เย้นหว่านกำลังกินข้าวอยู่ก็ต้องชะงักทันที เธอขมวดคิ้วเป็นปม
องค์หญิงถามแบบนี้แปลว่าอะไรกัน เธอคิดว่าตัวเองเป็นภรรยาในอนาคตของโห้หลีเฉินจริงๆเหรอ เท่ากับว่าถามโห้หลีเฉินต่อไปจะตักซุปให้เธอไหมน่ะสิ
เพ้อฝันไปไกลเชียวนะ
เย้นหว่านรู้สึกโมโห หงุดหงิด
โห้หลีเฉินยังคงมองเย้นหว่านไม่ละสายตา ไม่มองซาอินติด้วยซ้ำ เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า
“แน่นอน ฉันจะตักซุปให้ภรรยาของฉันคนเดียวเท่านั้น”
เขาเน้นหนักตรง ภรรยาของฉัน พูดอย่างลึกซึ้ง และเต็มไปด้วยความรัก
เย้นหว่านเหมือนถูกไฟฟ้ากระตุ้นหัวใจ ในตอนนั้นเองหัวใจเธอเต้นรัวไม่หยุด
แม้จะไม่เงยหน้า เธอก็ยังรับรู้ได้ถึงสายตาอันร้อนแรงของโห้หลีเฉิน เผ่าเธอจนละลายเป็นของเหลว
ภรรยาที่เขาพูดถึง ก็คือเธอนั่นเอง
เย้นหว่านนึกถึงอนาคตอย่างไม่ตั้งใจ เธอจะได้แต่งงานกับเขา กลายเป็นภรรยาตามกฎหมายของเขา อยู่กับเขาไปตลอดชีวิตจนแก่เฒ่า
แค่คิดแล้ว ก็ทำให้คนอารมณ์ดีทั้งวันได้แล้วล่ะ
ซาอินติแม้จะไม่รู้สึกถึงความอ่อนโยนของโห้หลีเฉิน แต่คำพูดของเขา ก็ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขได้
เพราะยังไง ต่อไปเธอก็จะได้เป็นภรรยาของโห้หลีเฉินแน่นอน
เขาดีกับภรรยาขนาดนี้ ต่อไป เธอก็จะได้อยู่กับโห้หลีเฉินอย่างมีความสุขไปตลอดชีวิตสินะ
เธอคาดหวังเป็นอย่างมาก
ทั้งโต๊ะอาหารนั้น บรรยากาศดูอบอุ่นอย่างมาก เหมือนมีฟองสีชมพูลอยตุ๊บป่องอยู่รอบๆ
เซอร์ยุนซีได้ยินแล้ว ก็กลอกตาขึ้นลง รีบยื่นมือไปคีบเนื้อหมูวางลงไปในถ้วยเย้นหว่าน
เย้นหว่านที่กำลังกินข้าวอยู่นั้นเห็นมีหมูเพิ่มในถ้วย ก็อึ้งไปทันที
เซอร์ยุนซีมองเย้นหว่านด้วยสายตาอ่อนโยนละมุน ยังตั้งใจดัดเสียงให้อ่อนโยนอีกด้วย
“เสี่ยวหว่าน กินเนื้อเยอะๆนะ เธอผอมมากเลย”
เย้นหว่าน “…….”
กินเนื้อไม่ผิด แต่ทำไมเซอร์ยุนซีต้องคีบให้เธอด้วย?
และรู้สึกเหมือนแฟนกำลังดูแลเธออยู่เลย ถ้าเธอกิน ก็แสดงว่ายอมรับในฐานะของเขา? ถ้าเธอไม่กิน ก็ไม่ไว้หน้าท่านดยุกต่อหน้าคนอื่นๆ นั่นก็ไม่มีมารยาทน่ะสิ?
เย้นหว่านสับสน รู้สึกลำบากใจ
ในตอนนี้เอง โห้หลีเฉินหลับยื่นมือมา คีบเนื้อบนถ้วยของเย้นหว่านไปไว้ในถ้วยเขา และเปลี่ยนถ้วยใหม่
เขาเงยหน้าขึ้น มองเซอร์ยุนซีด้วยสายตาเย็นชา บีบบังคับอย่างโหดเหี้ยม
“เธอมีโรคกลัวสกปรก ไม่แตะต้องของคนนอก”
คำพูดเดียว เป็นการอธิบายและยังเป็นการตักเตือนไปในตัว
และยังเป็นการออกห่าง
เซอร์ยุนซีชะงัก พูดตรงขนาดนี้ น่าเสียใจจริงๆนะ
โรคกลัวความสกปรก รังเกียจอาหารที่เขาคีบให้เหรอ
คนนอก ก็หมายความว่าเขาก็เป็นคนนอกด้วย
แต่ทั้งที่เขาจะเป็นสามีในอนาคตของเย้นหว่าน จะเป็นคนที่อยู่เคียงข้างและสนิทที่สุดกับเย้นหว่าน
เซอร์ยุนซีมองเย้นหว่านด้วยสายตาร้อนผ่าว “เสี่ยวหว่าน ตอนนี้เธอไม่ชินก็ไม่เป็นไร หลังจากที่พวกเราแต่งงานกันแล้ว เธอจะชินไปเองใช่ไหม?”
เย้นหว่าน “……” ชินบ้าอะไรกันล่ะ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกนะ
แต่เธอพูดแบบนี้ไม่ได้แน่นอน ตอบเซอร์ยุนซีก็ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้
ดังนั้น เธอก็ทำเป็นไม่ได้ยิน คีบแต่อาหารอย่างเดียว ใช้ถ้วยใหม่ที่โห้หลีเฉินให้เธอกินข้าวต่อไป
ท่าทางนั้น เหมือนในสายตามีแต่อาหาร ไม่มีเซอร์ยุนซีอยู่ในสายตาเลย
เซอร์ยุนซีให้หัวใจเต็มที่ แต่คนอื่นกลับไม่รับไว้
เขารู้สึกหดหู่จริงๆ
สายตาของเขามองเย้นหว่านอย่างนั้น ในใจสงสัยมาก ก่อนหน้านี้ตอนที่เย้นหว่านไปงานเลี้ยงกับเขา ตั้งใจแต่งตัว เธอชอบเขาไม่ใช่หรอกเหรอ
แต่วันนี้กว่าจะได้พบกัน เธอกลับไม่สนใจเขาเลย และไม่มองเขาเลยด้วยซ้ำ
เปลี่ยนไปกะทันหันแบบนี้ เกิดอะไรขึ้นกันนะ?
หรือว่าโทษที่เขาทำภารกิจเสร็จช้าเกินไป?
ต้องเป็นแบบนี้แน่!
เขาไปหากระบองเพชร ไปกลับก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย เธออยู่บ้านคนเดียว จะต้องคิดถึงเขาจนตายแน่
นึกถึงตรงนี้ สายตาเซอร์ยุนซีก็อ่อนโยนไปอีก
“เสี่ยวหว่าน เธอวางใจได้ ฉันจะนำกระบองเพชรกลับมาให้เร็วที่สุด ไม่ให้เธอต้องคิดถึงฉันนานแน่”
“คอกแคะ แคะ……”
ได้ยินคำนี้ ซุปที่เย้นหว่านพึ่งดื่มเข้าไปก็สำลักในคอ
ตาบ้านี่เอาความกล้าจากไหนกัน คิดว่าเธอจะคิดถึงเขางั้นเหรอ? เธออยากให้เขาไปหาทั้งชีวิตเลยเสียอีก จะได้ไม่ต้องมาเจอกันอีกเลย
โห้หลีเฉินขมวดคิ้วเป็นปมหนัก สีหน้าเห็นได้ชัดว่าโมโหแล้ว
ฝ่ามือใหญ่ของเขารีบวางลงหลังของเย้นหว่าน ลูบหลังให้เธอเบาๆ เพื่อหายสำลัก
เซอร์ยุนซีเห็นเย้นหว่านไอหนักมาก ก็ลุกขึ้นยืนอย่างเป็นห่วง และเดินเข้าไปใกล้ๆ
“เสี่ยวหว่าน เป็นอะไรเหรอ?”
โห้หลีเฉินมองเขาด้วยสายตาเย็นชาอย่างไม่พอใจ “กินไม่พูด นอนไม่จา”
เซอร์ยุนซีกำลังจะเดินไปหา ก็ต้องหยุดชะงักอยู่กับที่
โห้หลีเฉินอารมณ์แบบนี้ ก็คือโทษที่เขาพูดมากเกินไป ทำให้เย้นหว่านสำลัก
มองดูท่าทางที่ทรมานของเย้นหว่านจนใบหน้าแดงระเรื่อ เซอร์ยุนซีก็รู้สึกผิดอย่างมาก เขาพูดเสียงเบาว่า
“ขอโทษ ฉันไม่ดีเอง”
เขารู้สึกผิดเป็นอย่างมาก อยากจะพุ่งเข้าไปลูบหลังให้เย้นหว่านแทน
แต่เห็นโห้หลีเฉินทำแล้ว อีกอย่าง ตอนนี้เขากับเย้นหว่านยังไม่แต่งงานกัน ยังมีเรื่องที่ชายหญิงต่างกันอยู่
เขาก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ สาบานกับตัวเองในใจว่าจะต้องนำกระบองเพชรกลับมาให้เร็วที่สุด
ของที่เขาไม่เคยคิดจะใช้เลย ตอนนี้คงต้องใช้แล้วล่ะ
หลังจากนั้นอีกไม่นาน เย้นหว่านก็หยุดสำลัก และหายใจคล่องตัว
เธออึดอัดมาก เซอร์ยุนซีเป็นศัตรูเธอมาตั้งแต่ภพก่อนแน่ ตอนที่มีเขา เธอไม่เคยมีช่วงเวลาดีๆเลย
โห้หลีเฉินยื่นซุปมาให้ “ดื่มช้าๆ”
แก้เจ็บคอ
เย้นหว่านพยักหน้า รับถ้วยมา
พอดื่มซุปแล้ว คอที่แห้งเหือดก็กลับมาดีขึ้นอีกครั้ง
แต่พอมองอาหารบนโต๊ะ ความอยากอาหารก็หายไปหมดแล้ว
“ไม่เป็นไรก็ดี กินข้าวต่อสิ”
ซาอินติยิ้มอย่างสง่า พูดแล้ว ก็คีบผักไปไว้ในถ้วยโห้หลีเฉิน
“หลีเฉิน นายไม่ค่อยกินเลย กินหน่อยสิ จะได้ไม่หิวระหว่างวัน”
เธอสนใจแต่โห้หลีเฉินคนเดียว และไม่สังเกตเลยว่า ตั้งแต่กินข้าวจนถึงตอนนี้ โห้หลีเฉินทั้งตักซุปทั้งเปลี่ยนถ้วยทั้งลูบหลัง แทบจะทุกกระบวนการนั้นดูแลแต่เย้นหว่านคนเดียว และเขาเองก็ไม่ค่อยได้กินเลย
และด้วยเหตุผลนี้เอง ซาอินติก็คีบผักให้โห้หลีเฉิน กระชับความสัมพันธ์ของทั้งสอง
เย้นหว่านที่ดื่มซุปหมดแล้วเห็นท่าทีของซาอินติ ขมับก็กระตุกรัวๆ
คนที่มีโรคกลัวสกปรกจริงๆน่ะ คือโห้หลีเฉินต่างหาก?
อยู่กับโห้หลีเฉินมานานขนาดนี้ นอกจากอาหารที่เธอเคยแตะ โห้หลีเฉินไม่เคยกินของที่คนอื่นแตะแล้วมาก่อน
องค์หญิงคนนี้ น่าหมั่นไส้จริงๆ
เห็นเพียงแต่ใบหน้าอันหล่อเหลาขอโห้หลีเฉินในตอนที่มองอาหารในถ้วย ใบหน้าก็เขียวปั๊ด ขมวดคิ้วอย่างรังเกียจทันที
เขาเม้มปาก ต่อมาก็ลุกขึ้นยืน
น้ำเสียงเย็นชา “ฉันยังมีธุระต้องจัดการ ก็ไม่อยู่ด้วยแล้วนะ พวกเธอกินกันไปก่อนเลย”
พูดจบ เขาก็ดึงเก้าอี้ และเดินออกจากโต๊ะอาหารไปทันที