บทที่ 586 คุณหนู คุณโชคดีมากเลย
กู้จื่อเฟยหายตัวไป
จีนไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการกลับประเทศมาของเธอ
เขาได้แต่ส่งคนไปค้นหาแบบเหวี่ยงแห ถึงขั้นวางรูปแบบการตามหาด้วยตัวเอง
เย้นหว่านยังไม่รู้เรื่องนี้ เพราะเย้นโม่หลินให้ปกปิดไว้
เพียงแต่จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่า ปกติจะมีคนมาที่ห้องโห้หลีเฉินเจ็ดถึงแปดครั้งต่อวัน แต่จู่ๆ จำนวนครั้งที่มาก็ลดลง ที่น้อยสุดอาจเพียงครั้งเดียว
แต่เย้นโม่หลินกลับบอกเธอว่าเขากำลังยุ่งเรื่องการสอบสวนหยูซือห้าน
แต่คิดแล้วว่าเย้นโม่หลินเป็นคนที่ทำอะไรน่าเชื่อถือมาโดยตลอด ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับคนอื่นมาก เย้นหว่านจึงไม่ได้คิดอะไรมาก เฝ้าโห้หลีเฉินต่อไปด้วยความสบายใจ
ทุกวันเธอดูแลเขาอย่างสุดหัวใจ คอยเฝ้าเขา ดูแลไปทีละเล็กทีละน้อย สภาพร่างกายของโห้หลีเฉินค่อยๆ ดีขึ้น อารมณ์ของเธอจึงยิ่งร่าเริงขึ้นมาก
ตามคำพูดของป่ายฉี โห้หลีเฉินอาจฟื้นขึ้นมาได้ทุกเมื่อ
เย้นหว่านกลัวว่าจะพลาดเวลาเขาลืมตา จึงเฝ้าเขาอย่างใกล้ชิด แม้กระทั่งการนอนหลับ ยังนอนบนโซฟาในห้อง
วันนี้ เย้นหว่านที่งัวเงียอยู่ข้างเตียงโห้หลีเฉิน จู่ๆ บอดี้การ์ดก็รีบเข้ามา
“คุณหนูครับ!”
เย้นหว่านที่กำลังงัวเงียเมื่อถูกเขาเรียกก็มองเขาอย่างสับสน “มีอะไรเหรอคะ”
บอดี้การ์ดสีหน้าท่าทางลังเล ก่อนจะพูดว่า “คุณติดต่อคุณชายได้ไหมครับ”
บอดี้การ์ดเป็นคนที่คุ้นหน้า เย้นหว่านเคยเห็นมาหลายครั้ง เป็นหนึ่งในผู้ติดตามของเย้นโม่หลิน ตอนนี้ถูกส่งไปเฝ้าหยูซือห้าน
ในเมื่อเขาเป็นคนของเย้นโม่หลิน โดยธรรมชาติแล้วก็ย่อมติดต่อกับเย้นโม่หลินได้ แล้วเหตุใดถึงตามหาเขา
เย้นหว่านค่อนข้างไม่สบายใจ พูดอย่างสงสัยว่า “ทำไมคุณติดต่อพี่ชายฉันไม่ได้ล่ะ”
“คุณชายไม่รับโทรศัพท์เลยครับ แต่มันเป็นเรื่องด่วน เพราะงั้น…”
บอดี้การ์ดพูดอย่างกระวนกระวาย “เบอร์ติดต่อของคุณ เป็นเบอร์พิเศษที่ตั้งเสียงเฉพาะ ไม่ว่าสถานการณ์เป็นยังไง คุณชายจะตอบทันที เรื่องนี้ค่อนข้างยุ่งยาก เพราะงั้นผมถึงได้มารบกวนคุณหนูครับ”
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้
เย้นหว่านไม่มีการลังเล เอามือถือออกมาเดี๋ยวนั้น ต่อสายไปหาเย้นโม่หลินทันที
ตามที่คาด เสียงเรียกดังไปสองครั้งก็ถูกเชื่อมต่อ
ที่ปลายสาย เป็นเสียงลมหายใจของเย้นโม่หลินดังมา เหมือนว่าจะยุ่งอยู่
“เสี่ยวหว่าน มีอะไร”
“พี่ชายคะ บอดี้การ์ดติดต่อคุณไม่ได้ ดังนั้นจึงให้ฉันช่วยตามหาคุณให้หน่อยค่ะ”
พูดอย่างนั้นแล้วเย้นหว่านก็วางโทรศัพท์มือถือลงและเปิดลำโพง
บอดี้การ์ดรับรู้ พูดกับโทรศัพท์มือถือทันที “คุณชาย หยูซือห้านมีบางอย่างผิดปกติครับ จำเป็นต้องให้คุณตัดสิน”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ เย้นหว่านก็ใจคับแน่นเล็กน้อย ถามทันทีว่า “เขาเป็นอะไร”
บอดี้การ์ดสีหน้าค่อนข้างลังเล ไม่รู้ว่าควรพูดต่อหน้าเย้นหว่านหรือไม่
เย้นหว่านขมวดคิ้วพูดว่า “คุณพูดสิคะ ฉันเองก็มีสิทธิ์ที่จะรู้นะ”
อย่างไรเสียก็เป็นเธอที่ขอให้เย้นโม่หลินตรวจสอบหยูซือห้าน
บอดี้การ์ดลังเล ไม่ได้เปิดปากพูดในทันที
ทางในสายโทรศัพท์ เย้นโม่หลินพูดว่า “พูดเถอะ”
ถึงแม้จะไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องด่วนอะไร แต่เขาไม่ได้วางแผนที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
เมื่อได้รับอนุญาต บอดี้การ์ดจึงเปิดปากพูด “หยูซือห้านเพิ่งฉวยโอกาสในขณะที่การเฝ้าระวังไม่พร้อม ชิงฆ่าตัวตาย ตอนนี้บาดเจ็บสาหัส ไม่แน่ว่าจะรอดครับ”
ฆ่าตัวตาย!
เย้นหว่านคิ้วขมวดแน่น หยูซือห้านตอนนี้ยังถามไม่ได้ความเรื่องเบาะแสของกู้ซึง ถ้าเขาตายไป โลกกว้างใหญ่ ต้องหากู้ซึงไม่พบในเวลาอันใกล้นี้แน่
และยิ่งเป็นไปได้ว่า เมื่อหยูซือห้านตายไป ลูกน้องของเขาก็จะได้ยินข่าวแล้วฆ่ากู้ซึงในทันที
เย้นหว่านสีหน้าซีดลงเล็กน้อย พูดอย่างตึงเครียดว่า “ให้เขาตายไม่ได้ รีบช่วยเขานะคะ!”
“เพียงแต่ว่าหยูซือห้านได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องมีต้นทุนในการช่วยเหลือเขาสูงมาก ถึงขั้นต้องใช้ยารักษาชีวิตอันล้ำค่าของคุณป่ายฉี ผมคิดว่าสำหรับคนอย่างหยูซือห้านแม้จะตายก็ยังไม่คุ้มค่าเลยครับ”
ดังนั้นเขาจึงรบกวนเย้นหว่านอย่างเสียไม่ได้ มาที่นี่เพื่อขอคำแนะนำ
ทางในสาย เย้นหว่านจมอยู่ในความเงียบ
การช่วยหยูซือห้าน เห็นได้ชัดว่าเป็นธุรกิจที่ไม่คุ้มค่า
ถึงแม้เย้นหว่านจะไม่รู้ว่ายารักษาชีวิตที่พวกเขาพูดถึงคือของแบบไหน แต่ดูจากสถานการณ์นี้ มันต้องมีค่าและหายากมากแน่นอน
เธอก็ไม่อยากทำให้เย้นโม่หลินลำบากใจ กัดฟันและถามอย่างหวาดกลัวว่า
“พอจะมีวิธีอะไรอีกไหมคะ หรือว่าหนทางอะไรก็ได้ที่ก่อนเขาจะตาย สามารถง้างปากเขาได้”
ตราบใดที่ได้รู้เบาะแสของกู้ซึง ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บชีวิตของหยูซือห้านไว้
บอดี้การ์ดส่ายหน้าและพูดว่า “หยูซือห้านปากแข็งมากครับ พวกเราใช้การลงโทษหนักทุกอย่างแล้ว ทรมานเขาจนเป็นคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง เขาก็ยังกัดฟันไม่ปริปาก”
“ตอนนี้ทางเดียวที่จะทำให้เขาพูดได้ก็คือการใช้แผน พวกเราอยู่ระหว่างการเตรียมการ แต่ไม่คิดว่าแผนยังไม่ทันสำเร็จ หยูซือห้านก็ทำเรื่องแบบนั้นเสียก่อน”
คนคลุ้มคลั่ง มักจะทำเรื่องไม่คาดคิดที่คนไม่ได้เตรียมรับมือไว้
จากคำพูดของบอดี้การ์ด ตราบใดที่หยูซือห้านยังมีชีวิตอยู่ ดำเนินการตามแผนสำเร็จแล้ว ก็จะรู้เบาะแสของกู้ซึง
ความสำเร็จเกือบจะอยู่ข้างหน้าแล้ว
ใจเย้นหว่านสับสนวุ่นวาย เธอกระตือรือร้นที่จะช่วยกู้ซึง แต่กลับไม่ได้คิดว่าจะสร้างความลำบากให้เย้นโม่หลินขนาดนี้
เธอสับสน ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรทำอย่างไรถึงจะดี
ทางในสายโทรศัพท์ เสียงทุ้มของเย้นโม่หลินดังมา “ยาสามารถทำขึ้นใหม่ได้อีก เอาไป ให้หยูซือห้านได้มีชีวิตอยู่”
บอดี้การ์ดอ้าปากค้างเล็กน้อย สีหน้าท่าทางตกใจมาก
เขามาที่นี่เพื่อถาม อันที่จริงจากความรู้สึกในใจไม่ได้คิดไว้เลยว่าเย้นโม่หลินจะเลือกช่วยหยูซือห้าน เพราะยานั่นมันล้ำค่ามากนัก
แต่เพื่อเย้นหว่านแล้วเขาไม่รู้สึกแย่ แต่กลับใช้มันโดยไม่ลังเล
บอดี้การ์ดมองเย้นหว่านด้วยแววตาเปล่งประกาย พูดด้วยเสียงเบาว่า “คุณหนู คุณโชคดีมากเลยครับ” ที่มีพี่ชายที่รักสุดหัวใจแบบนี้
เย้นหว่านใจสั่นไหว เข้าใจดีว่าเย้นโม่หลินเสียสละต่อเธอมากมายนัก
เธอกัดฟันและพูดกับโทรศัพท์มือถือว่า “พี่ชายคะ ขอบคุณคุณมากค่ะ”
“เสี่ยวหว่าน ฉันเป็นพี่ชายของเธอ เรื่องทั้งหมดที่ทำเพื่อเธอมันสมควรแล้ว”
เย้นโม่หลินพูดตามหลักเหตุผล ก่อนจะพูดอีกอย่างว่า “ยานั่นจำเป็นต้องให้เธอปลดล็อกเปิดมัน เธอตามไปหน่อย”
จำเป็นต้องให้เธอปลดล็อกเปิดมันงั้นเหรอ
เย้นหว่านยิ่งประหลาดใจว่า ไม่น่าเชื่อว่าเป็นสมบัติล้ำค่าแล้วยังต้องปลดล็อกอีก
เธอไม่ลังเล ตกลงในทันที
“ได้ค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
เพราะหยูซือห้านนั่นกำลังจะตายแล้ว
วางสายไป บอดี้การ์ดออกไปจากห้องทันทีด้วยความเคารพ ไปรอเย้นหว่านอยู่ข้างนอก
ช่วงหลายวันที่ผ่านเย้นหว่านคอยเฝ้าโห้หลีเฉินไม่ห่าง ไม่ได้จากไปแม้แต่วินาทีเดียว เมื่อจู่ๆ มาต้องไปจึงไม่ค่อยสบายใจ
เธอเดินไปข้างเตียง มองโห้หลีเฉินที่นอนอยู่ พูดอย่างอ่อนโยนว่า “โห้หลีเฉิน คุณรอฉันอยู่ที่นี่ดีๆ นะ ไม่นานฉันก็กลับมาแล้ว”
เมื่อพูดจบ เธอจูบหน้าผากเขาลงไปเบาๆ ก่อนจะหันหลังจากไป
เธอไม่ได้พบว่า ทันทีที่เธอจากไป ข้อต่อกระดูกนิ้วของโห้หลีเฉินขยับชัดเจน ขยับเคลื่อนไหวออกไปเป็นวงกว้าง