แต่หลังจากนั้น เธอก็พูดต่อ” ดังนั้นฉันกับคุณ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ปล่อยฉันเถอะค่ะ “
เย้นหว่านใช้แรงชักมือของตัวเองกลับไป
ยังชักมือกลับ ชายหนุ่มก็ยิ่งจับมือเธอแน่นขึ้น ดวงตาที่จ้องเธออย่างเขม็งเกลียว ก่อนจะใคร่ครวญในสิ่งที่ก่อให้เกิดความงงงวยนี้
” คุณหลอกผมเหรอ คุณไม่ใช่ลูกสาวของเวนเดลล์ “
เขารู้อย่างชัดแจ้ง เวนเดลล์มีภรรยาเพียงหนึ่งคน และลูกสาวสองคนเท่านั้น
คุณป้าเมื่อได้ยินในสิ่งที่ทั้งสองคุยกัน ก็รู้คร่าว ๆ เธอจึงรีบชี้หน้าเย้นหว่านแล้วตำหนิด้วยเสียงที่ดังว่า ” การหลอกลวงท่านดยุกเป็นความผิดใหญ่หลวง เย้นหว่าน เธออยากตายงั้นเหรอ! “
เย้นหว่านชักมุมปากขึ้น ยังมีการลงโทษความผิดแบบนี้อยู่อีกเหรอ หรือเธอจะต้องโดนตัดหัวเสียบประจานกันนะ
ปวดหัวจริง ๆ
ไม่ได้ล่ะ จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นเด็ดขาด เธอรีบเถียงรับ ” ฉันแค่บอกว่าที่นี่เป็นบ้านของฉัน แต่ก็ไม่ได้พูดไปว่าเวนเดลล์เป็นพ่อของฉันนี่คะ ก็คงเป็นคุณที่เข้าใจอะไรผิดไปเอง “
” อีกอย่าง เวนเดลล์ก็บอกฉันว่า เมื่ออาศัยอยู่ที่นี่ก็ให้คิดว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองแล้วกัน ฉันไม่ได้พูดอะไรผิดนี่คะ “
เมื่อได้ยินคำที่เธอพูด ชายหนุ่มก็ยิ้มออกมาอย่างชอบใจ
เข้าลากเย้นหว่านให้มาอยู่ตรงหน้าของเขา ก่อนจะพูดว่า ” หากที่นี่เป็นบ้านของคุณ งั้นเรื่องการแต่งงาน แม่อนุญาตแล้ว แสดงว่าเมื่อกี้การสู่ขอของเราก็สำเร็จแล้ว คุณไปกับผมได้ “
เย้นหว่านตกตะลึง งงไปสักพัก ยังมีเรื่องประหลาดแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วเหรอ
เรื่องงานแต่งอะไรนี่ยังยื้อไปได้อีกแค่ไหนกันนะ
” ฉันไม่เห็นด้วย! “
เย้นหว่านใช่แรงถอยออกมาจากชายหนุ่ม เธอทำหน้าที่ดูสุขุมและเด็ดขาด ” ฉันไม่ได้สนใจในตัวคุณ ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณหรอกค่ะ ตัดใจเสียเถอะ “
ชายหนุ่มนิ่งไม่ไหวติง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนปฏิเสธ แล้วยังเป็นการปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเขา
คุณป้าคนนี้ตาบอดไปแล้วเหรอ
ชายหนุ่มไม่ได้มีท่าทีที่โกรธ แต่กลับยิ้มออกมา ” คุณจะยอมหรือไม่ ก็ไม่เป็นไร ยังไงคืนนี้คุณก็ต้องเข้าห้องหอกับผม “
เย้นหว่านแทบอยากจะระเบิดอารมณ์ออกมา
ผู้ชายคนนี้มันเกินไปแล้ว อยากแต่งงานก็ว่าแย่แล้ว ยังจะพูดว่ายังไงคืนนี้ก็ต้องเข้าห้องหอ
เหลือบไปมองชายหนุ่มก็ขยับเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ เย้นหว่านถอยกรูดออกไปหลายก้าว สายตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
ก่อนจะพูด ” ฉันไม่แต่ง คุณยังจะอยากแต่งอีกเหรอ “
ชายหนุ่มยิ้มแล้วพยักหน้า ยังไงมันก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว
” แน่นอนสิ “
เย้นหว่าน “!!! ” นี่ยังมีความเป็นคนอยู่ไหมเนี่ย!
คุณป้าเมื่อเห็นท่าทางของเย้นหว่านที่ดูโมโหมาก ถึงแม้จะรู้สึกอิจฉาตาร้อน แต่เธอก็กลัวได้รับความผิดจากท่านดยุกแล้วต้องมาพัวพันกับครอบครัวอีก
เธอจึงทำหน้านิ่วแล้วพูดกับเย้นหว่าน
” เย้นหว่าน นี่มันเป็นกฎ หากผู้ชายอยากแต่ง คุณป้าก็ต้องแต่ง เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอยู่แล้ว ท่านดยุกชอบพอเธอ ก็เป็นโชคที่ต่อให้เกิดอีกไม่รู้กี่ชาติถึงจะได้มา เธอรีบแต่งตัวให้มันดี ๆ เถอะ แล้วกลับไปพร้อมท่านดยุกซะ “
แนวคิดของเย้นหว่านเหมือนได้ถูกทำลายแล้วสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง
ผู้ชายอยากแต่ง คุณป้าก็ต้องแต่งเนี่ยนะ
ที่แห่งนี้ช่างใจร้ายไส้ระกำกับความเป็นหญิงอย่างแท้จริง ขนาดเรื่องใหญ่ ๆ อย่างการแต่งงานก็ไม่มีสิทธิ์จะเลือกหนทางของตัวเอง
แต่เธอ ไม่ใช่คนที่นี่ อีกอย่าง เธอเป็นผู้หญิงของโห้หลีเฉิน ทำไมจะต้องยอมแต่งงานกับคนโง่เง่าอย่างท่านดยุกด้วย
แต่ตอนนี้เรื่องมันชัดเจนขนาดนี้ ทุกคนคงไม่ยอมให้เธอปฏิเสธโอกาสนี้อย่างแน่นอน พวกเขาก็คงเพิกเฉย ไม่สนใจคำปฏิเสธของเธออยู่แล้ว
ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่แน่อาจจะโดนท่านดยุกโง่เง่านี่อุ้มเข้าร่วมหอก็เป็นได้
เธอเก็บอารมณ์โกรธนั่นไว้ในใจ ความคิดของเย้นหว่านแล่นไปมาในหัวของเธอ ก่อนแววตาจะมีประกายบางอย่างก่อนเธอจะถามกับคุณป้าว่า
“แต่เรื่องสำคัญอย่างการแต่งงานเนี่ย ก็ต้องให้แม่เป็นคนยินยอมใช่ไหมคะ “
คุณป้าตอบ ” ก็ใช่น่ะสิ ตอนนี้เธออยู่บ้านของฉัน ก็นับว่าฉันเป็นแม่ของเธอได้เหมือนกัน… “
” คุณยังไม่ได้สิทธิ์นั้นนะคะ “
เย้นหว่านพูดตัดบทคุณป้า เธอจะไม่ยอมให้คุณป้าผลักเธอลงขุมนรกนั่นเป็นอันขาด
เธอพูดต่อด้วยท่าทีที่เด็ดขาด ” ถึงตัวฉันจะอาศัยอยู่ในบ้านของพวกคุณ แต่ฉันก็ยังเป็นแค่ผู้อาศัย เป็นแค่แขก คุณไม่มีสิทธิ์มาจัดการหรือก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของฉันหรอกนะคะ “
เย้นหว่านหันกลับไปยังชายหนุ่ม ” ถ้าคุณอยากจะสู้ของฉัน ก็ย่อมได้ แต่คุณต้องทำตามขั้นตอน การยินยอมต่อเรื่องการสู่ขอก็เป็นสิ่งที่จำเป็น ฉันอยู่ที่นี่ถึงแม่จะไม่มีแม่ แต่เรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวกับตัวฉันก็มีแค่พี่ชายที่เป็นคนคอยตัดสินใจ คุณต้องได้รับความยินยอมจากพี่ชายฉันเสียก่อน “
คุณป้าย่นคิ้ว ” เรื่องแบบนี้ ทำไมต้องให้ผู้ชายยื่นมือเข้ามาแทรก “
เย้นหว่านรู้สึกอยากกุมขมับ ก่อนจะอธิบายเสริม
“ฉันกับพี่ชายเราพึ่งพาอาศัยกันมาโดยตลอด ฉันให้ความสำคัญเขาดั่งพ่อและแม่ ถ้าไม่ได้รับความยินยอมจากพี่ชายของฉันให้แต่งงาน ฉันยอมตายยังดีเมียกว่า “
คุณป้าโกรธมาก ก่อนจะต่อว่าเธอ ” เธอนี่มันนังคนที่ไม่รู้จักดีเลว เธอคิดว่าตัวเอง…. “
” คนที่ไม่ยอมอะไรง่าย ๆ อย่างนั้นสินะ! “
เสียงอันเบิกบานของชายหนุ่มดังออกมาจากในครัว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และมองไปเย้นหว่านอย่างพึงอกพึงใจ ” ความแตกต่างไม่เหมือนใครของคุณ ทำให้ผมยิ่งติดใจเสียแล้วสิ “
นี่คือผู้หญิงคนแรกที่ปลีกกล้าขาเข็งกับเขา เป็นผู้หญิงคนแรกที่กินข้าวบนโต๊ะอาหาร เป็นผู้หญิงคนแรกที่เสี่ยงเป็นเสี่ยวตายที่จะต่อต้านเขา น่าสนใจ น่าสนใจเสียจริง
ถ้าได้แต่งกับเธอ ชีวิตของเขาคงไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
” พี่ชายของคุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปสู่ขอคุณกับเขาตอนนี้เลย ” ชายหนุ่มโพล่งออกมา
สุดท้ายชายหนุ่มก็ยืนกรานจะไปสู่ขอเธอกับโห้หลีเฉินเสียให้ได้ ความกังวลใจเย้นหว่าน ก็เบาลงระดับหนึ่งเรื่องที่โห้หลีเฉินจะรับคำสู่ขอ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
อีกอย่างตอนนี้เขากำลังร่วมงานเลี้ยงอยู่ในพระราชวัง คงไม่กลับมาเร็วขนาดนั้น คืนนี้ผู้ชายคนนี้คงต้องกลับไปก่อนอยู่แล้ว
อย่างน้อยพรุ่งนี้เธอก็มีเวลาอีกหนึ่งวัน ไว้ค่อยปรึกษาโห้หลีเฉินว่าจะเอายังไงต่อกับเรื่องนี้
หรือว่า เธอควรจะหนีไปซ่อนตัวอะไรทำนองนั้นก่อน
เย้นหว่านคิดวนไปวนมาให้หัวอยู่หลายครั้ง ก่อนจะพูดกับชายหนุ่มว่า ” ตอนนี้เขาเข้าร่วมงานเลี้ยงในพระราชวังน่ะ “
แต่เมื่อชายหนุ่มได้ยินที่เธอพูดก็เลิกคิ้วเล็กน้อย
” ที่นั่นน่ะ คงจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่เนอะ “
เย้นหว่านระงับอารมณ์ดีใจของเธอเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ก่อนจะพูดต่อไป ” ใช่น่ะสิคะ เหมือนคืนนี้คงจะยังไม่เสร็จ ไม่งั้นวันหลังคุณค่อย… “
” ผมจะพาคุณไปพระราชวัง “
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เย้นหว่านตกอยู่ในความงุนงง คำที่จะพูดออกไปจุกอยู่ในลำคอ
เขาพูดว่าไงนะ!
แผนไม่ใช่แบบนี้นี่
ท่าทีเขาดูเด็ดขาด ก่อนจะยื่นมือจูงเธอ ” ไปเถอะ “
เย้นหว่านรีบถอยไปข้างหลัง ก่อนจะกระชากมือกลับจากเขา
ก่อนจะพูดออกมาอย่างกลัดกลุ้มใจว่า ” พวกเขากับละงทำธุระอยู่ในงานเลี้ยงนั่น ถ้าไปพูดเรื่องแต่งงาน คงไม่ค่อยจะเหมาะเท่าไหร่นัก “
อีกอย่าง คนก็เยอะมาก ถ้าท่านดยุกงี่เง่านี่โฉ่งฉ่างพูดเรื่องสู่ขอนี่ขึ้นมา สายตาโดยรอบที่มอง ก็ต้องเป็นไปตามธรรมเนียมของที่นี่ โห้หลีเฉินคงปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้แน่
เย้นหว่านรู้สึกหนังหัวเริ่มชา ปั่นป่วนจนทำอะไรไม่ถูก
ชายหนุ่มไม่ได้มีท่าทีที่จะให้เกียรติหญิงสาวเลย เขาเขยิบขึ้นมาอีกสองสามก้าวก่อนจะรีบคว้ามือของเย้นหว่านไว้
แล้วลากเธอออกไปข้างนอก
และยังพูดเร่งอีกว่า ” รีบ ๆ เข้าสิ ผมจะพาคุณไปเปลี่ยนชุดเข้าพิธี ไปงานเลี้ยงแล้วกลับมา ก็อาจจะทันก่อนเที่ยงคืน คืนนี้พวกเราจะได้เข้าห้องหอกันไง “
เย้นหว่าน ” …. ” เข้าหอบ้านแกสิ
แต่แรงของผู้หญิงก็ไม่อาจสู้แรงของผู้ชายได้ แรงสู้อันน้อยนิดของเย้นหว่าน ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด ทั้งตัวของเธอก็ถูกยื้อไปข้างหน้า
เมื่อมองแสงจันทร์ที่มืดมนด้านนอก ก็ทำให้จิตใจของเธอไหวหวั่น
เธอไม่เข้าใจธรรมเนียมประเพณีของที่นี่เลยจริง ๆ ทำไมสู่ขอวันแรก คืนนั้นก็เข้าหอเลย สำหรับพวกเขามันเป็นเรื่องปกติไปเสียอย่างนั้น
ที่หญิงสาวกังวลมากกว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดนั้นก็คือ ก่อนที่จะสู่ขอ เขาอาจจะคิดทำเรื่องไม่ดีบางอย่าง ลักไก่หรือมัดมือชกเธอก็เป็นได้
ถึงตอนนั้นจะได้เจอโห้หลีเฉิน เขาคงช่วยอะไรเธอไม่ได้