บทที่ 623 การตัดสินสุดท้าย
ตระกูลเย้นกับตระกูลหยูไม่เหมือนกัน ผู้อาวุโสของตระกูลหยูค่อนข้างเยอะ ความสัมพันธ์ทางผลประโยชน์ซับซ้อน การตัดสินใจไม่ใช่เพียงหยูฉู่สองตัดสินได้เพียงคนเดียว
ส่วนตระกูลเย้น ล้วนเป็นเย้นเจิ้นจื๋อกุมอำนาจทั้งหมดเพียงคนเดียว ตัดสินใจอะไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น
แม้เย้นโม่หลินจะเป็นเพียงแค่นายน้อย ไม่ได้เป็นทายาทโดยสมบูรณ์ แต่ตระกูลเย้นทั้งตระกูลกลับพร้อมใจสนับสนุนอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นเย้นเจิ้นจื๋อสองสามีภรรยารักทะนุถนอมเย้นหว่านมากกว่าเย้นโม่หลินเสียอีก
เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเย้นหว่าน เย้นโม่หลินตัดสินใจจะเป็นศัตรูกับตระกูลหยู เย้นเจิ้นจื๋อสองสามีภรรยาคงไม่คัดค้านอย่างแน่นอน
ถึงเวลา เมื่อต้องเผชิญหน้าศัตรูอย่างตระกูลเย้น ทุกอย่างที่ต้องประสบและความเสียหายทั้งหมดที่ตระกูลหยูจะได้รับ ทั้งหมดล้วนน่าเศร้าอย่างคาดไม่ถึง
บรรดาผู้อาวุโสทนไม่ไหวทันที สีหน้าเคร่งเครียดเดินไปข้างๆหยูฉู่สอง พูดเสียงเบาว่า
“ท่านผู้นำ ไม่สามารถแตกหักกับตระกูลเย้นได้แน่นอน ลูกหลานพวกเราในอนาคต พอเจ็บป่วย ก็ต้องพึ่งพาอาศัยบุตรสาวของตระกูลเย้นช่วยชีวิตนะ”
“ใช่แล้ว นับตั้งแต่บรรพบุรุษจนถึงปัจจุบัน ตระกูลหยูของพวกเราก็มีความสัมพันธ์ทางผลประโยชน์ที่ดีต่อกันอย่างแยกไม่ออกกับตระกูลเย้น ถ้าแตกหักกัน เป็นความเสียหายที่ทั้งสองฝ่ายประเมินค่าไม่ได้!”
“ไม่ว่าจากในแง่ของผลประโยชน์ หรือจากลูกหลานในอนาคต พวกเราก็ไม่สามารถทำให้ตระกูลหยูทั้งตระกูลพลอยได้รับความเดือดร้อน เพราะหยูซือห้านคนเดียวได้”
“ใช่ กฎของครอบครัวระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ผลประโยชน์ของครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าใครก็สามารถกำจัด ละทิ้งได้ ”
บรรดาผู้อาวุโสพูดกันคนละประโยค ยิ่งพูดก็ยิ่งหนักแน่น
สำหรับพวกเขาแล้ว การสนับสนุนหยูซือห้าน ก็ไม่อาจเทียบผลกับผลประโยชน์ระยะของตระกูลหยูได้
สีหน้าหยูฉู่สองคร่ำเคร่ง คิ้วขมวดแน่น
เขาเม้มริมฝีปากบางอย่างไร้ความเมตตา ไม่ได้เห็นด้วย และก็ไม่ได้ปฏิเสธ
ท่านอาวุโสผมสีเงินเห็นท่าอย่างนั้น ก็มีสีหน้าไม่สบายใจ รีบพูดกับหยูฉู่สองว่า
“ท่านผู้นำ การประชุมของตระกูลลงคะแนนเป็นเอกฉันท์ โห้หลีเฉินถูกถอด แต่งตั้งหยูซือห้านขึ้นมา หากตระกูลหยูของเราทอดทิ้งทายาทที่เราเลือกเองเพราะถูกข่มขู่คุกคาม ตั้งแต่วันนี้ต่อไป พวกเราตระกูลหยูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แล้วยังจะมีคุณสมบัติอะไรไปยืนอยู่ชั้นนำของโลก”
ผู้อาวุโสอีกท่านเดินออกมาอย่างไม่พอใจ ตำหนิว่า
“ท่านอาวุโสใหญ่ หรือว่าคุณจะยอมเห็นตระกูลหยูเป็นศัตรูกับตระกูลเย้นแบบนี้ ความปลอดภัยของลูกหลานในอนาคตไม่มีหลักประกัน ผลประโยชน์ได้รับความเสียหายทั้งหมด เศรษฐกิจถดถอยไปหลายร้อยปีเหรอ
ตอนนั้น พวกเรายิ่งไม่มีสิทธิ์ที่จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกด้วยซ้ำ”
บรรดาผู้อาวุโสส่วนใหญ่ ต่างก็ยืนอยู่ด้านหลังผู้อาวุโสที่กำลังพูดอยู่
ทัศนคติ ในทางเดียวกัน
เดิมท่านอาวุโสผมสีเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่ ตอนนี้กลับเห็นได้ชัดว่า หัวเดียวกระเทียมลีบแล้ว
หน้าเขาบิดเบี้ยว ท่าทางอารมณ์ดุร้ายน่ากลัว
หยูซือห้านมองเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ตรงหน้าดำมืด จิตใจที่ฝืนทนเข้มแข็งอยู่แทบจะแหลกสลาย
ริมฝีปากเขาสั่น กำลังคิดจะพูด เพื่อทวงสิทธิ์ให้ตนเอง ก็มีเสียงที่เกรี้ยวกราดดุดันดังขึ้นมาอีกเสียง
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งพูดว่า “ทุกคนต่างก็รู้ คุณชายเย้นเป็นตัวแทนของตระกูลเย้น และเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปใส่ร้ายหยูซือห้าน
แน่นอนว่าหยูซือห้านต้องทำเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้ จึงทำให้ตระกูลเย้นโกรธจนบีบมาถึงที่นี่ ในเมื่อหยูซือห้านทำความผิดด้วยตัวเอง อย่างนั้นเขาก็ต้องรับผลที่ตามมาด้วยตนเอง!
ตระกูลหยูของเราเคร่งครัดในกฎระเบียบของตระกูล ไม่มีทางปกป้องเขาแน่นอน ส่วนโห้หลีเฉินในเมื่อไม่ได้ทำลายความสัมพันธ์ของตระกูลหยูและตระกูลเย้น ก็คือเป็นผู้บริสุทธิ์ การตัดสินใจปลดตำแหน่งทายาท ก็ค่อยประชุมกันอีก”
“ผมเห็นด้วย”
“ฉันก็เห็นด้วย”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา บรรดาผู้อาวุโสแต่ละคนก็แสดงความเห็นด้วย สนับสนุนอย่างต่อเนื่องทีละคน
ตรงกันข้ามกับท่าทางที่ขัดแย้ง ต่อต้านโห้หลีเฉินก่อนหน้านี้ทั้งหมด
ด้วยความสามารถที่ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง บรรดาผู้อาวุโสของตระกูลหยู ภายใต้ความกดดันบีบคั้นเรื่องผลประโยชน์ ต่างก็ก้มหน้า เปลี่ยนความเห็นอย่างกะทันหันแล้ว
โห้หลีเฉินเห็นสถานการณ์แบบนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เลยสักนิด แววตาเย็นยะเยือก
ไม่มีความเคลื่อนไหว มีแค่ความรู้สึกเยาะเย้ย
ตระกูลหยู เป็นตระกูลที่เลือดเย็นไปถึงในกระดูกแล้ว
สถานการณ์แบบนี้ ก่อนหน้านั้นตอนที่เย้นโม่หลินปรึกษาหารือกับโห้หลีเฉิน ก็นับว่ามีอยู่ในแผนที่วางไว้
เย้นโม่หลินจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร ในใจเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
สายตาที่คมกริบของเขามองไปยังหยูฉู่สอง ถามด้วยเสียงดังว่า
“ผู้นำตระกูลหยู การตัดสินใจของคุณล่ะ”
ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ของตระกูลหยูเห็นด้วย หากมีหยูฉู่สองพยักหน้าเห็นด้วย เรื่องราวก็จะจบสิ้นลงในที่สุด
และผลสรุปนี้ หยูซือห้านไม่มีทางยอมรับได้เลย
หยูซือห้านตะเบ็งส่งเสียงว่า “ท่านผู้นำ โห้หลีเฉินไร้ระเบียบวินัย ไม่มีทางเป็นทายาทตระกูลหยูได้ ผมไม่ได้ทำผิด ผมหวังดีต่อตระกูลหยู มีแค่ผมที่สามารถนำพาตระกูลเดินไปสู่อนาคตที่เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นได้! มีแค่ผม จึงจะเป็นคนตระกูลหยูที่มีรากฐานที่มั่นคง”
ทุกประโยค ล้วนทิ่มแทงเข้าไปในข้อห้ามภายในใจของหยูฉู่สอง
สีหน้าของหยูฉู่สองย่ำแย่ สายตาหดหู่อย่างมาก
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร
โห้หลีเฉินไม่เชื่อฟังเขามาแต่ไหนแต่ไร แทบจะไม่มีทางควบคุมได้ ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกปลดในตอนนี้ ยังสามารถพลิกตัวได้ ทำให้เขา รวมทั้งตระกูลหยูถูกบีบมาถึงขนาดนี้ได้
ถ้าหากมองตระกูลหยูให้เขา จะยิ่งไม่ใหญ่โตคับฟ้าหรอกหรือ
แม้จะเป็นหลานชายแท้ๆของตนเอง หยูฉู่สองในตอนนี้เวลานี้ ก็ไม่เต็มใจยอมยกตำแหน่งทายาทให้โห้หลีเฉิน
แต่……
เขาไม่มีทางเลือก
การเป็นศัตรูกับตระกูลเย้น เขาไม่อาจแบกรับความผิดระดับประวัติศาสตร์แบนนี้ได้
หยูฉู่สองสูดลมหายใจลึกๆ ราวกับว่าแก่ขึ้นมาอีกสิบปีในชั่วพริบตา กลิ่นอายทั่วร่าง ยิ่งเพิ่มความหม่นหมองมืดมน
แต่ละคำของเขา แทบจะบีบแทรกลอดไรฟันออกมา
“หยูซือห้านทำผิดมหันต์ การรับตำแหน่งทายาทเป็นโมฆะ ปล่อยให้ตระกูลเย้นจัดการ จะด้วยวิธีการใดมีผลเป็นอย่างไร ตระกูลหยูของผมไม่มีข้อคัดค้าน”
ได้ยินประโยคนี้ หยูซือห้านถลึงตาโตในชั่วพริบตา ราวกับว่าจะฉีกดวงตาออกมาจากขอบตาอย่างนั้น
ตรงหน้าเขาดำมืด เส้นประสาทที่เกร็งแน่นแทบจะแยกขาดจากกัน
ตระกูลหยู เป็นที่พึ่งสุดท้ายของเขา
ถ้าหากตระกูลหยูทอดทิ้งเขาแล้ว เขาก็มีแค่หนทางสู่ความตายเพียงทางเดียวจริง อีกทั้ง แม้แต่โอกาสที่จะล้างแค้นก็ไม่มีแล้ว ทั้งหมดที่เขาสั่งสมมาอย่างลำบากหลายปีที่อยู่บ้านตระกูลหยู ก็ไม่เหลือเลย
ทั้งหมดทั้งมวล ก็เพื่อที่จะตัดชุดแต่งงานให้เขา
สายตาที่เคร่งเครียดของหยูฉู่สองละสายตาจากหยูซือห้านไป ไม่มองเขาอีก
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงหันหน้าไปทางโห้หลีเฉิน
พูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “ในเมื่อแกเป็นผู้บริสุทธิ์ อย่างนั้นทายาทของตระกูลหยู ก็ยังเป็นแก”
เรื่องที่ปลอมตัวเป็นกู้ซึงอะไรนั่น ตอนนี้เวลานี้ ไม่สำคัญแล้ว
ที่สำคัญก็คือ โห้หลีเฉินมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งอย่างตระกูลเย้นอยู่เบื้องหลัง เขาก็มีคุณสมบัติที่จะเป็นทายาทตระกูลหยูที่แท้จริง
แม้จะไม่เต็มใจนัก แต่หยูฉู่สองกลับไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนี้ได้
โห้หลีเฉินไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับผลลัพธ์นี้
เขายืนยืดตัวตรง ทั่วทั้งร่างมีกลิ่นอายของความเพิกเฉยเย็นออกมา
ตระกูลหยู เขาไม่ได้อาลัยอาวรณ์ แต่กลับไม่สามารถปล่อยให้ตระกูลหยูปลดสถานะของเขาได้ ไล่ตามทุบตีเข่นฆ่ากำจัดเขาไป
ด้ายเส้นสุดท้ายในหัวสมองของเขาขาด“ผึง”ออกจากกันแล้ว
โห้หลีเฉินถูกแต่งตั้งขึ้นมาเป็นทายาทใหม่อีกครั้ง!
ตระกูลหยู สุดท้ายแล้วก็ยังต้องอยู่ในมือของโห้หลีเฉิน
เขาต่อสู้มาตั้งนานขนาดนี้ ท้ายที่สุดแล้วก็พ่ายแพ้ ตำแหน่งที่เขาต้องการมากที่สุด ถูกโห้หลีเฉินกุมไว้ในมือ
มีสิทธิ์อะไร
มีสิทธิ์อะไร เขาตกอยู่ในสภาพหมดสิ้นทุกอย่าง โห้หลีเฉินมีทุกอย่าง!
เขาไม่ยอม!
เขาถลึงตาใส่โห้หลีเฉินด้วยความเคียดแค้น ตะโกนดังๆอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า
“โห้หลีเฉินไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นทายาทตระกูลหยู เขาไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้!”