ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากสถานที่จัดงานเลี้ยง พอขึ้นรถ ไม่นานก็เดินทางมาถึงแล้ว
เมื่อเปิดประตูรถ เย้นหว่านก็เห็นพรมสีแดงแบบเดียวกันในวิดีโอ และพระราชวังที่หรูหรา
การเต้นของหัวใจเธอก็เร็วขึ้น และตอนนี้โห้หลีเฉินก็อยู่ภายในงานแล้ว
ไม่รู้ว่าตอนที่เขาเห็นเธอ จะมีปฏิกิริยาอย่างไร
“ เสี่ยวหว่าน มานี่ครับ”
เซอร์ยุนซียืนอยู่บนพรมแดง พร้อมกับยื่นแขนออกเล็กน้อย เพื่อให้เธอควงแขน
รอบ ๆด้าน มีสื่อมวลชนที่ยังยืนรอถ่ายภาพอยู่ไม่น้อย พวกเขาเห็นท่านดยุกก็รีบหยิบกล้องและสปอตไลท์ขึ้นมาถ่ายทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่พวกเขาเห็นผู้หญิงอีกคนเดินลงมาจากรถของท่านดยุก ทุกคนก็พากันตกตะลึงกันไปหมด
สำหรับ ท่านดยุกที่มักจะไม่มาร่วมงานเลี้ยงเท่าไหร่แล้ว มันค่อนข้างผิดปกติ แล้วครั้งนี้เขาก็ยังคงพาผู้หญิงมาร่วมงานด้วย
หญิงคนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
ต้อง มีอะไรในกอไผ่แน่นอน
เย้นหว่านมองไปรอบ ๆ ด้วยท่าทางตื่นตัว จากนั้นก็มองไปทางเซอร์ยุนซีที่กำลังส่งยิ้มหวามมาให้ แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
เดินตามด้านข้างของโห้หลีเฉิน เธอยังคงไวต่อการขุดคุ้ยข่าวของนักข่าวเหล่านี้
เธอไม่ต้องการมีความสัมพันธ์ที่สร้างความเข้าใจผิดกับเซอร์ยุนซี
เย้นหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอจงใจใช้มือทั้งสองข้างจับชายกระโปรงแล้วเดินตรงไป และเมื่อเดินไปถึงด้านข้างของเซอร์ยุนซีเธอก็เดินผ่านหน้าเขาไปโดยไม่สนใจเขาเลย
เซอร์ยุนซียืนค้าง จ้องมองไปที่แผ่นหลังอันสง่างามของหญิงสาวที่เดินผ่านเขาไป
เธอไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาจริงๆสินะ
บรรดานักข่าวต่างพากันตกใจและประหลาดใจมาก กล้องที่เตรียมไว้ไม่ทันได้กดชัตเตอร์
นี่มันเกิดอะไรขึ้น ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นคู่ควงเดินพรมแดงของท่านดยุกหรอกเหรอ
หรือว่าพวกเขาจะเข้าใจผิดไปเอง
ก็ว่าอยู่ ท่านดยุกผู้สูงส่ง ข้างกายท่านจะมีผู้หญิงยืนเคียงข้างได้อย่างไร จะบอกว่าเขาเป็นเกย์ยังน่าเชื่อถือมากกว่าเลย
บรรดานักข่าวต่างระบายความสงสัยของตัวเองออกมา
เซอร์ยุนซีมองตรงไปที่แผ่นหลังของเย้นหว่านที่อยู่ห่างออกไป แล้วมุมปากของเขาก็ยกยิ้มอย่างชอบใจ
คิดจะหลบหลีกไม่ให้มีข่าวกับเขาสินะ
มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก
เขาก้าวขายาว เดินตรงไปทางเย้นหว่าน แค่ไม่กี่ก้าว ก็เดินมาถึงข้างกายเธอ
เขายกแขนขึ้น แล้ววางมันลงบนไหล่ของเย้นหว่าน
“แชะ แชะ”
บรรดานักข่าวพากันตื่นตกใจขึ้นมาอีกครั้ง
เย้นหว่านเริ่มปวดขมับเพิ่มขึ้น ผู้ชายคนนี้เป็นพวกหน้าด้านหน้าทนหรือไงกัน
เธอหันหน้ามาแล้วจ้องหน้าเขาอย่างดุร้าย ก่อนจะแสยะยิ้มอย่างข่มขู่
“ ถ้าคุณกล้าแตะต้องตัวฉัน ฉันจะกัดคุณให้ตายไปเลย
เซอร์ยุนซีหยุดนิ่ง บาดแผลที่แขนของเขาที่เพิ่งหายดีได้ไม่นาน เริ่มกลับมามีอาการเจ็บเล็กน้อย
ดูเธอตัวเล็ก แต่ฟันของเธอแหลมคมมาก
ยิ่งไปกว่านั้น เขากำลังจะไปขออีกฝ่ายแต่งงานในเร็ว ๆ นี้ หากเขาทำให้เธอรำคาญ แล้วไม่ยอมรับว่าชอบเขาในภายหลังเขาจะทำอย่างไร
ข่มกลั้นอารมณ์ไว้ก่อน
ทันทีที่เซอร์ยุนซีดึงแขนเขากลับ แล้วเกาท้ายทอยของตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ
บรรดานักข่าว“… “
นี่ท่านดยุกกำลังล้อพวกเขาเล่นหรือเปล่า
ในเวลานี้ ภายในห้องจัดเลี้ยง
แสงไฟหรี่ลง โดยสถานที่ที่สว่างกว่าเล็กน้อย ก็คือเวทีเต้นรำที่ส่องสว่าง
ชายและหญิงควงแขนกันเดินเข้าไป แล้วเต้นรำอย่างสง่างามและงดงาม
เจ้าหญิงซาอินติยืนอยู่ข้างๆโห้หลีเฉิน เธอลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยพูดอย่างเขิน ๆ ว่า
“ หลี่เฉินเราไปเต้นรำกันไหมคะ”
การเต้นรำ ส่วนใหญ่ผู้ชายจะเป็นฝ่ายเชิญผู้หญิง แต่ไม่ว่าเธอจะรอนานแค่ไหน โห้หลีเฉินก็ไม่เชิญเธอสักที
ด้วยความอ่อนใจ เธอจึงต้องออกปากพูดด้วยตัวเอง
โห้หลีเฉินถือแก้วไวน์แดงไว้ในมือ ก่อนจะยกขึ้นจิบอย่างดูดี แววตาของเขาไม่แยแส และไม่รู้ว่ากำลังมองที่ไหนอยู่
น้ำเสียงของเขาเย็นชาและเฉยเมย “เจ็บเท้า ไม่อยากเต้น”
ซาอินติตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะย่นคิ้วด้วยความกังวล แล้วถามอย่างเป็นห่วงว่า
“ งั้นฉันจะพาคุณไปนั่งพักที่ห้องพักก่อนไหมคะ คุณยืนมาทั้งคืน คงเหนื่อยมากแล้ว”
ไปที่ห้องพักกับเธอแค่สองคน โห้หลีเฉินไม่เอาด้วยหรอก
ในงานเลี้ยงนี้ซาอินติตัวติดเดินตามเขาอยู่ตลอด ซึ่งทำให้เขาใกล้จะหมดความอดทน ที่เขามาร่วมงานเลี้ยงยังมีธุระสำคัญต้องทำ และเขาต้องการทำความรู้จักกับคนไม่น้อย จึงไม่มีเวลามาสนใจเธอ
โห้หลีเฉินปฏิเสธอย่างเด็ดขาด“ ไม่จำเป็น”
น้ำเสียงของเขาเย็นชาและห่างเหินมาก
ซาอินติ อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าเฉยเมยของชายหนุ่ม เธอก็ขยับปาก แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป
แม้ว่าเธอจะสูงส่งเป็นถึงเจ้าหญิง แต่เธอก็แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น ๆ ในประเทศเบียนหนาน เธอสูงส่ง เป็นที่เคารพสำหรับคนในประเทศ แต่เธอยังคงได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายที่เธอชอบ เธอจะพยายามเอาอกเอาใจโดยไม่ห่วงศักดิ์ศรีของตัวเองเลย สำหรับเธอแล้ว มันเหมือนเป็นสิ่งที่เธอทำด้วยความเต็มใจ
ตัวอย่างเช่นตอนนี้ การปฏิเสธที่ไม่แยแสของโห้หลีเฉิน เดิมทีเธอต้องการจะเกลี้ยกล่อม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
เธออยากเต้นรำกับเขา
เขาไม่อยากเต้น เธอก็ต้องโอนอ่อนตามเขา เธอยืนข้างๆเขา เขาจ้องมองคนอื่นเต้นรำอยู่บนเวที เธอจ้องมองเขา
เพลงจบไปแล้วหนึ่งเพลง
ไฟในที่งานเปิดสว่างในช่วงเวลาสั้น ๆ
แขกที่เต้นรำเริ่มแยกย้ายกันไป บางคนรออยู่ที่เดิม และมีบางคนเดินเข้าไปในฟลอร์เต้นรำ เพื่อรอการเริ่มเพลงต่อไป
และในเวลานี้เอง เดิมทีบรรยากาศโรแมนติกที่มีในงาน กลับเกิดความวุ่นวายขึ้นมา
เห็นแค่ว่า คนส่วนใหญ่ในงานต่างมองไปที่ประตูด้วยความตะลึงพรึงเพริด
“ว้าว นั่นมันท่านดยุกนี่นา”
“ เขามางานเลี้ยงแบบนี้ด้วย แล้วยังมากับคู่ควงผู้หญิงอีกต่างหาก”
“เขาไม่เคยพาผู้หญิงมาด้วยแบบนี้เลย ฉันว่าคงจะไม่ใช่คู่ควงมางาน แต่เป็นแฟนสาวมากกว่า คุณพระช่วย ท่านดยุกผู้ส่งศักดิ์ของเรา มีความรักแล้วอย่างนั้นเหรอ”
“อกหักดังเป๊าะเลยเรา ฮือฮือ … แต่เธอเห็นไหม ผู้หญิงคนนั้นสวยมากจริงๆ”
“ พอยืนอยู่ข้างท่านดยุกแล้ว ดูเหมาะสมกันมากเลย”
เสียงพูดคุยกันดังขึ้น จึงกลายเป็นหัวข้อสนทนาหลักในงานทันที
ท่านดยุกอย่างนั้นเหรอ
เมื่อได้ยินเสียงสนทนา โห้หลีเฉินก็เลิกคิ้ว แล้วเหลือบมอง ทันทีที่เขามองไป ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาก็ดำคล้ำเหมือนก้นหม้อในทันที
ความกดอากาศรอบตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ราวกับพายุที่รุนแรงกำลังจะก่อตัวขึ้น
มันน่ากลัวมาก
เจ้าหญิงกำลังมองด้วยความสงสัย แต่พอรู้สึกถึงความกดดันและอันตราย เธอรู้สึกตกใจเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่โห้หลีเฉินที่จู่ๆก็ดูอันตรายและน่ากลัวด้วยความประหลาดใจ
“ หลีเฉินคะ มีอะไรหรือเปล่า” เธอถามเสียงอ่อน
โห้หลีเฉินไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำ เขามองตรงไปทางของประตูทางเข้าที่มีชายและหญิงเดินเข้ามา
ผู้หญิงที่แต่งตัวสวยคนนั้น ก็คือเย้นหว่านนั่นเอง
เขาไม่ได้บอกให้เธออยู่บ้านไม่ต้องออกไปไหนเหรอ แล้วทำไมเธอถึงมาที่นี่ในชุดหรูหราแบบนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังควงแขนของผู้ชายน่าตายคนนั้นอย่างสนิทสนมอีกต่างหาก
สายตาที่เฉียบคมและดุดันของโห้หลีเฉิน เหมือนกับว่ามันเป็นดาบแหลมคม ที่สามารถตัดแขนของเซอร์ยุนซีจนขาดได้
ในเวลานี้เอง เย้นหว่านก็พยายามอย่างหนักที่จะดึงแขนของเธอออกจากการจับกุม
ตอนที่เข้าประตูมา เพราะเธอไม่มีจดหมายเชิญ เธอจึงต้องทำเหมือนเป็นคู่ควงมางานร่วมกับเซอร์ยุนซีถึงจะเข้าไปได้ ทำให้เธอต้องควงแขนของเซอร์ยุนซีเอาไว้
เดิมทีคิดว่าต้องควงแขนไม่นาน แต่ผู้ชายหน้าด้านคนนี้กลับหนีบข้อมือเธอไว้ ไม่ให้เธอดึงมือกลับได้
เย้นหว่านรู้สึกโมโหจนควันแทบจะออกหู แต่พอเธอเดินเข้าไปในประตู ก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในงานทันที สายตาที่มองเธออย่างร้อนแรง ทำให้เธอต้องแยกยิ้มอย่างรักษามารยาทออกไป
เธอยิ้มอย่างแข็งกระด้างและไม่เต็มใจ
เสียงเล็ก ๆพูดขู่ “คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ”