“พวกเราแบบนี้ดีแล้ว คุณดูสิ ว่ามีกี่คนที่กำลังอิจฉาคุณอยู่ คุณจะกลายเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในประเทศ”
เซอร์ยุนซีพูดกระซิบเบาๆ แทนที่จะปล่อยมือเธอออก เขากลับยื่นมือใหญ่ของเขาไปจับมือเล็กเย้นหว่านที่เขาหนีบไว้
การควงแขนถือเป็นมารยาท แต่การจับมือถือมันเป็นการกระทําที่สนิทสนมกันมากเกินไปแล้ว
รอบด้านเกิดเสียงอุทานไปทั่วทั้งงาน
บรรดาผู้หญิงและผู้ชายต่างส่งเสียงอุทานด้วยความตกตะลึง แล้วพากันมองไปที่แฟนสาวของท่านดยุกอย่างประเมิน
ไม่คุ้นหน้า แต่เป็นผู้หญิงที่สวยมาก
ใบหน้างดงาม บุคลิกโดดเด่น คู่ควรกับท่านดยุกของพวกเขามาก
ดูเหมือนว่า ราชวงศ์กำลังจะมีงานแห่งความสุขจัดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ซะแล้ว
พอถูกจับมือ เย้นหว่านรู้สึกอึดอัดจนตัวสั่นไปหมด
เธอกำลังจะสะบัดมือออก แต่เธอสัมผัสได้ถึงสายตาที่เฉียบคมและอันตรายกำลังมองมาที่เธอ
เธอเงยหน้าขึ้นโดยสัญชาตญาณ จึงพบเข้ากับสายตาของโห้หลีเฉินที่มองมาจากระยะไกล
เธอนิ่งชะงักไปทันที
ใบหน้าของโห้หลีเฉินบึ้งตึงและน่ากลัว เหมือนมีควันสีดำที่ไต่ขึ้นมาจากนรกก็ห่อหุ้มทั่วร่างกายของเขา ดูแล้วน่ากลัวมาก
เย้นหว่านกลืนน้ำลายอึกใหญ่ หัวใจของเธอบีบเกร็งแน่นขึ้น
เธออยากจะอธิบาย ว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาเห็น
แต่ว่า เธอยังไม่ทันได้พูดอะไรกับเขา แสงไฟรอบ ๆตัวก็มืดลง แล้วฟลอร์เต้นรำก็สว่างขึ้นมา
เสียงเพลงสบาย ๆ และโรแมนติก ดังขึ้นมาในห้องโถง
เซอร์ยุนซีพูดด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวหว่าน เพลงนี้เหมาะกับพวกเรามากเลยว่าไหมครับ”
หลังจากพูดเสร็จ เขาสนใจเลยว่าเย้นหว่านจะยินยอมหรือปฏิเสธ แล้วดึงเย้นหว่านเดินไปที่ฟลอร์เต้นรำทันที
ความแข็งแกร่งของผู้ชายนั้นผู้หญิงเราสู้ไม่ได้อยู่แล้ว เย้นหว่านจึงถูกจับให้อยู่ในท่าเต้นรำจนแทบไม่สามารถต่อต้านได้
เธอรู้สึกรำคาญมาก “คุณปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันไม่เต้น”
“คนตั้งเยอะแยะกำลังมองอยู่ เด็กดี ให้ความร่วมมือกันหน่อย”
เซอร์ยุนซีโอบเอวเย้นหว่านไว้ แล้วขยับไปตามท่าเต้น เย้นหว่านไม่ขยับเขยื้อน เขาเกือบจะอุ้มเธอไว้ครึ่งตัว แล้วบังคับให้เธอขยับตาม
เย้นหว่านตัวสั่น แทบอยากจะบ้าตาย
เธอแทบจะรู้สึกได้ ว่าในความเงามืดสลัวที่ไม่ไกลออกไป มีสายตาอันตรายที่เฉียบคมเหมือนจะสับเย้นหว่านออกเป็นชิ้นๆกำลังมองเธออยู่
ตายแน่ๆ
ถ้าเธอบอกว่าเธอไม่สมัครใจ โห้หลีเฉินจะเชื่อไหม
เย้นหว่านอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา เธออยากจะเอาศีรษะชนเต้าหู้ตาย เธอมานึกเสียใจทีหลังว่าทำไมวันนี้เธอต้องไปรออยู่ที่ประตู ถึงต้องดวงซวยมาเจอกับเจอกับเจ้าบ้ายุนซีคนนี้ด้วย
ความกดอากาศรอบ ๆตัวโห้หลีเฉินไม่สามารถอธิบายได้ว่าจะต่ำมากแค่ไหน แต่ลมเย็นยะเยือกที่แหลมคมเหมือนกับมีดที่สามารถฆ่าคนได้
ซาอินติมองไปทางเขาด้วยความหวาดกลัวและสับสนเล็กน้อย
เมื่อตะกี้ยังดีอยู่เลย ทำไมจู่ๆ โห้หลีเฉินถึงโกรธขนาดนี้
หรือจะเป็นเพราะท่านดยุกหรือเปล่า
ก่อนที่เธอจะเข้าใจ ในขณะนี้เอง จู่ๆมือของเธอก็ถูกชายหนุ่มคว้ามาจับไว้ แล้วพาเธอไปยังทิศทางของฟลอร์เต้นรำ
การกระทำของชายคนนั้นหยาบคาย ไม่อ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย แต่สายตาของซาอินติกลับตกใจเป็นอย่างมาก
เพราะคนที่จับมือเธอไว้คือโห้หลีเฉิน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เธอไม่ได้แม้แต่สัมผัสแขนเสื้อของโห้หลีเฉินเลยด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้พวกเธอกลับจับมือกันเลยเหรอ
ความสุขมาเร็วมากเกินไป จนเธอสับสนงุนงงไปหมด
โห้หลีเฉินเดินไปที่ฟลอร์เต้นรำด้วยใบหน้าบึ้งตึง ระหว่างทางเจอเวนเดลล์จึงเอ่ยสั่งอย่างเย็นชาว่า “เปลี่ยนเป็นดนตรีร็อค”
เวนเดลล์ตกใจกับเสียงสั่งที่ดุดันจนแก้วของเขาเกือบหล่นลงพื้น
เมื่อมองไปทางโห้หลีเฉินที่ทำหน้าเหมือนฆาตกรเดินผ่านหน้าไป หัวใจของเขาก็หดเกร็ง นี่คุณชายท่านนี้จะเข้าไปเต้นรำหรือฆ่าคนกันแน่
โห้หลีเฉินดึงซาอินติเดินตรงขึ้นไปบนฟลอร์เต้นรำ พอเดินไปใกล้ตรงไปที่เย้นหว่านกับเซอร์ยุนซี เขาถึงได้โค้งตัวในท่วงท่ามาตรฐานในการเต้นรำไปทางซาอินติ
ซาอินติดีใจจนแทบจะบ้า
เธอมองไปที่ชายตรงหน้าด้วยความตกตะลึง เธอรู้สึกถึงลมหายใจของชายหนุ่ม จึงรู้สึกเหมือนกับว่าลอยอยู่ในก้อนเมฆ
เธอไม่ได้ละเมอใช่ไหม โห้หลีเฉินกำลังจะขอเธอเต้นรำเหรอ
เขาจะเต้นกับเธอจริงๆเหรอ
เขาไม่สนใจความเจ็บปวดที่เท้าของเขา แต่ยังเต้นรำเป็นเพื่อนเธออีก แสดงว่าเขามีเธออยู่ในใจแล้วใช่ไหม
แววตาหลงใหลของซาอินติดวงตาของเธอกลอกตามองโห้หลีเฉินตั้งแต่บนลงล่าง หวานหยาดเยิ้มจนแทบจะปิดบังไว้ไม่อยู่
แต่ว่า โห้หลีเฉินแทบจะไม่มองมาที่เธอเลย
สองขาเต้นตามสเต็ปอย่างลวก ๆ ดวงตาที่เย็นชาและดุดัน กลับมองไปทางสองคนที่อยู่ด้านข้างอย่างโกรธๆ
สายตานั้น มองจนขนลุกซู่ จนไม่สามารถมองข้ามได้
เย้นหว่านเห็นทันทีที่โห้หลีเฉินเดินเข้ามาในฟลอร์เต้นรำ พอเห็นเขาดึงผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาด้วย จึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แล้วพอเธอเห็นเขาเข้ามาข้างๆเธอ มาเต้นรำอยู่ข้างๆเธอ ทำให้ทั้งหัวใจของเธอกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นตระหนก และสับสนวุ่นวาย
ตายแน่ๆ
จุดมุ่งหมายของโห้หลีเฉินไม่ได้มาเพื่อเต้นรำเลย
เขาดึงผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งเข้ามาอย่างไม่เป็นทางการ และมาเพื่อชำระบัญชีเธอแน่ๆ
เย้นหว่านรู้สึกกลัวความผิดจนเหมือนเต่า ที่หดตัวเข้าไปในกระดองเพื่อปกป้องตัวเอง
แต่ดวงตาคมที่อันตรายของโห้หลีเฉิน จ้องเขม็งไม่วางตา
เย้นหว่านไม่สามารถซ่อนตัวหนีได้เลย
คงต้องเผชิญหน้าเท่านั้น
เธอเริ่มหวั่นใจ กัดฟันกรอด อยากจะเดินไปอธิบาย แต่คิดไม่ถึง ว่าผู้ชายบ้าบอข้างๆจะพูดขึ้นมาก่อน
เขายังคงจังหวะการเต้นกับเย้นหว่านเหมือนเดิม ก่อนจะหันหน้าไปมองทางโห้หลีเฉินด้วยรอยยิ้ม
แล้วพูดว่า “คุณเป็นพี่ชายของเย้นหว่านใช่ไหมครับ ผมจะตามเรียกคุณว่าพี่ชายเหมือนเย้นหว่านก็แล้วกันนะครับ สวัสดีครับ คุณพี่ชาย”
เย้นหว่านตกใจจนเบิกกว้าง แทบอยากเอาถุงเท้าเหม็นอุดปากเซอร์ยุนซีไว้เดี๋ยวนี้เลย
เธอกลัวอะไร เจอแบบนั้นเลย
เย้นหว่านมองไปทางโห้หลีเฉินด้วยความกลัว และเธอเห็นได้ทันที ว่าเขากำลังจ้องมองด้วยแววตาที่น่ากลัวมาก
เส้นเลือดขมับของเธอกระตุกอย่างรุนแรง เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยับยั้งเขา ไม่ให้เกิดสงครามเลือดกระเซ็น
สายตาของเขากำลังกดดันคุกคาม ริมฝีปากบางของเขาเปิดขึ้นเล็กน้อย และคำพูดของเขาก็ถูกกดและหนักหน่วง
“คุณคือใคร?”
การกระทำของเซอร์ยุนซีที่มีต่อโห้หลีเฉินค่อนข้างแปลกใจ อย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นถึงท่านดยุกคนส่วนใหญ่ล้วนปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพ
แล้วเขายังทักทายอย่างเป็นมิตรเช่นนี้ด้วย คนส่วนใหญ่ควรตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรถึงจะถูก
แต่ว่า ถ้าเขากำลังจะแต่งงานกับเย้นหว่าน และอีกคนก็เป็นพี่ชายภรรยาในอนาคตของเขา ถึงแม้ท่าทางของเขาจะไม่ดี เขาก็ทนได้
เซอร์ยุนซียิ้มและพูดว่า “พี่ชายครับ ผมชื่อเซอร์ยุนซี แม้ว่าการพบกันครั้งแรกจะค่อนข้างกะทันหัน แต่ผมก็มาหาคุณเพื่อขอแต่งงานกับน้องสาวคุณด้วยความจริงใจ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา การเต้นของโห้หลีเฉินก็สะดุดไป
ซาอินติถูกเหยียบเท้า จนเธอขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด “หลีเฉินคะ คุณเหยียบจนฉันเจ็บแล้วค่ะ”
เธอคิดว่าฌห้หลีเฉินได้ยินแล้ว จะหยุดลงได้
แต่ว่าเธอคิดไม่ถึงเลย ว่าโห้หลีเฉินจะเหมือนไม่ได้ยินที่เธอพูด และยังคงดึงตัวเธอเต้นไปตามจังหวะเพลง แววตาของเขา ยังคงเย็นชาเหมือนเดิมมองไปที่เซอร์ยุนซีและเย้นหว่าน
บรรยากาศรอบตัวเขาเต็มไปด้วยความเป็นปรปักษ์ คำพูดแต่ละคำ เหมือนถูกบีบออกมาจากลำคอ
“ขอแต่งงานอย่างนั้นเหรอ”
สายตาคมก้มลงไปมองที่เย้นหว่าน
เย้นหว่านเห็นแล้วรู้สึกทำตัวไม่ถูก เพราะกลัวว่าโห้หลีเฉินจะเข้าใจผิด ดังนั้นเธอจึงต้องรีบพูดอธิบายอย่างรวดเร็ว
“ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ฟังฉันอธิบายก่อน … ”
“คุณพี่ชายครับ ผมกับเสี่ยวหว่านตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ และต่างชอบพอกันทั้งสองฝ่าย จึงตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน ที่มาในวันนี้ ผมหวังว่าคุณจะยอมพยักหน้าเห็นด้วย คืนนี้ผมจะถือโอกาสพาเย้นหว่านกลับไปด้วยเลย”
เย้นหว่าน “!!!” คุณไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าคุณเป็นใบ้หรอก
แล้วที่พูดว่าชอบพอกันทั้งสองฝ่ายบ้าบออะไรกัน เธอรังเกียจเขามากถึงมากที่สุดด้วยซ้ำ