บทที่ 542 ปลดผู้สืบทอดตระกูล
ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถูกลงโทษ!
เย้นหว่านหน้ามืด ในปากรู้สึกขมขื่น สุดท้ายเธอก็ทำให้โห้หลีเฉินพลอยเดือดร้อนไปด้วย
หยูซือห้านมองหน้าตาที่ตกตะลึงพรึงเพริดของเธออย่างได้ใจ เขาก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง และแย่งมีดในมือของเย้นหว่านมา
เขากวาดสายตาไปที่บาดแผลบนคอของเย้นหว่านอย่างลวกๆทีหนึ่ง และสั่งการด้วยน้ำเสียงใจจืดใจดำ “ทำแผลให้เธอ อย่าให้เธอตาย”
ที่เขาต้องการคือให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อเท่านั้นเอง
เย้นหว่านยืนเซ่ออยู่กับที่ ในใจมืดมนและสิ้นหวัง
ตอนนี้โห้หลีเฉินถูกหยูซือห้านวางอุบายตกลงไปในน้ำ ก็ไม่รู้เย้นโม่หลินจะจัดการโห้หลีเฉินยังไง และต่อจากนี้โห้หลีเฉินจะเจอการโจมตีและลงโทษจากตระกูลหยูยังไง
แค่คิดเธอก็รู้สึกเจ็บปวดใจ
เย้นหว่านถูกพากลับมาที่ห้องนอน ครั้งนี้หยูซือห้านได้สั่งให้คนเฝ้าจับตาดูเธอทุกฝีก้าว แม้แต่เธอเข้าห้องน้ำก็ยังไม่ละเว้น
ไม่ให้โอกาสเธอได้หาที่แสวงหาความตายหรือวิ่งหนีแม้แต่เสี้ยวเดียว
เย้นหว่านรู้สึกสิ้นหวัง เธอเองก็ไม่มีความคิดจะทรมานตัวเอง คอยนั่งนิ่งๆอยู่เหมือนหุ่นเชิด
มองนอกหน้าต่าง ทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาลจนมองไม่เห็นขอบ
ไม่รู้ผ่านไปอีกกี่ชั่วโมง ทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาลจนมองไม่เห็นขอบของด้านนอกเริ่มเห็นชายฝั่งทะเลและพื้นที่ทางบก
สถานที่ที่หยูซือห้านจะพาเธอมา ได้มาถึงแล้ว
เย้นหว่านมองทิศทางของชายฝั่งด้วยสายตาเหม่อลอย ในใจรู้สึกเย็นวูบ
เสียง“คชา”ดังขึ้น ประตูถูกคนเปิดออกจากด้านนอก
ใบหน้าของหยูซือห้านประดับด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข ก้าวเท้ายาวมาที่เย้นหว่านแล้วพูดว่า “เสี่ยวหว่าน เรือนหอใหม่ของเราใกล้ถึงแล้วนะ”
เย้นหว่านนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างหน้าตาเฉยเมย และมองข้ามเขาไปโดยตรง
หยูซือห้านอารมณ์ดี เขาก็ไม่โกรธ ได้จูงมือของเย้นหว่านไว้และดึงเธอลุกขึ้นมาจากที่นั่ง
เย้นหว่านอยากขัดขืนออกจากมือของเขา แต่แรงของเขาเยอะมาก ได้จับเธอไว้แน่น เขาเอ่ยว่า “ไปกับผม”
เสียงของหยูซือห้านอ่อนโยน แต่ท่าทางกลับเผด็จการมาก บีบมือของเย้นหว่านไว้เหมือนคีม บังคับให้เธอเดินตามไปข้างหน้า
ถึงเย้นหว่านไม่ยอม แต่ก็สู้แรงของหยูซือห้านไม่ได้
ตอนนี้เธอเป็นปลาบนเขียงของเขา ต่อต้านอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
ถูกคนเฝ้าจับตาดูเอาไว้ แม้แต่ฆ่าตัวตายก็ยังทำไม่ได้
เห็นได้ชัดว่าหยูซือห้านเตรียมการไว้ตั้งนานแล้ว ท่าเรือนี้คือท่าเรือเดี่ยว ตลอดทาง นอกจากบอดี้การ์ดของเขาแล้ว ไม่มีคนอื่นเลย
ที่ที่เขาพาเธอมาคือวิลล่าที่เพิ่งตกแต่งใหม่ อยู่ที่ริมทะเล สภาพแวดล้อมสวยงาม
แต่เย้นหว่านไม่มีกะจิตกะใจชื่นชมความสวยงามนี้ อยู่ในความคาดหมายของเธอเลย ที่นี่กำลังจะเป็นกรงของเธอ
หน้าวิลล่า มีแม่บ้านยืนเรียงกันเป็นสองแถว พวกเธอได้โน้มตัวด้วยความเคารพ “ขอต้อนรับคุณชายและคุณนายค่ะ”
คุณนาย?
คำสรรพนามนี้ ทำให้เย้นขมวดคิ้วอย่างรังเกียจ
แต่หยูซือห้านกลับอารมณ์ดีมาก ถามพ่อบ้านชายวัยกลางคนที่เดินมาว่า “เริ่มหรือยัง?”
ชายวัยกลางคนตอบว่า “เริ่มแล้วครับ เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วครับ คุณชายเชิญด้านในครับ”
อะไรเริ่มแล้ว?
เย้นหว่านกระวนกระวายใจ
หยูซือห้านก็ไม่คิดจะหลบหลีกเธอ กลับกันได้พาเธอเดินไปที่ห้อง
นี่เป็นห้องขนาดใหญ่ที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ ในห้องมีหน้าจอโปรเจคเตอร์วางอยู่
นาทีนี้ ตรงกลางของหน้าจอกำลังฉายภาพของกล้องวงจรปิดอยู่
ในภาพ คือห้องโถงที่โออ่าตระการตาเหมือนพระราชวัง บนที่นั่งสูง มีหยูฉู่สองที่น่าเกรงขามนั่งอยู่ ใต้มือทั้งสองข้างของเขา มีอาวุโสนั่งเรียงกันอยู่สองแถว
อาวุโสทั้งหลายส่วนมากล้วนผมหงอกและใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยแล้ว แต่สายตาของแต่ละคนแหลมคมเหมือนไฟ ไม่ขุ่นมัวเลยสักนิด
ยิ่งไปกว่านั้นกำลังวังชาของพวกเขาดีมาก เสียงดังกึกก้อง กำลังตำหนิด้วยความโกรธ “โห้หลีเฉินนี่ใจกล้าโอหังจริงๆ ถึงกับกล้าทำเรื่องที่ทำให้ตระกูลหยูขายหน้าออกมา! ตระกูลหยูทนต่อเรื่องอัปยศแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด!”
“ใช่ ตระกูลหยูของเราจะขายหน้าแบบนี้ไม่ได้! โห้หลีเฉินต้องจ่ายค่าตอบแทนให้กับเรื่องนี้!”
“ปลด! ปลดสิทธิ์ผู้สืบทอดตระกูลของเขา เขาทำเรื่องแบบนี้ออกมา จะเป็นผู้สืบทอดตระกูลของตระกูลหยูไม่ได้อีกเด็ดขาด!”
อาวุโสทั้งหลายคนนี้คำคนนั้นคำ คนหนึ่งเกรี้ยวกราดกว่าคนหนึ่ง
ทุกคำพูดล้วนพุ่งเป้าไปที่โห้หลีเฉินหมด
เย้นหว่านแข็งทื่ออยู่กับที่ มองหน้าจออย่างเซ่อๆ
ถึงเธอจะเชื่องช้ายังไง ก็รู้ว่านี่คือการประชุมของตระกูลหยู ตอนนี้ทุกคนของตระกูลหยู นอกจากหยูฉู่สองที่นั่งอยู่ที่ตำแหน่งประธานยังไม่ได้เปิดปากพูด ทุกคนต่างก็เรียกร้องอย่างรุนแรงว่าให้ลงโทษโห้หลีเฉิน
คนมากมายขนาดนี้ ไม่นึกว่าเลยว่าจะไม่มีคนพูดแทนโห้หลีเฉินเลยสักคน ถึงแม้จะแค่คำเดียวก็เหอะ
เย้นหว่านหัวใจเย็นวูบ สีหน้าซีดเซียว
ทีนี้เธอถึงรู้อย่างแจ่มแจ้งว่าสถานการณ์ที่โห้หลีเฉินอยู่ตระกูลหยูยากลำบากแค่ไหน
เพราะเรื่องที่ปลอมตัวเป็นกู้ซึง ตอนนี้ยิ่งหนักทวีคูณขึ้นไปอีก
หยูฉู่สองที่นั่งอยู่บนที่นั่งสีหน้าเคร่งขรึม สีหน้าท่าทางตึงเครียดมาก
เขามองอาวุโสที่แย่งกันพูดจนไม่ได้ศัพท์อย่างน่าเกรงขาม ขมวดคิ้วแน่น ทีนี้ถึงเปิดปากพูดอย่างช้าๆ “โห้หลีเฉินทำผิดมหันต์และต้องรับโทษหนักก็จริง แต่ตระกูลหยูไม่มีคนรับช่วงต่อไม่ได้ ถึงแหกกฎของตระกูลหยู ตัดสิทธิ์รับช่วงต่อของโห้หลีเฉิน ก็ต้องมีคนมาแทนที่รับช่วงต่อถึงจะได้”
อาวุโสที่ผมหงอกลุกขึ้นมาพูด “ก่อนที่โห้หลีเฉินจะกลับมา ได้ปลูกฝังให้หยูซือห้านเป็นผู้สืบทอดตระกูลของตระกูลหยูมาโดยตลอด ตอนนี้ก็ให้หยูซือห้านมาเป็นผู้สืบทอดตระกูลก็ได้แล้วหนิ”
อีกคนหนึ่งพูดต่อ “ถึงจะพูดแบบนี้ แต่หยูซือห้านเป็นผู้สืบทอดตระกูล ก็ภายใต้การที่ไม่มีโห้หลีเฉิน ถึงได้ให้เขามาแทนที่ แต่ตอนนี้มีโห้หลีเฉินแล้ว ในนาม โห้หลีเฉินต่างหากที่เป็นผู้สืบทอดตระกูลอันดับแรก อีกอย่างหยูซือห้านอยู่ตระกูลหยูก็ไม่มีผลงานอะไรเลย ไม่ได้แต่งงานกับเย้นหว่าน ถ้าพูดถึงความสามารถ เขาก็ไม่มีสิทธิ์ถามหาตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลเหมือนกัน”
คำพูดนี้ออกมาปุ๊บ ไม่ได้มีคนโต้แย้งในทันที
คนส่วนใหญ่ของตระกูลหยูล้วนสนับสนุนหยูซือห้าน แต่ก็แยกแยะกฎได้ว่าต้องดูสายเลือดและดูความสามารถ
ดูถึงตรงนี้ เย้นหว่านถึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเธอแต่งงานกับหยูซือห้าน มีผลกระทบกับตำแหน่งที่หยูซือห้านอยู่ตระกูลหยูมากแค่ไหน
สามารถประเคนเขาขึ้นดำรงตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลโดยตรงเลย!
ในวิดีโอ อาวุโสที่ผมหงอกอีกคนได้เปิดปากพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ แววตาเฉียบคมของเขามองหยูฉู่สองไว้ “หัวหน้าตระกูล โห้หลีเฉินต้องได้รับโทษหนัก แต่เรื่องปลดผู้สืบทอดตระกูลยังต้องคิดพิจารณาอย่างละเอียด โห้หลีเฉินเป็นหลานชายแท้ๆคนเดียวของคุณ เป็นสายเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุดของตระกูลหยู แต่ไหนแต่ไรตระกูลหยูก็มีกฎเหมือนกันว่าถ้าไม่ตายก็ไม่เปลี่ยนผู้สืบทอดตระกูล
ถึงแม้ครั้งนี้ได้ก่อเรื่องใหญ่ แต่ถ้าเปลี่ยนผู้สืบทอดตระกูล โห้หลีเฉินก็จะต้องรับโทษทัณฑ์ทรมาน ถึงไม่ตายก็จะตกอยู่ในสภาพพิการตลอดชีวิต ก็จะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงแล้ว อีกอย่างชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่สามารถมีลูกได้อีก สายเลือดหนึ่งเดียวของหัวหน้าตระกูลก็จะขาดอย่างสิ้นเชิงแล้ว”
เย้นหว่านเบิกตากว้างอย่างตะลึงงัน อากาศหนาวเย็นโผล่ออกมาจากฝ่าเท้า หนาวเหน็บไปทั่วกาย
ถึงไม่ตายก็จะต้องตกอยู่ในสภาพพิการตลอดชีวิต?
ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่สามารถมีลูกได้?
นี่หมายความว่ายังไง? !
ตระกูลหยูปลดผู้สืบทอดตระกูลทิ้ง ไม่ได้แค่ช่วงชิงอำนาจและตำแหน่งเหรอ……….