บทที่658 ผมไปที่ไหน จะพาคุณไปด้วย
โห้หลีเฉินมองไปที่เย้นหว่านด้วยความงุนงง ดวงตาของเขากะพริบปริบๆ
เขารู้แค่ว่าการอยู่กับเย้นหว่านสามารถยับยั้งความเจ็บป่วยในร่างกายของเขาได้ แต่เขาไม่รู้ว่าเมื่อพวกเขากลับมารวมตัวกันอีกครั้งทั้งสองจะผูกติดกันอย่างแน่นหนาได้แบบนี้
นี่ไม่ยุติธรรมกับเธอมาก
รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ ทำให้หัวใจของเขาอ่อนยวบและสับสน
เขาทนไม่ได้ แต่ก็หาข้ออ้างปฏิเสธเธอไม่ได้อีกแล้ว
โห้หลีเฉินมองไปที่เย้นหว่าน พร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ผมจะพาคุณไปทุกที่ ที่ผมจะไป”
จากนี้ไปจะไม่แยกห่างกันอีก
หลังจากได้ฟังคำพูดเหล่านี้จากโห้หลีเฉิน เย้นหว่านรู้ว่าโห้หลีเฉินจะไม่มีวันทิ้งเธอไป เพื่อค้นหายาอีก
หินก้อนใหญ่ที่ทับอยู่บนหัวใจของเธอ ก็ถูกวางลงแล้ว
เมื่อมองไปที่การแสดงออกที่ผ่อนคลายบนใบหน้าของเย้นหว่าน หัวใจของกงจืออวีรู้สึกเป็นห่วงมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ถูก
สถานการณ์ปัจจุบันเป็นความผิดของเธอทั้งหมด ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่น
เพียงแต่เธอรู้สึกเสียใจแทนเย้นหว่าน
ดวงตาของกงจืออวีวูบไหว ริมฝีปากของเธอสั่นเทา และใช้เวลาสักพักก่อนที่เธอจะส่งเสียง
“เสี่ยวหว่าน”
เมื่อได้ยินเสียงของกงจืออวี เย้นหว่านก็นิ่งชะงักไปชั่วขณะ และตกตะลึงไปสองวินาที ก่อนที่จะหันหน้าไปมองที่เธอ
เธอเม้มริมฝีปากไม่ตอบ
แววตาของเธอแปลกไปเล็กน้อย
เมื่อเห็นการปรากฏตัวของเย้นหว่าน กงจืออวีรู้สึกปวดใจมาก ราวกับว่าเธอถูกเข็มพันๆเล่มทิ่มแทง นี่คือสิ่งที่เธอคาดไว้ล่วงหน้าเย้นหว่านโกรธเธออยู่จริงๆด้วย
แต่เมื่อต้องเผชิญกับความไม่พอใจในสายตาของลูกสาว เธอก็รู้ว่ามันปวดใจยิ่งกว่าที่คิด
ใบหน้าของกงจืออวีเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เธอสามารถระงับอารมณ์ได้ และมองไปที่เย้นหว่านด้วยสีหน้าจริงจัง
ก่อนจะพูดว่า“แม่จะถามลูกอีกครั้ง ลูกแน่ใจว่าลูกคิดดีแล้วใช่ไหม ลูกอยากไปกับโห้หลีเฉินจริงๆใช่ไหม”
หลังจากหยุดไปสักพัก เธอรีบพูดต่อ “บนถนนสายนี้ มันมีทั้งอันตรายจากธรรมชาติที่แสนน่ากลัวน่ากลัวมาก และประเทศเล็ก ๆ ลูกไปด้วยอาจจะถูกการจู่โจมจากศัตรูที่อยู่ทุกหนทุกแห่ง
ลูกเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ป้องกันตัวเองไม่ได้ ถ้าลูกไม่ระวังลูกอาจตายที่นั่นได้ ถึงอย่างนั้นลูกก็ยังอยากไปอย่างนั้นเหรอ “
ความอันตรายทั้งหมด ถูกตั้งอยู่ตรงหน้า
คนส่วนใหญ่เมื่อรู้ถึงอันตรายเหล่านี้จะยอมถอยกลับ
แต่เย้นหว่านยังคงมั่นคงต่อความคิดเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ลังเลใจอยู่เล็กน้อย
เธอยังคงยืนยันคำเดิมอย่างหนักแน่น“ ไปค่ะ”
ความหวังสุดท้ายในดวงตาของกงจืออวี ดับลงทันที
เธอเหมือนจะหมดแรงสูญเสียพลังงานไปหมด เธอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“ไปเถอะ ไปเถอะ”
ก่อนจะมองไปที่เย้นหว่านด้วยสายตาที่เป็นห่วง เธอเอ่ยพูด “แม่ขอแค่อย่างเดียว ขอให้ลูกกลับมาอย่างปลอดภัย”
เธอไม่สามารถควบคุมเรื่องราวได้แล้ว
เย้นหว่านรู้สึกปวดใจขึ้นมากะทันหัน พอได้เห็นท่าทางเสียใจของกงจืออวี ทำให้ความขุ่นเคืองในใจของเธอก่อนหน้านี้หายไปทันที
ความจริงเธอรู้ว่าทุกสิ่งที่กงจืออวีทำ ก็เพื่อเธอ ไม่อยากให้เธอเสี่ยงอันตราย
เพียงแต่การกระทำของกงจืออวี มันยากที่จะยอมรับจริงๆ
สำหรับเธอแล้ว เย้นหว่านเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเธอ คนอื่นก็ไม่สำคัญอะไรทั้งนั้น
รวมถึงโห้หลีเฉินด้วย
อย่างไรก็ตามโห้หลีเฉินก็เป็นรักเดียวของเย้นหว่าน ถ้าเธอมันทำให้โห้หลีเฉินเจ็บ ก็หมายถึงทำร้ายหัวใจของเย้นหว่านด้วย
อารมณ์แบบนี้มันขัดแย้งกันจริงๆ จะบอกเธอแค้น แต่เธอก็เข้าใจ จะบอกว่าไม่แค้น มันผ่านปมในใจไปไม่ได้
เย้นหว่านกัดริมฝีปากล่างแน่นและไม่พูด
แววตาของกงจืออวีดูจนใจ และที่มากไปกว่านั้น และความเศร้าโศกของเธอแทบจะบดขยี้เธอ
เธอส่ายหัวลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก่อนจะหันไปสั่งกำชับเย้นโม่หลิน
“ไปประเทศเบียนหนานในครั้งนี้ ลูกต้องรับผิดชอบ ต้องการอะไรลูกไม่จำเป็นต้องรายงานทางตระกูล ถ้าลูกต้องการอะไรลูกมีอำนาจที่จะเอาไปได้”
เธอจะไม่แทรกแซงอีกต่อไป
เย้นโม่หลินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดว่ากงจืออวีจะมอบอำนาจทั้งหมดให้กับเขา และมอบความรับผิดชอบในการตัดสินใจทั้งหมดให้กับเขา
ทุกคนต่างรู้ดี แม้ว่าเขาจะเป็นนายน้อยของตระกูลเย้น คนที่มีอำนาจรองลงมาจากทั้งสองคน แต่อยู่สูงกว่าคนอื่นๆ
แต่ตอนนี้กงจืออวีได้มอบอำนาจสูงสุดให้กับเขาในเรื่องของเย้นหว่าน เพื่อให้เขาทำสิ่งต่างๆได้อย่างสะดวกและช่วยเหลือ
เย้นหว่านได้
เย้นโม่หลินมองไปที่กงจืออวีด้วยสีหน้าที่จริงจัง “คุณแม่ไม่ต้องกังวลครับ ผมจะดูแลเสี่ยวหว่านอย่างดี และพาเธอกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอนครับ”
กงจืออวีเม้มริมฝีปากของเธอ แล้วค่อยๆหันไปทางซ้ายแล้วเดินจากไปทันที
ก้าวเดินของเธอไม่เร็วหรือช้าเกินไป แต่เธอมีท่าทางเสียใจมาก
เย้นหว่านยืนมองไปที่เธอ ด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ
เมื่อเห็นว่ากงจืออวีกำลังจะเดินจากไปไกลแล้ว เธอจึงหันไปทางมารดา และอดที่จะพูดออกไม่ได้ “แม่”
เสียงฝีเท้าของกงจืออวีหยุดกึก
เธอยืนตรง ไม่หันกลับไปมอง
จมูกของเย้นหว่านเริ่มคัด และน้ำเสียงของเธอก็ดูพูดอย่างจริงจัง
“คุณแม่คะ หนูโตแล้ว หนูรู้ว่าหนูต้องการชีวิตแบบไหน และหนูจะรับผิดชอบในสิ่งที่หนูเลือกเองค่ะ”
พี่ชายจะต้องปกป้องคุ้มกันเธออย่างดีแน่นอน
“หนูจะกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน ไม่ต้องห่วงนะคะ”
อย่าเป็นห่วงอะไรมาก และปล่อยเธอไป
หลังของกงจืออวียืดตรงและร่างกายของเธอดูเหมือนจะหยุดนิ่ง
น้ำตาของเธอไหลออกมาเป็นสาย
ลูกสาวของเธอโตแล้ว
ไม่สามารถบอกได้ว่ามันเสียใจหรือน่ายินดีหลังจากนั้นไม่นานกงจืออวีก็เม้มริมฝีปากของเธอจากนั้นก็ก้าวขาของเธอต่อไปและเดินไปข้างหน้า
กงจืออวีจากไป เย้นเจิ้นจื๋อเอ่ยกำชับคำสองสามคำก่อนจะรีบเดินตามไป
เมื่อรู้ว่ากงจืออวีกำลังเสียใจ เขาจึงต้องรีบตามไปปลอบ
ในห้องโถงเหลือเพียงเย้นโม่หลินและพรรคพวกเท่านั้น
เย้นโม่หลินยังคงจับปลอกคอเสื้อของโห้หลีเฉิน แต่หลังจากที่กงจืออวีเดินจากไป เขาก็ปล่อยมือลงอย่างรวดเร็ว เขายังคงมองไปที่ โห้หลีเฉินอย่างไม่พอใจ แล้งพูดเตือน
“แม้ว่าตอนนี้ครอบครัวของเราจะยอมรับว่านายคบกับเสี่ยวหว่าน แต่นายจะทำตัวได้ใจและขาดความระมัดระวังไม่ได้ หากนายกล้าที่จะปฏิบัติต่อเสี่ยวหว่านไม่ดี ฉันก็จะฆ่าคุณเหมือนเดิม”
โห้หลีเฉินพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “จะไม่มีวันเกิดขึ้นเด็ดขาด”
ทั้งชีวิตของเขา เขาแทบรอไม่ไหวที่จะถือเอาของดีทุกอย่างของโลกมาวางไวตรงหน้าเธอ เขาจะทำร้ายเธอได้อย่างไร
เย้นโม่หลินรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย ที่ได้เห็นความคิดที่จริงใจของโห้หลีเฉิน
เขาจัดแจงเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นก็อย่ารอช้า รถกำลังได้รับการปรับปรุงไว้เรียบร้อย แล้วสำหรับการออกเดินทาง แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องสั่ง และปรึกษากัน ไปคุยกันเถอะ”
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากของเขา แต่ไม่ได้พยักหน้าในทันที
เขาบอกเสียงเรียบ “ผมยังมีธุระต้องทำ รอสักครู่”
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ สิ่งที่เขากำลังจะออกเดินทางตามหายาแก้พิษ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ เขาจะทำอะไรอีก
“คุณ……”
เขาพูดอย่างไม่พอใจ เย้นโม่หลินต้องตกตะลึงเมื่อเห็นโห้หลีเฉินเดินไปที่โซฟา แล้วก้มตัวลงไปอุ้มเย้นหว่านขึ้นมา
เขาจ้องมองเธออย่างอ่อนโยนและพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่า “ผมส่งคุณกลับไปพักที่ห้องก่อน”