หลังจากที่ชุดราตรีชุดนี้ได้มาอยู่ที่นี่แล้วได้มีหญิงสาวมากหน้าหลายตาที่ได้มาลอง แต่เย้นหว่านเป็นคนเดียว ที่ใส่ชุดนี้แล้วสามารถเข้ากับเธอได้
แค่ความสวยที่ชุดมี ก็ชูความงามของเธอออกมาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แต่เธอพึ่งจะเข้าใจว่า ความงามของเย้นหว่านก็อยู่ระดับสูงสุดของระดับความสวยงามเช่นกัน สวยดุจนางฟ้านางสวรรค์ ความสง่างามเฉพาะตัว
ฉู่ฉู่เอามือปิดปากไว้ แล้วพึมพำไปมาเพราะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเห็น
” จะเป็นไปได้ยังไง ผู้หญิงบ้านนอก ทำไมถึงสวยได้ขนาดนี้ รูปลักษณ์ของเธอ เมื่อเทียบกับเจ้าหญิงแล้วยังดูมากกว่าเสียอีก “
เธอคิดมาตลอดว่า เจ้าหญิงคนที่สวยที่สุดในประเทศเบียนหนาน ถึงแม้จะอยู่ข้างนอก ก็ไม่มีใครหน้าไหนมาเทียบเจ้าหญิงได้สักคน
แต่ตอนนี้ ในขณะนี้ ความคิดในใจของฉู่ฉู่ ก็เกิดการสั่นไหวขึ้น
เมื่อเย้นหว่านสวมชุด ๆ นี้เข้าไป ใจก็ก่อเกิดความอึดอัดขึ้นลึก ๆ ในใจรู้สึกเหมือนมีกลองมาตีรัว ๆ เต็มไปด้วยความไม่สบายใจบางอย่าง รู้สึกกังวลผลลัพธ์หลังจากได้ใส่ชุดออกมา
แต่ตอนนี้เมื่อเห็นปฏิกิริยาของผู้คนรอบข้าง ก็ทำให้เธอรู้สึกวางใจ
เธอสาวเท้าที่อยู่บนส้นสูงนั่นมายังหน้ากระจก จึงทำให้เธอเห็นรูปร่างของตัวเองในนั้น
รูปลักษณ์ของเธอในขณะนั้น มีกลิ่นอายของความเป็นราชินี
ตัวเธอเองก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ว่าคนอย่างเย้นหว่านนั้นก็มีด้านที่สวยงามเช่นนี้ได้เหมือนกัน
ขณะที่เธอตกอยู่ในภวังค์ ก็มีเงาของร่างสูงมาขนาบร่างของเธอทางด้านหลัง อกที่กว้างหนานั่น แนบลงมาที่แผ่นหลังของเธอ
ลมหายใจของชายหนุ่มทำให้เย้นหวานหว่านถึงกับตกใจจนสะดุ้ง ก่อนจะหลีกออกมาอย่างรวดเร็ว มือของเขาได้กดลงมาบนไหล่ของเธอ เพื่อให้เธอยืดอยู่กับที่
เย้นหว่านขยับตัวไม่ได้ ชายหนุ่มเขยิบเข้ามาใกล้ทำให้เธอรู้สึกต้องระวังตัวมากขึ้น
ในใจของเธอปั่นป่วนไปหมด ” นี่ คุณจะทำอะไร อยู่ให้มันห่าง ๆ จากฉันหน่อยได้ไหม! “
ชายหนุ่มมองผ่านกระจก สายตานั้นทอดลงมายังตัวเย้นหว่าน รัศมีของดวงตานั่นบ่งบอกถึงแววตาที่กำลังจะทำอะไรบางอย่างเพื่อคุกคามเธอ
” ผมไม่ได้ชื่อนี่ เสี่ยวหว่าน หลังจากนี้ไปโปรดเรียกผมว่ายุนซี “
ยุนซีชื่อนี้ออกมาจากปากเขา ดูครุมเครือราวกับเป็นสามีอย่างไรอย่างนั้น
เย้นหว่านรู้สึกถึงหนังหัวที่ชาไปหมด
อีกอย่าง เขาจะชื่ออะไรก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องให้ความสนใจ แค่ไปเจอโห้หลีเฉินก็พอ เธอกับเขาจะได้แบ่งเส้นเขตแดนกันได้ชัด ๆ เสียที ชีวิตนี้ไม่ต้องพบต้องเจอกันอีกจะดีมาก ๆ เลย
เธออดไม่ได้ที่จะพูดเร่ง ” รู้แล้ว คุณปล่อยฉันสิ แล้วก็อย่ามาใกล้ด้วย “
” ทำไมคุณไม่รีบชินกับมันเสียล่ะ “
เซอร์ยุนซียังไงก็ไม่ยอมถอย กลับกันเขายิ่งยื่นมือสองข้างเข้ามา โอบรอบคอของเย้นหว่านให้เข้าไปอยู่ในอกของตัวเอง
ในกระจก ท่าทางกริยาที่แสดงออกมาของทั้งสอง ดูราวกับเป็นคู่รักคู่สวีทกันก็มิปาน
ใบหน้าของเขาค่ำลงไปบนไหล่ของเย้นหว่าน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ่มและนุ่มนวล ” คืนนี้พวกเราก็เข้าห้องหอกันแล้วนะ “
ห้องหอกับแม่แกสิ!
เย้นหว่านแทบจะเป็นบ้า โกรธจนหน้าดำหน้าแดง กัดฟันแน่นก่อนจะพูดคำบางอย่างออกมาจากปาก
” พี่ชายของฉันคงไม่ยอมแน่ ก่อนที่จะตัดสินใจ ความสัมพันธ์ของเราก็ไม่ได้มีอะไรที่มันเป็นไปได้เลย “
” ยังไงเขาก็ต้องยอมตกลงอยู่แล้ว “
เซอร์ยุนซีพูดออกมาด้วยคำมั่น สายตามองทะลุไปในกระจก จ้องไปที่เรือนร่างของเย้นหว่านอย่างไม่ละสายตา ดูเผินๆ ราวกับเจ้าตัวเป็นเครื่องเอกซเรย์ที่มองผ่านร่างกายของเย้นหว่านได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
” คุณตั้งใจใส่ชุดที่ดูสวยเป็นพิเศษขนาดนี้ ก็เพื่อจะอยู่คู่กับผม ถ้าคุณจะชอบผมขนาดนี้ คนในประเทศเบียนหนานคงไม่มีใครกล้ามาขัดขวางความรักระหว่างเราสองคนหรอกนะ “
ดังนั้น พี่ชายของเธอต้องตกลงเห็นด้วยอยู่แล้ว
เย้นหว่านเมื่อฟังเหตุผลที่เขาหยิบยกขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือร้องไห้ดี คิดไปเองมากเกินไปหรือเปล่าฮ้ะ ที่เธอใส่ชุดนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลยสักนิด
เธอแค่อยากจะแข่งกับเจ้าหญิงที่มาพัวพันกับโห้หลีเฉินของเธอต่างหาก
” รอพี่ฉันตกลงก่อนค่อยว่ากันเถอะนะ “
เย้นหว่านค่อย ๆ พูดออกมาในขณะที่ตนกัดฟันแน่น พยายามอดทนไม่เหวี่ยงยุนซีให้ลอยไปทางนู้นก็ดีเท่าไหร่แล้วก่อนจะเตือนว่า ” เริ่มจะสายแล้ว พวกเราไปกันเถอะ “
เซอร์ยุนซีที่โอบอยู่รอบไหล่ของเย้นหว่านอยู่นั่น ก็ผละออกอย่างเสียไม่ได้
ข้างกายของเขาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมาก่อน ที่ผ่านมาเขาไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลย ในประเทศเบียนหนาน ผู้หญิงมักจะปฏิบัติต่อเขาเหมือนผู้ชายทั่วไป
พวกเธอว่านอนสอนง่าย ทำตัวเหมือนอุปกรณ์ที่ไว้ใช้ปรนนิบัติพวกเขา
ถ้าพูดถึงเรื่องความรู้สึก ใครจะไปมีความรู้สึกกับสิ่งของพวกนี้กันล่ะ แม้มองก็ไม่อยากจะมองด้วยซ้ำ
ที่ผ่านมาเขาคิดเข้าข้างตัวเองมาโดยตลอด หลายปีที่ผ่านมา ไม่ได้สนใจผู้หญิงเลยแม้แต่คนเดียว แล้วยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ชอบทำตัวสนิทชิดเชื้อกับผู้หญิง
แต่สำหรับตอนนี้ เขาพึ่งค้นพบว่า ความรู้สึกของการได้กอดผู้หญิงคนหนึ่ง มันทำให้รู้สึกดีขนาดไหน
มันทำให้เขาอยากทำอะไรบางอย่าง เขาอยากกอดเธอแบบนี้ พาเธอขึ้นเตียง แล้วก็ยึดครองร่างกายของเธอ
สายตาของเซอร์ยุนซีที่มองเย้นหว่าน มันลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ
จนให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกคุกคามอยู่
สายตาแบบนี้ ทำให้เย้นหว่านแทบขยับร่างกายไปไหนไม่ได้ ในใจเหมือนมีสัญญาณเป็นกริ่งเตือนภัยอะไรบางอย่าง
ดูจากสายตาคนที่มองเข้ามา เขาคงไม่กล้าทำอะไรเธอหรอกมั้ง
ข้อปฏิบัติของประเทศเบียนหนานนี้ เธอก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ ยิ่งยศศักดิ์ของยุนซีก็สูงส่งขนาดนั้น เป็นไปได้ว่าตอนนี้แม้เขาจะทำตัวอย่างไร ก็คงไม่มีใครสนใจเท่าไหร่นัก
แต่เย้นหว่าน แม้ที่ที่จะร้องไห้อย่างสงบก็ยังไม่มีเลย
เย้นหว่านรู้สึกหนังหัวชาไปหมด ในใจปั่นป่วนจนไม่รู้จะทำยังไง ทันใดนั้นจึงรีบก้มหัว อ้าปากกว้างแล้วกัดไปที่บนแขนของเซอร์ยุนซี
” ซี๊ด! เจ็บ! “
เซอร์ยุนซีเมื่อรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด จึงยอมปล่อยเย้นหว่านไป
เขากุมไปที่แขนของตัวเอง ก่อนจะถลึงตามองไปที่เย้นหว่าน ” นี่คุณเป็นหมาหรือไง! “
เมื่อหลุดพ้นจากพันธนาการ เย้นหว่านก็รีบยกกระโปรงแล้วเดินออกไปข้างนอก เมื่อเว้นระยะห่างที่รู้สึกปลอดภัยจากเซอร์ยุนซีแล้ว
เธอก็มีท่าทีสงบลงก่อนจะพูดว่า ” ก่อนที่จะตกลงเรื่องแต่งงานกัน คุณกับฉันไม่มีความสัมพันธ์ในนามใด ๆ ทั้งสิ้น ชายหญิงกับพฤติกรรมที่ไม่ชัดเจน ถ้าคุณยังกล้าแตะต้องเล่นหูเล่นตาใส่ฉันอีกล่ะก็ ฉันก็จะกัดคุณอีก “
พูดไป เย้นหว่านก็ยิงฟันขาวซี่น้อย ๆ ของเธอออกมาด้วยท่าทีที่ดูดุร้าย
เซอร์ยุนซี ก็รู้สึกว่าแขนของเขารู้สึกปวดขึ้นมาเล็กน้อย
เขาพูดต่อ ” คุณคงไม่ได้เป็นหมาหรอก คุณคือตัวเม่นต่างหาก ภายในวันเดียวผมก็โดนคุณทิ่มไปสองครั้งแล้ว “
ตอนพึ่งเจอหน้าก็เตะน้องชายคนที่สองของบ้านเขาไป แล้วยังจะมากัดแขนเขาอีก
ความเรียบร้อยของผู้หญิงไม่ได้อยู่ในตัวเธอเลยสักนิด เดียว
เย้นหว่านเบื่อจะสนใจเขา ก่อนจะยกชายกระโปรงขึ้นแล้วสาวเท้าออกไปข้างนอกอย่างรีบร้อน
เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เธอก็อยากไปเจอโห้หลีเฉินสักที
เธออยากจะกั้นเขตแดนกับยุนซีงี่เง่านี่จะตายชัก
ขณะนั้น พนักงานหญิงกับฉู่ฉู่ที่ยืนมองอยู่ข้าง ๆ เห็นเย้นหว่านเดินออกไปแบบนั้น ทุกคนก็มองด้วยตาที่เบิกโพลงตกใจจนอ้าปากค้างจนคางจะไปกองอยู่ตรงพื้นเสียให้ได้
ไม่จริง ภาพลวงตาแน่ ๆ
พวกเธอพึ่งเคยเห็นอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก ผู้หญิงที่กล้าทำร้าย (กัด) ผู้ชาย แล้วคนที่ถูกกัดก็เป็นคนที่สูงส่งอย่างท่านดยุกเสียด้วย
ที่ผ่านมาในประเทศของพวกเธอไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน ถ้าเกิดขึ้นจริง ๆ ผู้หญิงคนนั้นคงโดนผู้ชายทุบตายอยู่ตรงนั้นไปแล้ว
แต่เย้นหว่านน่ะเหรอ….
เธอดูดุกว่าท่านดยุกเสียอีก แถมยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเดินออกไปแบบนั้น!
เย้นหว่านไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ทำไมถึงได้แรงเยอะขนาดนั้น
แต่ท่านดยุกก็ยังมีท่าทีสปอยเธอ ใบหน้าที่หล่อเหลานั่น ไม่มีสีหน้าของอารมณ์โกรธ แถมยิ้มจนตาหยี ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
จริง ๆ แล้วท่านดยุกอาจจะเป็นมาโซคิสม์ หรือเป็นพวกเธอเองที่ตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย…
ความคิดที่ฝังรากลึกของหญิงสาวเหล่านี้ได้ถูกสั่นคลอนเข้าเสียแล้ว