำลองแบบนี้มันดูไม่ค่อยเหมาะสม เธอเข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงที่สวยกว่านี้หน่อย”
เย้นหว่านสีหน้าประหลาดใจ นี่พี่ชายเธอเป็นอะไร
ปกติไม่สนใจว่าเธอจะใส่ชุดอะไรมาก่อน วันนี้กลับจู้จี้ให้เธอแต่งตัวสวยๆหน่อย
หรือว่า เขาคิดว่าการเซอร์ไพรส์ของกู้ซึงคือการสารภาพรักเหรอ
นึกถึงความเป็นไปได้นี้ เย้นหว่านก็หัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะทันที
กู้ซึงไม่มีทางสารภาพรักกับเธอแน่ แต่โห้หลีเฉินเป็นไป
หรือว่า……
ไม่มีทางหรอก โห้หลีเฉินเพิ่งไปเมื่อวาน
เย้นหว่านคิดว่าสมมติฐานนี้ไม่น่าเป็นไปได้ แต่กลับใจเต้นรัวเร็วขึ้นเรื่อยๆกับความคิดที่ไม่น่าเป็นไปได้นี้
เขามักจะปรากฏตัวต่อหน้าเธออย่างมหัศจรรย์ ชอบให้เธอประหลาดใจไม่ใช่หรือ
ในเมื่อมีความเป็นไปได้อยู่เพียงน้อยนิด เธอก็ยังเฝ้ารอ……
ในใจของเย้นหว่านคิดฟุ้งซ่าน แต่กลับทำตามที่เย้นโม่หลินร้องขอ ไปเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนราวกับนางฟ้า
เย้นโม่หลินมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า วิจารณ์อย่างตรงประเด็น “ดูดี ทั้งยังเรียบร้อย ไม่เลว”
เย้นหว่าน “……”
ประเด็นสำคัญของพี่ชายแท้ๆคนนี้ กลับอยู่ที่ความเรียบร้อย
เธอจนปัญญาเล็กๆ “ใกล้จะได้เวลาแล้ว ฉันจะไปแล้ว”
“พี่ไปส่ง”
เย้นโม่หลินสาวเท้ามา แล้วจึงเดินไปข้างหน้า
เย้นหว่านนั้นไม่รู้จะทำอย่างไรดี เตรียมจะไป ตอนนี้ กลับมองเห็นร่างหนึ่งวิ่งพรวดพราดออกมาจากห้องข้างๆ
“ฉันจะไปด้วย”
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วทันที “เธอไปไม่ค่อยเหมาะสม”
เป็นก้างขวางคอ
กู้จื่อเฟยไม่ยอม “พี่ก็ไป ทำไมฉันจะไปไม่ได้”
เย้นโม่หลิน“……”
เขากลับไม่รู้จะโต้แย้งอย่างไร
นิ่งเงียบอยู่นาน เขาจึงพูดอย่างเคร่งขรึม “ผมก็แค่ไปส่งเสี่ยวหว่าน แล้วก็ไป”
กู้จื่อเฟยยิ้มร่าพูดว่า “อย่างนั้นฉันก็ไปส่งเสี่ยวหว่าน แล้วก็ไป”
ดึกดื่นเที่ยงคืน ทั้งยังเป็นป่าละเมาะท้ายสวน เธอกับเย้นโม่หลินชายหญิงที่ยังโสดเดินกลับมาด้วยกัน ก็ถือเสียว่าเดินเล่น ก็ดีนะ
เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี
แค่ดูเย้นหว่านก็มองความคิดของกู้จื่อเฟยออก ไม่อย่างนั้นทำไมก่อนหน้านี้เธอไม่บอกว่าจะตามไป พอเย้นโม่หลินมา เธอก็โผล่ออกมาเลย
เพื่อนรักที่ให้ความสำคัญกับแฟนมากกว่าเพื่อน!
แม้จะเหน็บแนม เย้นหว่านก็ยังพูดอย่างใจกว้างว่า “อย่างนั้นก็ไปด้วยกันเถอะ ระหว่างทางก็จะได้พูดคุยกัน”
เห็นเย้นหว่านตกลงแล้ว เย้นโม่หลินก็พูดอะไรมากไม่ได้แล้ว
จึงสาวเท้ายาวๆ เดินนำไปข้างหน้าก่อน
กู้จื่อเฟยควงแขนเย้นหว่านอย่างยินดีปรีดา พูดอย่างดีใจว่า
“เสี่ยวหว่าน ขอบคุณนะ ขอบคุณ~รอให้ฉันได้เป็นพี่สะใภ้เธอ ฉันจะเลี้ยงเธอมื้อใหญ่เลย”
เย้นหว่านประชดว่า “ตำแหน่งพี่สะใภ้ฉัน มีค่าแค่อาหารมื้อใหญ่มื้อหนึ่งเองเหรอ”
กู้จื่อเฟยกัดฟัน “อาหารมื้อใหญ่แห่งปี! เธออยากจะกินอะไร ก็กินเลย”
“ก็ได้!”
เย้นหว่านรับปากอย่างยินดี
อาหารมื้อใหญ่แห่งปี เธอจะกินจนกู้จื่อเฟยร้องไห้
กู้จื่อเฟยจึงตั้งสติกลับมาได้ ถลึงตาใส่เย้นหว่านอย่างน้อยใจ “เสี่ยวหว่าน เธอนี่มันร้ายนัก”
“ชมเกินไปแล้ว”
เย้นหว่านยิ้มอ่อนๆ
กู้จื่อเฟยถลึงตาใส่เธอ
ทั้งสองคนเดินไปก็หาเรื่องกัน พูดคุยหัวเราะพลางเดินไปพลาง
เย้นโม่หลินเดินอยู่ข้างหน้า แม้จะมองไม่เห็น แต่กลับได้ยินที่พวกเธอพูดคุยหยอกล้อกัน
หัวข้อสนทนาของผู้หญิง มีแต่เรื่องกินที่ไร้สาระ
กิจการตระกูลเย้นเจริญรุ่งเรือง ทรัพย์สินมากมายมหาศาล อาหารมื้อหนึ่งจะไม่มีเงินซื้อกินเลยเหรอแต่ได้ยินพวกเธอต่างฝ่ายต่างพูดเกทับกันแบบนี้ กลับรู้สึก ว่าน่ารักมาก
เย้นโม่หลินชะงักเล็กน้อย เขาคิดว่า เขาน่าจะนอนน้อย หลงเสน่ห์เข้าแล้ว
เขาส่ายหน้า เม้มปาก หน้าบึ้ง เดินต่อไปข้างหน้า
แม้ว่าจะเป็นป่าเล็กๆที่อยู่ในบริเวณบ้านตระกูลเย้น แต่พื้นที่กว้างใหญ่มาก
แต่เมื่อเดินมาถึงประตูทางเข้าป่าละเมาะ ก็มองเห็นลูกศรบอกทิศทางที่ทำจากดอกกุหลาบวางอยู่
ไม่ไกลจากนั้นก็มีหนึ่งอัน
กู้จื่อเฟยแปลกใจเล็กน้อย “ว้าว พี่ชายใช้ดอกกุหลาบทำเป็นลูกศร นี่เขาเตรียมอะไรไว้ข้างในกันแน่ รู้สึกว่า ช่างโรแมนติกจัง”
เย้นโม่หลินเข้าใจกระจ่างแจ้ง มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
เย้นหว่านขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
มองเข้าไปในป่าลึกอย่างสงสัย กู้ซึงเข้าไปทำบ้าอะไรข้างในกันแน่ ถึงได้เตรียมดอกกุหลาบที่โรแมนติกขนาดนี้
เดินไปข้างในต่อ ก็เป็นลูกศรที่ทำจากกุหลาบอีกหลายอัน และยังมีกลีบดอกไม้ที่จงใจโปรยไว้ด้วย
เดิมเป็นป่าไม้ที่เขียวขจี ก็โรแมนติกขึ้นมาอย่างชัดเจนด้วยเหตุนี้
ยิ่งเดินเข้าไปข้างใน สายไฟจากด้านนอกก็ส่องเข้ามาไม่ถึง แสงสว่างเริ่มมืดลง
เย้นหว่านเตรียมหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดไฟฉาย เวลานี้เอง กลับมองเห็นจุดแสงสว่างระยิบระยับบินออกมา จากในป่าลึก
ดูแล้วเหมือนดวงดาวที่เปล่งประกายเต็มท้องฟ้า สวยงามอย่างยิ่ง
เย้นหว่านประหลาดใจ“นี่คือ หิ่งห้อยเหรอ”
“ดูเหมือนเป็น”
กู้จื่อเฟยก็มีสีหน้าแปลกประหลาดใจ ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว “สวยจังเลย!”
เย้นหว่านยืนมองอย่างเหม่อลอย ราวกับว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ในความฝัน
เธออยากเห็นหิ่งห้อยมาตลอด คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นที่นี่
และในส่วนลึกๆที่หิ่งห้อยบินออกมา ท่ามกลางเงามืด ดูเหมือนว่าจะมีร่างที่สูงใหญ่ยืนอยู่