บทที่ 628 เปิดไฟ!
ในดวงตาของท่านอาวุโสผมสีเงินมีรอยยิ้มแห่งความสำเร็จฉายวาบ ก็เข้าใจได้ทันทีว่า ที่เย้นโม่หลินรับปาก แน่นอนว่าเป็นเพราะหวาดระแวง ไม่อยากให้เขาไปสถานที่ที่จะประกาศผลตรวจ
ทั้งสองต่างก็มีแผน ผลลัพธ์ ต่างฝ่ายก็ต่างพอใจแล้ว
เมื่อได้รับอนุญาตจากเย้นโม่หลินแล้ว ต้วนอานก็ไม่ขวางอีก หน้าบึ้งพาท่านอาวุโสผมสีเงินเดินเข้าไปด้านใน
เดินผ่านระเบียงทางเดินหลายเส้น อ้อมไปอ้อมมา ในที่สุดก็ถึงห้องที่อยู่ด้านในสุด
หน้าประตูมีบอดี้การ์ดยืนอยู่หลายคน
ต้วนอานพยักหน้าเป็นสัญลักษณ์ บอดี้การ์ดหยิบกุญแจที่พกติดตัวออกมา เปิดประตูที่ล็อกอยู่ออก
ประตูเปิดแล้ว แวบแรกที่เห็น สิ่งที่เห็นก็คือความมืดมิด
ในห้องไม่มีแสงสว่างแม้แต่น้อย ดำมืดไปหมด มืดสนิทจนทำให้คนรู้สึกหดหู่
แสงจากประตูลอดเข้าไปเล็กน้อย จึงทำให้มีแสงรำไรพอให้มองเห็นเค้าโครงบ้าง
แต่ก็เพียงแค่เค้าโครงที่เลือนรางเท่านั้น แม้แต่หยูซือห้านอยู่ตรงไหนก็มองไม่เห็น
ท่านอาวุโสผมสีเงินขมวดคิ้ว คิดก็ไม่ต้องคิดสาวเท้าก้าวเข้าไป
เพิ่งจะเดินเข้าประตูมา เขาก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งมาแตะจมูก มีทั้งกลิ่นคาวเก่าๆ และก็มีเลือดสดๆ
หยูซือห้านตอนนี้ เจ็บหนักยิ่งกว่าหลายชั่วโมงก่อนแน่นอน!
ในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น พวกเขากล้าลงมือทรมานหยูซือห้านแล้ว
สมควรตายจริงๆ
ท่านอาวุโสผมสีเงินความเดือดดาลพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง ตะคอกด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “เปิดไฟ!”
ต้วนอานก็ยืนอยู่ที่หน้าประตู พอยกมือขึ้น ไฟก็เปิด
แสงไฟที่สว่างก็สว่างวาบขึ้นมาทันที ทำให้ทั้งห้องสว่างแยงตา
หลังจากไม่สบายตาในช่วงสั้นๆ สายตาคมกริบของท่านอาวุโสผมสีเงินก็มองเห็นหยูซือห้านที่ถูกตรึงไว้บนกำแพงอย่างตกตะลึง!
เดิมเขาก็เจ็บสาหัสมากอยู่แล้ว ตอนนี้ถูกตะปูตรึงทะลุกระดูกติดกับผนัง ทั่วทั้งร่างมีเลือดไหลไม่หยด อาการเหมือนกับเหลือเพียงใกล้จะหมดลมหายใจแล้ว
นี่มันเป็นการทรมานให้ ตายชัดๆ!
ท่านอาวุโสผมสีเงินขนหัวลุก หนาวสั่นไปทั้งตัว ไม่กล้าคิดจริงๆ ถ้าเขามาช้าไปแค่ก้าวเดียว หยูซือห้านคงต้องไปพบยมบาลแล้ว
“ซือห้าน หยูซือห้าน ตื่นสิ”
ท่านอาวุโสผมสีเงินรีบก้าวไปข้างหน้า รีบเรียกชื่อหยูซือห้านอย่างตื่นตระหนก
เขาอยากจะเอาร่างหยูซือห้านลงมาจากผนัง แต่ลองขยับดูแล้ว กลับพบว่าไม่สามารถขยับได้เลย
ไม่มีหมอพยาบาลผู้เชี่ยวชาญอยู่ในที่เกิดเหตุ ตอนนี้เอาหยูซือห้านลงมา หยูซือห้านมีชีวิตอยู่ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงแน่
หยูซือห้านได้ยินเสียง ขนตาที่อาบเลือดนั้นก็สั่นไหว ดูเหมือนจะใช้เรี่ยวแรงทั้งตัว จึงสามารถค่อยๆลืมตาได้
สายตาของเขาถูกย้อมด้วยเลือดสีแดง พร่ามัวไม่ชัดเจนเล็กน้อย ไม่ง่ายที่จะมองเห็นใบหน้าที่ชัดเจนของท่านอาวุโสใหญ่ อาการและสีหน้าของ ดีขึ้นเล็กน้อย
ลำคอแห้งผาก ส่งเสียงแหบสากราวกับกระดาษทรายออกมาอย่างยากลำบาก
“ท่านอาวุโสใหญ่……”
ท่านอาวุโสผมสีเงินสีหน้าเคร่งเครียด รีบเอ่ยปากพูดว่า “เด็กดี หลานยังทนไหวมั้ย”
ได้ยินประโยคนี้ หยูซือห้านนึกอะไรขึ้นได้ ดวงตาเปล่งแสง รีบพูดว่า
“หรือว่าผมมีทางรอด……”
“ฉันก็แค่มาเยี่ยมเธอ!”
ท่านอาวุโสผมสีเงินเสียงสูงขึ้น ตัดบทคำถามของหยูซือห้าน
เขาค่อยๆหันหน้ามา กลอกลูกตา มองไปที่ต้วนอานที่อยู่ตรงประตูอย่างมีนัย
ต้วนอานยืนตัวตรงเหมือนกับเสาธงอย่างนั้น แววตาคมกริบจ้องมาที่พวกเขา
ระยะห่างกันหลายเมตร เป็นผู้ที่เห็นได้อย่างสมบูรณ์
หยูซือห้านก็เข้าใจได้ในทันที แต่ในใจ กลับมีความตื่นตัวที่พลุ่งพล่านแล้ว
ท่านอาวุโสใหญ่สามารถมาเยี่ยมเขาได้ ในคำพูดเขายังมีนัยให้เขาอดทนเอาไว้ จะต้องไม่คิดที่จะทอดทิ้งเขาแน่
ขอแค่ยังมีความหวัง หยูซือห้านก็จะอดทนมีชีวิตต่อไปให้ได้
ขอแค่เขาไปจากที่นี่ กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ก็จะต้องทำให้โห้หลีเฉิน เย้นหว่าน เย้นโม่หลินทั้งหมดชดใช้อย่างตายทั้งเป็น อย่างน่าสมเพชเวทนาที่สุด !
ความเคียดแค้น บ้าคลั่งส่งเสียงเรียก กระตุ้นเส้นประสาททุกเส้นของเขา
ท่านอาวุโสผมสีเงินมองต้วนอานอย่างระแวดระวัง แล้วเดินไปข้างหน้าอีกเล็กน้อย อดทนต่อกลิ่นคาวเลือดที่ปะทะจมูก ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ชิดกับหยูซือห้านมาก
เขาพูดด้วยเสียงเบามากว่า “โห้หลีเฉินไม่สามารถมีลูกได้แล้ว แต่เย้นโม่หลินวางแผนที่จะช่วยเขาโกหก”
“สมควรตาย!”
หยูซือห้านกัดฟันด้วยความโกรธ ไฟโทสะพลุ่งพล่านไปทั่วร่าง
ท่านอาวุโสผมสีเงินพูดต่อไปว่า “หลานอย่าเพิ่งใจร้อน เรื่องนี้ฉันรู้แล้ว จะต้องไม่ให้โห้หลีเฉินประสบความสำเร็จแน่ ท่านผู้นำก็พูดแล้ว ขอแค่โห้หลีเฉินเป็นหมัน ก็จะยื่นมือมาช่วยหลาน”
ไฟที่แผดเผาลุกโชนในดวงตาของหยูซือห้าน คนที่ติดอยู่ในความมืดมิด ก็พลันมีความหวัง แสงสว่างอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาทันที
ขอแค่ท่านผู้นำตัดสินใจยื่นมือช่วย ด้วยความสามารถมากขนาดนั้นของตระกูลหยู จะต้องช่วยเขาออกไปได้แน่
เขาไม่ต้องตายแล้ว!
หยูซือห้านดีใจจนแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะส่งเสียงหัวเราะดังๆออกมา
แม้ว่าต้วนอานจะไม่ได้ยินว่าสองคนกำลังพูดอะไร แต่กลับมองเห็นว่าหยูซือห้านอารมณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน
เขาขมวดคิ้ว สายตาคมกริบ เดินเข้าไปหาท่านอาวุโสใหญ่ทันที
ท่านอาวุโสใหญ่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็เงียบเสียงลงทันที
ต้วนอานพูดว่า “เยี่ยมก็เยี่ยมแล้ว ท่านอาวุโสใหญ่ คุณควรจะไปได้แล้ว”
ไปตอนนี้เหรอ
หยูซือห้านมองท่านอาวุโสใหญ่อย่างร้อนใจเล็กน้อย เขารู้ เมื่อครู่ท่านอาวุโสใหญ่ยังมีคำพูดที่ยังพูดกับเขาไม่จบ
ต้องเกี่ยวกับเรื่องที่จะช่วยเขาแน่นอน เรื่องสำคัญ!
หยูซือห้านพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ฉันอยู่ในมือของพวกแกแล้ว ถูกทรมานอย่างตายทั้งเป็นทุกวัน ก่อนจะตาย จะให้ฉันอยู่กับญาตินานอีกหน่อยไม่ได้เลยเหรอ”
“ฮึ หยูซือห้าน แกทำเรื่องชั่วช้ามากมายขนาดนั้น ก็ไม่สมควรจะได้รับสงสารและเห็นใจจากคนอื่น”
ต้วนอานหัวเราะเยาะ มองหยูซือห้านด้วยแววตารังเกียจอย่างยิ่ง
หยูซือห้านสีหน้าดูไม่ได้อย่างที่สุด
เขาสาบาน ว่าพอออกไปได้แล้ว จะต้องสับต้วนอานเป็นพันๆหมื่นๆชิ้น!
คนเหล่านี้ เขาจะไม่ปล่อยไว้สักคน
ท่านอาวุโสผมสีเงินขมวดคิ้ว พูดเสียงนิ่งขรึมว่า
“ฉันยังเรื่องจะพูดกับเขาอีก เป็นการล่ำลา คุณให้เวลาผมอีกหน่อยเถอะ ถ้าเป็นคุณชายเย้นก็……”
“คุณชายเพิ่งโทรมาเมื่อครู่ ผลตรวจของป่ายฉีออกมาแล้ว ตอนนี้กำลังจะประกาศ คนตระกูลหยูต่างไปรวมตัวกันแล้ว ท่านอาวุโสใหญ่ คุณก็รีบไปดีกว่า”
ต้วนอานตัดบทท่านอาวุโสใหญ่ด้วยสีหน้าเย็นชา
สีหน้าท่านอาวุโสใหญ่ย่ำแย่อย่างที่สุด ประกาศแล้ว ตอนนี้เพิ่งจะให้เขาไปเหรอ รอเขาไปถึง การประชุมคงจบแล้ว!
เย้นโม่หลินดีจริงนะ ใช้ประโยชน์เขาเสร็จแล้ว ก็รีบถีบหัวส่งทันที
ไม่มีเรื่องที่ดีขนาดนั้นหรอก!
ท่านอาวุโสผมสีเงินแววตาโหดเหี้ยมดุร้าย มองหยูซือห้านด้วยสายตาซับซ้อน พูดเสียงขรึมว่า
“อย่างนั้นฉันไปก่อนนะ”
ในใจหยูซือห้านร้อนรน อ้าปาก แต่กลับได้แต่พยักหน้า
ตอนนี้ต้วนอานอยู่ด้วย ไม่ว่าคำพูดใด ก็ไม่สะดวกจะพูดเลย
ทำได้แค่รอ……
ต้วนอานมองหยูซือห้านอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็ยื่นมือมากดตะปูที่ตรึงข้อมือของหยูซือห้านไว้แรงๆครู่หนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกว่า
“อย่าใจร้อน ส่งท่านอาวุโสใหญ่แล้ว ฉันจะรีบมาทักทายแกทันที”
ขอเพียงมีเวลาว่าง ก็จะเป็นต้วนอานที่ลงมือด้วยตนเอง
ร่างกายของหยูซือห้าน มีความหวาดกลัวเขาโดยสัญชาตญาณแล้ว
เขาเจ็บจนร่างสั่นเทิ้ม หน้ามืดลงทันที แทบจะทนไม่ไหวหมดสติไป
เขากัดปลายลิ้นอย่างแรง จึงฝืนรักษาการมีสติรู้ตัวไว้ได้
ในสายตาที่ย้อมด้วยสีเลือด หยูซือห้านมองไม่เห็นชัดเจน แต่กลับจ้องมองไปที่ต้วนอานอย่างดุร้าย
“ดีที่สุด อย่าให้กูมีชีวิตรอดไปได้นะ”