โห้หลีเฉินพูดด้วยสีหน้าท่าทางเฉยเมย “ผมเดาเอา”
“เดาเอา?”
เย้นหว่านเบิกตากว้าง นี่เดาได้ด้วยเหรอ?
เคยเห็นกับตาว่าหยูซือห้านถูกทรมานเป็นสภาพแบบไหน เขาก็ยังไม่ปริปากพูดเลย เย้นหว่านคิดจนหัวระเบิดก็ยังคิดไม่ออก จะทำยังไงถึงจะให้หยูซือห้านปริปากพูด
สำหรับแผนการของเย้นโม่หลิน เธอก็รู้สึกแค่ว่าลึกลับ ใหญ่และอลังการแทบแย่
แต่โห้หลีเฉินเพิ่งฟื้นขึ้นมาเมื่อวาน และไม่เคยไปดูสถานการณ์ของหยูซือห้านเลย แม้แต่เย้นโม่หลินมีแผนอะไรไปจัดการหยูซือห้านเขาก็เดาได้แล้ว?
จริงหรือหลอกเนี่ย?
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยการสำรวจ
โห้หลีเฉินใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว ให้เย้นหว่านสำรวจอย่างใจกว้าง ตั้งแต่ต้นจนจบมุมปากประดับด้วยรอยยิ้มที่รักใคร่เอ็นดู เขาพูดอย่างมีความอดทน “ที่พี่ชายคุณยอมอยู่ที่นี่ต่อชั่วคราวในขณะที่ผมยังสลบอยู่ ไม่ใช่เพราะสาเหตุที่คุณอ้อนวอนหรอก”
เย้นหว่านตะลึงงัน “ยังจะมีสาเหตุอะไรได้อีกคะ?”
“เพราะหยูซือห้าน”
สายตาโห้หลีเฉินลุ่มลึก “เขาประมาณการตั้งนานแล้ว รู้ว่าหยูซือห้านอาจจะไม่รับสารภาพ ดังนั้นจึงได้เตรียมแผนสำรองไว้ ส่วนแผนที่ทำให้หยูซือห้านปริปากพูดนี้ จึงต้องรอผมฟื้นขึ้นมาถึงจะได้”
ไม่นึกเลยว่าจะเกี่ยวข้องกับโห้หลีเฉินด้วย?
ขมับของเย้นหว่านกระตุก มองโห้หลีเฉินด้วยสีหน้าแปลกใจ “คุณพูดต่อเลยค่ะ”
โห้หลีเฉินยิ้มเล็กน้อย พอยื่นมือขยี้ศีรษะของเย้นหว่านแล้วพูดต่อ “สิ่งที่หยูซือห้านแคร์ที่สุดก็คืออำนาจของตระกูลหยู สิ่งที่แคร์ที่สุด มันก็ย่อมต้องเป็นสิ่งที่สามารถทำลายล้างเขาที่สุด
ถ้าหากมีผมกับเย้นโม่หลินพาเขาที่จะตายมิตายแหล่กลับตระกูลเย้น แล้วป่าวประกาศเรื่องชั่วๆที่เขาทำในช่วงนี้ให้ทุกคนได้รู้ เขาจำต้องสูญเสียการปกป้องทั้งหมดของตระกูลหยูไป
ส่วนผมถ้ากลับไปแล้ว มีการสนับสนุนของตระกูลเย้น ก็จะได้นั่งตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลและตำแหน่งหัวหน้าตระกูลหยูอย่างมั่นคง ตำแหน่งนี้ก็จะตกเป็นของผมอย่างสิ้นเชิง ภาพนี้ถ้าให้หยูซือห้านเห็นกับตา คุณคิดดูสิว่าจะต้องกระทบจิตใจเขามากขนาดไหน?”
แค่กระทบจิตใจเสียที่ไหน นั่นมันฟ้าถล่มลงมาเลยนะ โจมตีเขาและทำลายล้างเขาโดยตรง
สิ่งยึดเหนี่ยว ความมั่นใจ เกราะป้องกันจิตใจทั้งหมดของเขาต่างก็จะพังทลายลงมาอย่างสิ้นเชิง แม้แต่ความแค้นก็แหลกหมด
“ถึงจะอย่างนี้ก็เหอะ เท่าที่ดูนิสัยใจคออำมหิตของหยูซือห้าน เขายิ่งไม่มีทางปล่อยกู้ซึงไปแล้ว จะต้องดึงกู้ซึงเป็นแพะรับบาปไปตายด้วยกันแน่นอนค่ะ”
เย้นหว่านถามออกมาด้วยความสงสัย
พอเป็นแบบนี้ กู้ซึงจะไม่ยิ่งปิดปากเงียบเหรอ
สายตาของโห้หลีเฉินลุ่มลึกและเฉียบคมสุดๆ เขายิ้มเย็นชาแล้วพูด “แต่เวลาทางตันแบบนี้ ถ้าหยูซือห้านหนีไปล่ะ?”
“หนีไป?”
เย้นหว่านส่งเสียงตื่นตะลึงออกมา “พวกคุณจะแกล้งปล่อยเขาไปเหรอคะ? แบบนี้มันเสี่ยงอันตรายเกินไปหรือเปล่าคะ”
หยูซือห้านเป็นบุคคลอันตรายที่ถึงขั้นจิตวิปริต ทิ้งปมที่ลึกซึ้งจนไม่อาจลบเลือนให้แก่เย้นหว่าน
เธอแทบจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ด้วยสัญชาตญาณ ขอแค่หยูซือห้านมีอิสระ เขาก็จะต้องทำเรื่องชั่วต่ออีกแน่นอน
เธอแค่คิดก็รู้สึกกลัวแล้ว
การย้อมโจมตีในขณะที่กำลังจะตาย มักจะไม่คำหนึ่งถึงอะไรทั้งสิ้น ยิ่งร้ายแรงถึงตายที่สุด
เธอไม่อยากให้หยูซือห้านมีโอกาสแบบนี้มาสร้างความเดือดร้อนให้พวกเขา
โห้หลีเฉินพูดอย่างมีความลึกซึ้ง “ผมแค่ทำให้เขานึกว่าเขาหนีไปได้เฉยๆ”
เย้นหว่านยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ “หมายความว่ายังไงคะ?”
“ถ้าผมเดาไม่ผิด วิชาสะกดจิตของป่ายฉีก็ฝึกฝนได้ไม่เลว”
เย้นหว่านอึ้ง และเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง ไม่นึกเลยว่าป่ายฉีเป็นวิชาสะกดจิตด้วย?
โอ้พระเจ้า มีอะไรที่ปีศาจตนนี้ไม่เป็นบ้าง
โห้หลีเฉินพูดต่อ “หยูซือห้านผ่านการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก ระบบประสาทของเขามีการป้องกันการถูกสะกดจิตที่แข็งแกร่ง ถึงเป็นวิชาสะกดจิตของป่ายฉีก็เหอะ ก็ยากที่จะทำลายการป้องกันของเขาได้ เพราะฉะนั้น ถ้าอยากทำลาย ก็ต้องทำลายล้างก่อน”
เย้นหว่านฟังคำพูดของโห้หลีเฉินแล้วเข้าใจในทันที
เธอพูดด้วยความตื่นเต้น “คุณกลับตระกูลหยู ได้รับอำนาจของผู้สืบทอดตระกูลหยู คือทำลายความหวังและสิ่งยึดเหนี่ยวของหยูซือห้านซึ่งๆหน้า พอเป็นแบบนี้ปุ๊บ เขาถูกกระทบกระเทือนจิตใจ ก็จะเผยจุดรั่วไหลออกมา จากนั้นป่ายฉีก็สะกดจิตเขาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว การป้องกันสะกดจิตของหยูซือห้านก็จะต้านทานไม่ได้ และถูกป่ายฉีหลอก
เขาอยู่ในภวังค์ขณะถูกสะกดจิตก็จะนึกว่าตนเองหนีไปแล้วจริงๆ เขาหนีไปแล้ว ก็ต้องคิดแน่นอนว่าจะย้อนกลับมาฆ่าพวกเรายังไง ในนั้น จะต้องได้ใช้กู้ซึงแน่นอน เขาจำต้องไปหากู้ซึงแน่นอนใช่หรือเปล่าคะ?”
พอป่ายฉีไปหากู้ซึง ตำแหน่งที่ตั้งของกู้ซึงก็จะถูกเปิดเผย!
พอได้ตำแหน่งที่ตั้งแล้ว พวกเขาก็สามารถไปช่วยกู้ซึงแล้ว
อีกอย่างยังได้ใช้วิธีนี้รู้ คนที่เฝ้ากู้ซึงไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองได้เปิดเผยแล้ว คนของเย้นโม่หลินยิ่งสามารถแอบโจมตีและช่วยเหลือ
แบบนี้จะสามารถรับประกันความปลอดภัยของกู้ซึงได้ในระดับสูง อีกอย่างทั้งรวดเร็วและได้ประสิทธิผลที่สุด
เย้นหว่านคิดต้นสายปลายเหตุในนั้นได้ แววตาเต็มไปด้วยความทึ่งและความนับถือ
ทีนี้เธอก็เข้าใจแล้ว ถึงว่าล่ะตอนนั้นพี่ชายเธอถึงให้คำมั่นสัญญาว่าจะต้องช่วยกู้ซึงกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน
นอกจากลงทัณฑ์ทรมาน ยังมีวิธีที่จะสามารถล้วงข้อมูลออกมาจากปากของเขาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
ย่อมต้องช่วยกู้ซึงกลับมาอย่างแน่นอน
มุมปากของเย้นหว่านประดับด้วยรอยยิ้ม เธอมองโห้หลีเฉินด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและพูด “คุณเดาออกว่าพี่ชายฉันจะทำแบบนี้ หรือคุณคิดได้เองว่าจะทำแบบนี้คะ?”
โห้หลีเฉินขยี้ศีรษะของเย้นหว่าน พร้อมพูดเสียงเบา “ทั้งสองอย่าง”
เขาคิดวิธีแบบนี้ได้ และเดาได้ว่าเย้นโม่หลินก็จะใช้วิธีนี้
ผู้ชายสองคนนี้ ล้วนฉลาดจนทำให้คนขนลุก
เย้นหว่านมองเขาอย่างเศร้าหมอง และพูดด้วยน้ำเสียงประชด “คุณฉลาดขนาดนี้ ฉันเองก็อิจฉาคุณแล้ว”
เธอฟังแผนการนี้แล้ว มีแต่ทึ่งกับทึ่ง จะคิดแผนการแบบนี้ออกมาได้ยังไง
โห้หลีเฉินยื่นมือโอบเย้นหว่านมาที่อ้อมกอด มองเธอด้วยสายตาลุ่มลึก “งั้น ผมไม่ถือสาที่จะแพร่ความฉลาดของผมให้คุณหน่อย”
เย้นหว่านกะพริบตาและมองเขาอย่างเซ่อๆ พร้อมถาม “แพร่ยังไงคะ?”
“ก็แบบนี้ไง”
เพิ่งพูดจบ ริมฝีปากบางของโห้หลีเฉินก็ประทับอยู่ที่ริมฝีปากเชอร์รี่ของเย้นหว่าน
จูบที่รักใคร่สุดซึ้ง แข็งกร้าวแต่ก็อ่อนโยน
ลิ้นของเขายิ่งแล้วใหญ่ได้ไปด้านหน้าเรื่อยๆ ดันฟันของเธอออก คอยปล้นสะดมอยู่ในช่องปากของเธอเหมือนโจรยังไงอย่างงั้น
ริมฝีปากและฟันนัวเนียอยู่ด้วยกัน
เย้นหว่านเบิกตากว้าง ถูกบังคับให้คอยรับรู้จูบที่มาอย่างกะทันหันนี้
แก้มของเธอร้อนผ่าว แข็งทื่อไปทั้งตัว ในหัวก็รู้สึกมึนๆ มีความคิดหนึ่ง คอยเขย่าไปมาอย่างเลือนราง
แพร่ความฉลาดที่เขาว่า ก็คือแพร่แบบนี้เหรอ……
เหมือนกับหวัดยังไงอย่างงั้น ที่ริมฝีปากและฟันนัวเนียด้วยกันก็แพร่เชื้อให้แล้ว
นี่เขากำลังลวนลามเธอชัดๆ!
แต่รู้ทั้งรู้ว่าเป็นแบบนี้ เรี่ยวแรงของเธอกลับเหมือนถูกดูดออกจากร่างกายหมดยังไงอย่างงั้น ซบอยู่ที่อ้อมอกเขาอย่างอ่อนยวบยาบ แม้แต่แรงขัดขืนสักนิดก็ยังไม่มี
แสงอาทิตย์นอกหน้าต่าง
สดใสเจิดจ้า เธอกลับเหมือนแอ่งน้ำที่ละลายอย่างสิ้นเชิงแล้ว
โห้หลีเฉินยิ่งจูบยิ่งเร่าร้อนและดูดดื่ม ราวกับไฟที่จุดขึ้นมา อยู่ในยามเช้าที่ร้อนรน ถูกจุดประกายจนรับมือไม่ไหว
ลมหายใจของเขายิ่งอยู่ยิ่งหนักหน่วง กระหืดกระหอบเหมือนสายฟ้า
นิ้วมือที่เรียวยาวจะไต่ขึ้นไปตามชายกระโปรงของเย้นหว่าน
แต่เพิ่งสัมผัสโดนผิวขาวเนียนของเธอ จู่ๆมือของโห้หลีเฉินก็แข็งทื่อไว้
ข้างหูเขา มีคำพูดของเย้นโม่หลินสะท้อนอยู่
“ถ้าชาตินี้นายไม่สามารถมีลูกได้จริงๆ นายยังจะเป็นภาระเย้นหว่านอีกเหรอ?”