บทที่ 582 ในที่สุดก็มาแล้ว
“ฮ่าๆๆ เย้นหว่าน ถึงคุณจะรอดแล้วยังไง แต่การมองดูโห้หลีเฉินตาย ตลอดชีวิตนี้คุณก็ต้องอยู่ท่ามกลางความเจ็บปวดทรมานไปตลอดชีวิต!”
หยูซือห้านหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ความสุขของเขาคือการเพิ่มความเจ็บปวดให้กับเย้นหว่านอย่างเต็มที่
เขาเกลียดโห้หลีเฉินมาก ยิ่งเย้นหว่านยิ่งแล้วใหญ่
เขาไม่ได้ตายดี พวกเขาก็อย่าได้คิดจะไม่สนใจใครอยู่ดีมีความสุขเลย
คำพูดที่ร้ายกาจนั่นทำให้เย้นหว่านหัวใจหนักอึ้ง ดั่งก้อนหินก้อนใหญ่ที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้
ตัวของเธอสั่นเล็กน้อย สิ้นความอดกลั้น ทันใดนั้นก็เดินเข้าไปหาหยูซือห้าน ‘เพี๊ยะ!’ ตบหน้าเขาอย่างรุนแรง
ใบหน้าเขาถูกปิดด้วยผ้ากอซสีขาว ฝ่ามือที่ตบลงไปเป็นการฉีกบาดแผลทันทีจนเลือดกระจาย
เมื่อมองดูท่าทางเจ็บปวดของเขาที่เปลี่ยนไปมาก เย้นหว่านไม่ได้มีสีหน้าเห็นใจแต่อย่างใด พูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า
“หุบปากเหม็นๆ ของคุณซะ!”
ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อครู่โห้หลีเฉินไม่ได้จัดการฆ่าหยูซือห้าน ตอนนี้เย้นหว่านก็ถึงขั้นคิดว่าจะปล่อยให้เขาตายไปเลยด้วยซ้ำ
คนคนนี้มีชีวิตอยู่ มันน่าขยะแขยงแถมยังทำให้อากาศเป็นพิษด้วย
หยูซือห้านเจ็บปวดที่ใบหน้ามาก น่ากลัวว่าทั้งชีวิตนี้ของเขา นี่จะเป็นตบที่เจ็บปวดที่สุด
และมันยิ่งเป็นการดูถูกศักดิ์ศรีของเขาด้วย
เขาสีหน้าโหดเหี้ยม “อั่ก” กระอักเลือดออกมา
พูดอย่างดุร้าย “ผมพูดความจริง คุณดูเลือดของโห้หลีเฉินสิ มันห้ามไม่ได้แล้ว”
หัวใจคับแน่นของเย้นหว่านสั่นอย่างรุนแรง มองไปที่โห้หลีเฉินโดยอัตโนมัติ และก็เห็นว่า ภายใต้การจัดการที่มีทักษะของเย้นโม่หลิน เลือดบนตัวเขายังคงไม่หยุดไหล
ผ้าก๊อซสีขาวย้อมสีแดงเป็นกองๆ
ราวกับว่าต้องการระบายเลือดออกทั้งหมดเพราะไม่อยากมีชีวิต
เย้นหว่านมองดูอย่างโกรธจัดจนเบ้าตาแทบแตก ลมหายใจแทบขาดช่วง แขนขาเย็นเฉียบ
“มีฉันอยู่ ถึงโห้หลีเฉินอยากตายก็ตายไม่ได้”
เสียงชายหนุ่มอวดดีหยิ่งผยองแต่กลับน่าฟังดังมาจากในระยะไม่ไกลมาก
เย้นหว่านดวงตาสั่นระริก เงยหน้ามองไปทันที และก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นป่ายฉีในเชิ้ตสีขาวเดินมารวดเร็วดั่งดาวตก
เขาสะพายกล่องยามาด้วย เดินอย่างว่องไว สายลมพัดเส้นผมของเขาลู่ไปข้างหลัง
แต่ภาพนี้ในสายตาของเย้นหว่าน กลับเป็นครั้งที่หล่อที่สุดในชีวิต
เธอดวงตาแดงก่ำ สะอึกสะอื้นอย่างตื่นเต้น
ป่ายฉี ในที่สุดก็มาแล้ว!
ป่ายฉีเดินมาตรงหน้าเย้นหว่าน ฝ่ามือใหญ่ตกลงบนศีรษะเย้นหว่าน แล้วลงแรงลูบไปมา
“เสี่ยวหว่าน โชคดีที่เธอไม่เป็นไร”
ถอนหายใจราวกับโล่งใจมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
แม้เขาจะอยู่บ้านตระกูลเย้น แต่ความสัมพันธ์ของเขากับเย้นโม่หลินนั้นสนิทสนมกันมากๆ หลังจากเย้นหว่านเกิดเรื่อง เขาจึงรู้ทันที
คิดว่าตอนที่เย้นหว่านตาย เขาต้องตกใจตายทันทีแน่ๆ
ยิ่งเห็นเย้นโม่หลินที่ดูเหมือนจะเป็นบ้าคลุ้มคลั่ง ปิดผนึกทะเล วางยาพิษฆ่าคน และสาบานว่าจะสูบมันให้แห้ง ซึ่งมันสุดแสนจะน่าหวาดผวา
เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงอนาคตหลังจากเย้นหว่านตาย
รูปแบบของตระกูลเย้นจะยุ่งเหยิงขนาดไหน
เย้นหว่านตาแดงก่ำ ส่ายหน้าและพูดอย่างกระวนกระวายว่า
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ คุณรีบไปดูโห้หลีเฉินเถอะ สถานการณ์เขาไม่ค่อยดีเลย”
หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง เย้นหว่านก็จับมือป่ายฉีด้วยนิ้วที่สั่นเทา ดวงตากะพริบกระสับกระส่าย “คุณต้องช่วยชีวิตโห้หลีเฉินให้ได้นะคะ ป่ายฉี ฉันขอร้องคุณ…”
“เสี่ยวหว่าน!”
น้ำเสียงเนิบช้าของป่ายฉีขัดจังหวะคำพูดตอนท้ายของเย้นหว่าน
เขาพูดแต่ละคำอย่างมั่นคง “เชื่อฉัน เขาจะไม่มีทางเป็นอะไร”
ใครก็ตามที่เขาพยายามช่วย ยังไม่มีที่ต้องไปเจอยมบาล
เมื่อเห็นหน้าตาท่าทางสัญญาของป่ายฉี จิตใจที่ว้าวุ่นของเย้นหว่าน ดีร้ายก็ยังผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่กล้าล่าช้าแม้แต่น้อย รีบดึงป่ายฉีไปตรงโห้หลีเฉิน
“เร็วเข้าคุณ รีบเริ่มเลย”
ประวิงเวลาสักวินาทีก็ไม่ได้
ป่ายฉีค่อนข้างอ่อนใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ไปพูดกับเย้นโม่หลินว่า
“พี่ใหญ่ ให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ”
เย้นโม่หลินมือมีแต่เลือด กดผ้าก๊อซห้ามเลือดไว้ จ้องมองป่ายฉีด้วยแววตาซับซ้อนพลางพูดว่า
“จัดการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่าทิ้งผลกระทบสืบเนื่องไว้เด็ดขาด”
ป่ายฉีสะอึก ตอนนี้เย้นโม่หลินก็ยังกำชับเขาอย่างไม่วางใจงั้นเหรอ
ทักษะทางการแพทย์ของเขาลดลงหรืออย่างไรกัน
หรือว่าพวกเขาทุกคนใส่ใจโห้หลีเฉินมากเกินไป
เย้นหว่านก็พอเข้าใจได้ แต่เย้นโม่หลินนี่ผีอะไร…
ป่ายฉีมองแล้วมองอีกไปยังเย้นโม่หลินอย่างสงสัย
เย้นโม่หลินสีหน้าเย็นชา เม้มริมฝีปากบางโดยไม่พูดอะไร ลุกขึ้นยืนและรีบหลบไปจากตำแหน่งนั้น
ทันทีที่เขาออกไป ที่ที่เขากดไว้ก็มีเลือดไหลออกมาอีกครั้ง
ในดวงตาเย้นหว่านมีน้ำตาไหลคลออย่างต่อเนื่อง
ยิ่งเลือดไหลมาก โห้หลีเฉินก็ยิ่งเลวร้ายมากเท่านั้นใช่หรือไม่
ป่ายฉีเหลือบขึ้นไปเห็นท่าทางเย้นหว่านที่ร้องไห้อย่างทนไม่ไหว ก็ขมวดคิ้วอย่างปวดหัว เขาไม่อยากเห็นเย้นหว่านร้องไห้ ยิ่งไม่อยากเห็นเย้นโม่หลินตำหนิเขา
ป่ายฉีไม่รอช้าอีกต่อไป เปิดกล่องยาที่เขานำมาทันที สีหน้าท่าทีจริงจัง เริ่มลงมือรักษาเขาอย่างเร่งด่วน
ที่เขาลงมือ กับการรักษาฉุกเฉินของเย้นโม่หลิน มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เห็นเพียงบาดแผลเดิมที่เลือดไหลอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่กี่ลมหายใจ เลือดทั้งหมดก็หยุดไหล
หลังจากนั้นไม่นาน ลมหายใจที่อ่อนแอของโห้หลีเฉินที่แทบจะแตกสลายได้ตลอดเวลา พลันมีพลังขึ้นมาอีกครั้ง
เย้นหว่านมองตาไม่กะพริบ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของโห้หลีเฉินทั้งก่อนและหลังได้อย่างชัดเจน
ถึงไม่ต้องบอก เธอก็รู้ว่าโห้หลีเฉินปลอดภัยแล้ว สถานการณ์ของเขาดีขึ้นแล้ว!
เมื่อป่ายฉีลงมือ ไม่มีโรคไหนที่รักษาไม่หายและช่วยคนไม่ได้
หลังจากพันแผลให้โห้หลีเฉินเรียบร้อยแล้ว ป่ายฉีก็วางอุปกรณ์ในมือลงก่อนจะบิดขี้เกียจ
พูดกับเย้นหว่านที่มองตัวเองอย่างใจจดจ่อว่า
“จุดที่บาดเจ็บของเขา ต้องใช้เวลาหลายวันถึงจะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้และฟื้นขึ้นมา”
เย้นหว่านเสียงสั่นเครือ “จริงเหรอ หลับสองสามวัน เขาจะฟื้นขึ้นมาอย่างปลอดภัยแล้วใช่ไหม”
ก่อนหน้านี้ โห้หลีเฉินอยู่ในอาการโคม่าตลอด ยังไม่รู้ว่าเมื่อไรจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ ตอนนี้อาการบาดเจ็บยังคงสาหัส แต่กลับได้คำตอบที่ชัดเจนว่าอีกสองสามวันก็จะฟื้นขึ้นมาแล้ว
เย้นหว่านเหมือนได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ป่ายฉีพยักหน้า ยิ้มและพูดว่า “หลังจากมั่นใจว่าเขาหายดีแล้ว ยกเว้นรอยแผลเป็น โห้หลีเฉินก็จะกลับมาเป็นปกติเช่นเดิมอีกครั้ง”
หัวใจของเย้นหว่านสงบโดยสมบูรณ์
หยูซือห้านที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ทันใดนั้นก็เหมือนมะเขือม่วงที่ถูกตีด้วยน้ำค้างแข็ง ทั้งจิตวิญญาณพังทลายในพริบตา
เขาแพ้แล้ว พ่ายแพ้โดยสมบูรณ์ พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง
เขากลับลากคนลงนรกไปไม่ได้ โห้หลีเฉินยังมีชีวิตอยู่ แถมยังอยู่ดีด้วย!
ป่ายหฉีมองเย้นหว่าน แล้วพูดอย่างติดตลกว่า “จริงสิ ฉันยังมียาลบแผลเป็นอยู่ หากเธอไม่สบายใจกับรอยแผลเป็นบนหน้าอกของเขา ก็มาขอฉันได้นะ~”
เย้นหว่านทั้งแปลกใจและตกใจ ทันใดนั้นแก้มก็แดงเรื่อ
อะไรที่เรียกว่าถ้ารู้สึกไม่สบายใจ ทำไมเธอต้องไปสัมผัสหน้าอกของโห้หลีเฉินด้วยล่ะ
และคำพูดนี้ยังพูดต่อหน้าคนมากมายอีกด้วย
เย้นโม่หลินดึงป่ายฉีออกไปหลายก้าวด้วยใบหน้ามืดครึ้ม พูดด้วยเสียงแข็งและอารมณ์กร้าว
“เตรียมยาก็พอ มันไม่ใช่เรื่องของนาย”
นี่หมายความว่า นายไสหัวไปได้แล้ว
ไม่ต้องถีบหัวส่งชัดเจนขนาดนี้ก็ได้