ตามด้วย ผู้คนที่นอนหลับในห้องพักของพนักงานที่ต่างทยอยกันลุกขึ้นมา แต่เย้นหว่านกลับค้นพบเป็นพิเศษว่า ผู้ชายคนที่ข่มขู่เธอในห้องน้ำเมื่อวาน กลับไม่ได้ปรากฏตัวออกมา
เดิมทีมีคนที่ยังอยู่ทั้งหมดหกคน แต่ไป ๆ มา ๆ กลับเหลือแค่ห้าคน
แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ?
เมื่อคิดถึงผู้ชายคนที่ข่มขู่เธอเมื่อวาน หนำซ้ำยังลงมือปล่อยงูพิษ ทำให้เย้นหว่านทั้งเกลียดชังทั้งหวาดกลัวเขา แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นเขาแล้ว ในใจของเธอก็พลันรู้สึกผ่อนคลายลงไปมาก
พอเห็นโห้หลีเฉินที่นั่งทำงานอย่างตั้งใจ เย้นหว่านก็อดนึกถึงคำพูดที่โห้หลีเฉินพูดเมื่อวานไม่ได้
เขารู้หมดแล้ว
เพราะฉะนั้นเขาก็เลยจัดการผู้ชายสารเลวคนนั้นไปแล้วสินะ?
ความรวดเร็วของโห้หลีเฉินนั้น มีประสิทธิภาพสูงจนทำให้เย้นหว่านรู้สึกมีความสุขอย่างเต็มเปี่ยมจริง ๆ
แต่เนื่องจากความหวาดกลัวที่ได้เห็นงูจงอางเข้ามาในผ้าห่มกับตาจริง ๆ นั้น จวบจนบัดนี้ก็ได้หลงเหลือเงาดำไว้ให้เย้นหว่าน ทำให้ไม่กล้าที่จะเข้าไปอยู่ในห้องพักเจ้าหน้าที่นั่นอีก
บ่อยครั้งที่เกือบจะอยู่ข้างกายโห้หลีเฉินไม่ห่างไปไหนเลยสักก้าว
ในตอนที่รู้สึกเบื่อก็จะเล่นมือถือ เปิดดูข้อมูลและมองไปทั่วรอบด้าน
เวลาที่ผ่านไปช้า ๆ นั้นก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เพียงพริบตาเดียว ก็ผ่านไปวันหนึ่งแล้ว
เอกสารนั้นยังไม่ได้ถูกถอดรหัสออกมาจนครบสมบูรณ์ แต่ขอบเขตก็ยังแคบลงอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอยู่ดี โห้หลีเฉินบอกที่อยู่กับเย้นหว่าน ก็คือเขตสวนดอกไม้หลวง
เย้นหว่านถามด้วยความสงสัย “นี่มันสถานที่อะไรกัน? ใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
โห้หลีเฉินพยักหน้า “นี่คล้ายกับอุทยานในสมัยโบราณ เพียงแต่มีเป็นส่วนตัวระดับสูงกว่าอุทยานเล็กน้อย ที่นี่เป็นประเภทสวนสาธารณะที่มีขนาดใหญ่ ด้านในปลูกพืชล้ำค่ามากมาย อีกทั้งคนทั่วไปก็ไม่สามารถเข้าไปได้ มีเพียงคนของเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้”
“ตอนแรกฉันสืบหาพืชสมุนไพรที่ปลูกที่นั่น แต่ในรายชื่อทั่วไปนั้นล้วนไม่มี เมล็ดแมกโนเลียอยู่ พอมาดูตอนนี้แล้ว เมล็ดแมกโนเลียคงจะต้องซ่อนอยู่ตรงตำแหน่งที่มีเอกลักษณ์พิเศษด้านในนั้นแน่นอน”
ถึงแม้จะเป็นประเทศเบียนหนานก็ถือว่าเมล็ดแมกโนเลียนั้นล้ำค่าเช่นกัน
เย้นหว่านได้ยินสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ในใจก็มีความหวังอยู่เต็มเปี่ยม
“ถึงแม้จะรู้ สวนดอกไม้หลวงแล้ว แต่ขอบเขตก็ยังแคบเกินไปอยู่ดี ต้องรอให้ถอดรหัสออกมาได้สมบูรณ์ก่อน พวกเราถึงจะมีวิธีไปเอาเมล็ดแมกโนเลียมา”
“อืม”
โห้หลีเฉินคลี่ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย แล้วยื่นมือออกไปลูบศีรษะของเย้นหว่าน “ใกล้แล้วล่ะ เธอรอก่อนนะ”
ในขณะที่พูด ก็มีประกายมืดครึ้มวาบผ่านในดวงตาของเขาแวบหนึ่ง
ถึงแม้สถานที่จะแคบลงมาอยู่ที่สวนดอกไม้หลวง แต่ทางที่ดีที่สุดอย่าซ่อนอยู่ที่นั่นเลย
ไม่อย่างนั้นคงจะจัดการลำบาก
เนื่องจากได้ที่อยู่ที่แน่นอนแล้วต่อให้สามารถหายาที่จะช่วยชีวิตของโห้หลีเฉินได้ จิตใจของเย้นหว่านก็ดีขึ้นมามาก
เธอไม่ต้องเสียเวลาต่อไปอีกแล้ว แล้วจึงไปหาหนังสือที่เกี่ยวกับสวนดอกไม้หลวงในห้องสมุดเล็กมาบางส่วน จากนั้นเปิดศึกษาดู
ถึงแม้ในหนังสือทั้งหมดจะเป็นเนื้อหาแค่ผิวเผินเท่านั้น แต่มันก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย
เพียงแต่ในตอนที่เย้นหว่านไปหาหนังสือนั้น กลับมีค้นพบได้อย่างฉับไว ก่อนหน้านี้ท่าทีของเพื่อนร่วมงานที่มีต่อเธอยังถือว่าดี แต่ดูเหมือนสายตาที่มองเธอในตอนนี้จะดูเปลี่ยนไปแล้ว
ในสายตาของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นการสังเกตอย่างละเอียดและมีเจตนาที่จะเป็นศัตรู
เพียงแต่พวกเขาก็แค่มอง ไม่ได้พูดอะไร ถึงแม้จะไม่ได้ใกล้ชิดกับเย้นหว่านมาก แค่เข้าใกล้เพียงนิดเดียวก็ดูเหมือนว่าจะรีบหลบไปราวกับเธอเป็นตัวแพร่เชื้อก็มิปานและอยู่ให้ห่างจากเธอ
เย้นหว่านรู้สึกงงงวย สองวันมานี้เธออยู่ที่นี่และไม่ได้ออกไปแม้แต่ก้าวเดียว ทั้งยังไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย แต่ทำไมปฏิกิริยาของคนพวกนี้ กลับบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นอีกแล้ว
หนำซ้ำยังเกี่ยวกับเธอด้วย
แต่ไม่มีใครยอมเข้าใกล้หรือพูดคุยเธอแม้แต่นิดเดียว ต่อให้เย้นหว่านจะมีความสงสัยมากแค่ไหน แต่ก็หาคนถามให้ชัดเจนไม่ได้
นี่เลยทำให้เย้นหว่านไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่
จนปัญญาที่จะแก้ไข เธอทำได้เพียงแต่ระงับความสงสัยของตัวเอง ทำเป็นมองไม่เห็นสายตาที่ดูราวกับกำลังพิจารณาของคนพวกนั้น แล้วนั่งลงอ่านหนังสือข้าง ๆ โห้หลีเฉินแต่โดยดี
อย่างไรเสียอีกไม่นานประมาณวันนี้ โห้หลีเฉินก็คงจะถอดรหัสเอกสารนั้นได้สำเร็จแล้ว
เมื่อถึงเวลานั้นโห้หลีเฉินก็จะไม่ต้องแสร้งเป็นเจ้าหน้าที่ในการทรวงการต่างประเทศอีกต่อไปแล้ว
เธอก็จะได้ไม่ต้องใส่ใจสายตาแปลก ๆ ของคนเหล่านี้อีกแล้ว
เพียงแต่ ในขณะที่เย้นหว่านกำลังคิดว่าเวลาต่อไปก็คงจะผ่านไปแบบนี้อยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเพื่อนร่วมงานชายที่อยู่ตรงทางเดินไปห้องน้ำ รั้งเธอเอาไว้
เย้นหว่านรู้สึกระแวดระวังโดยไม่รู้ตัว แล้วรักษาระยะห่างจากผู้ชายคนนั้น
“มีเรื่องอะไร?”
ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นจะมีอคติกับเย้นหว่านมาก ก็เลยไม่ยอมเข้าใกล้เย้นหว่าน ใบหน้าดูรำคาญไร้ความอดทนอย่างเห็นได้ชัด
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีว่า “ฉันก็แค่มาถ่ายทอดคำพูดก็เท่านั้น ด้านนอกมีคนชื่อฉู่ฉู่มาตามหาเธอ”
พอพูดจบแล้ว ผู้ชายคนนั้นก็เดินจากไปโดยไม่หันมามอง ราวกับว่าถ้าอยู่กับเย้นหว่านนานกว่านี้สักนิดจะทำให้เขารู้สึกทุกข์ทรมานอย่างไรอย่างนั้น
เป็นความรู้สึกรังเกียจ จนเกือบจะมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
ใบหน้าของเย้นหว่านมึนงงอย่างบอกไม่ถูก คิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าทำไมผู้ชายที่นี่ถึงได้มีท่าทีแบบนี้กับเธออย่างกะทันหันได้?
สรุปเธอไปทำเรื่องอะไรที่ทำให้คนเกิดความโกรธแค้นร่วมกัน ถึงได้ทำให้พวกเขาเปลี่ยนมารู้สึกรังเกียจอย่างนี้ได้?
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าสองวันนี้เธอไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีอะไร!
หรือจะมีคนแอบให้ร้ายลับหลังเธอ?
เย้นหว่านยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน จากนั้นหมุนตัวเดินออกไปที่หน้าประตูการทรวงการต่างประเทศ
เธอไม่ได้กลับไปสองวันแล้ว ฉู่ฉู่จะต้องได้ยินข่าวอะไรมาแน่ ก็เลยรีบมาหาเธอที่การทรวงการต่างประเทศ คงจะมายืนยันความปลอดภัยของเธอสินะ
เธอต้องอยากไปเจอหน้าฉู่ฉู่อยู่แล้ว เพื่อทำให้เธอสบายใจ
เดิมทีเย้นหว่านคิดที่จะบอกโห้หลีเฉินสักคำก่อนแล้วค่อยไป แต่พอเดินไปที่ประตู การทรวงการต่างประเทศก็เห็นโห้หลีเฉินกำลังจ้องดูหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างตั้งอกตั้งใจ กำลังใช้นิ้วเคาะลงบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว
เขายุ่งมาก
การถอดรหัสเองก็ไม่ใช่รอให้ซอฟต์แวร์แก้ไขให้ แต่ส่วนใหญ่จะเหมือนกับแฮกเกอร์โจมตีคอมพิวเตอร์ของคนอื่น จะต้องลงมือด้วยตัวเอง คอยกดแป้นพิมพ์ไม่หยุด สมองต้องแล่นให้ไว
ไม่ว่าจะร่างกายหรือสติ ตอนนี้โห้หลีเฉินเหนื่อยล้ามากแล้ว
เธอไปเจอฉู่ฉู่แค่เดี๋ยวเดียวก็กลับ นี่เป็นเรื่องเล็ก ไม่จำเป็นจะต้องบอกโห้หลีเฉินให้เขาเสียสมาธิหรอก
พอคิดอย่างนี้แล้ว เย้นหว่านก็ปิดประตูการทรวงการต่างประเทศเบา ๆ แล้วหันตัวเดินออกไปข้างนอก
ด้านนอกของการทรวงการต่างประเทศเป็นทางเดินในสวนขนาดเล็ก มีสภาพแวดล้อมที่สวยงาม ทุกอย่างล้วนมีไว้เพื่อให้คนของการทรวงการต่างประเทศใช้งาน ทว่าในเวลาเข้างานก็แทบจะไม่มีคนอยู่ที่นี่
แต่ในตอนนี้เอง ในสวนเล็ก ๆ นี้กลับมีคนนับสิบกว่าคนยืนอยู่กระจัดกระจาย
มีทั้งชายและหญิง อายุประมาณสามสิบสี่สิบปี แล้วก็มีคนที่อายุประมาณห้าสิบหกสิบ
ผู้ชายทุกคนต่างก็สวมชุดสูทราคาแพง ใบหน้าดูเคร่งขรึม คงจะเป็นข้าราชการในนั้น
ส่วนผู้หญิงต่างก็สวมชุดกระโปรงสวยสดงดงาม บนตัวนั้นสวมใส่เครื่องประดับล้ำค่า แต่งหน้างดงามเฉิดฉาย ดูเหมือนแต่ละคนจะเป็นสตรีที่มีฐานะดี
เมื่อเห็นคนเหล่านี้ยืนอยู่ตรงนั้น เย้นหว่านก็เกือบจะคิดว่าเธอมาผิดทางเสียแล้ว แล้วเผลอบุกรุกเข้ามาในงานเลี้ยงของผู้อื่นเสียแล้ว
แต่ทว่าที่นี่เป็นสวนของการทรวงการต่างประเทศไม่ผิดแน่
พวกเขาอาจจะแค่คิดว่าที่นี่สงบ ก็เลยมารวมตัวพูดคุยกันที่นี่สินะ
เย้นหว่านย่อมรู้มารยาทดีเลยไม่เข้าไปรบกวน
เธอมองแวบหนึ่งก่อนจะรีบเดินไปตรงทางด้านข้าง เพื่อจะหาสถานที่ลับตาคนเพื่อพบกับฉู่ฉู่สักหน่อย
เธอรู้ดีว่าฉู่ฉู่ที่อยู่ด้านนอกมีนิสัยที่ขี้กลัวเล็กน้อย พอมาที่พระราชวังอย่างนี้ ต้องเลือกหลบอยู่ที่มุมรอเธอโดยไม่รู้ตัวแน่
แต่ทว่า ในขณะที่เย้นหว่านกำลังจะเดิน ก็มีเสียงตำหนิอย่างรุนแรงของผู้ชายดังขึ้นจากในกลุ่มนั้นว่า “หยุด!”