มุมปากของโอหยางฝู่ที่กำลังคลี่ยิ้มอยู่หม่นหมองลงทันที แววตาอันคมกริบอย่างเต็มเปลี่ยน พร้อมทั้งใช้สายตาจ้องมองมายังเย้นหว่านอย่างอาฆาตพยาบาท
ถ้าไม่ใช่ว่าเย้นหว่านเข้ามาปลอบโยนเพื่อให้คลายวิตกกังวล เวลานี้เซอร์ยุนซีก็คงลงมือกับเขาไปแล้ว
ป้าเวลคนนี้น่าจะตายไปซะ ดันมาทำลายแผนการของเขา
สิ่งของที่อยู่ในมือของเขาในเวลานี้ ก็สามารถทำให้เขาได้เปรียบ จนสามารถทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากกับเซอร์ยุนซีขึ้นมาได้ แต่ถ้าอยากจะเหยียบเขาให้ตายจมดินแล้ว มันยังไม่เพียงพอ
เซอร์ยุนซีคอยดูแลใส่ใจกับอารมณ์ของเย้นหว่าน พร้อมทั้งคอยประคองเย้นหว่านเอาไว้ จากนั้นก็หันหันหลังแล้วมุ่งหน้าเดินออกไปด้านนอก
วินาทีนั้นเย้นหว่านไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่ออีกแล้ว แม้ว่าร่างกายเหนื่อยล้าจนหมดเรี่ยวแรงมาก แต่ก็พยายามใช้เรี่ยวแรงความเร็วที่สุดที่จะเดินไปยังข้างหน้า
วันนี้โอหยางฝู่ ผู้ช่วยรัฐบาล แสดงพฤติกรรมดูหมิ่นเธอมาก เธอมิอาจปล่อยผ่านไปง่ายๆ แบบนี้
เซอร์ยุนซีใช้สายตาเคร่งขรึมจ้องมองมายังเย้นหว่าน พร้อมทั้งนึกถึงความรู้สึกตอนที่เขามาถึงนั้น ใบหน้าของเย้นหว่านแสดงท่าทีหวาดกลัวออกมาอย่างเปี่ยมล้ม จนทำให้เจ็บปวดใจจนทนไม่ไหว
เขาโอบหัวไหล่ของเธอที่สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัวเอาไว้อย่างแน่นหนา พร้อมทั้งพูดอย่างหนักแน่น
“คุณวางใจได้เลย ผมจะให้โอหยางฝู่จ่ายค่าเสียหาย พร้อมทั้งหายไปจากโลกใบนี้ให้เร็วที่สุด”
เย้นหว่านเองก็เคยได้ยินเรื่องราวข่าวคราวของเซอร์ยุนซีมาบ้าง ตอนนี้ตำแหน่งของเขาก็มาจากความสามารถของเขาเองทั้งนั้น วิธีการลงมือเหล่านั้นย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องทางการเมืองนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องคนบ้าปัญญาอ่อน
แม้ว่าไม่รู้ว่าสถานะและตำแหน่งของผู้ช่วยรัฐบาลคนนี้มันสูงศักดิ์เพียงใด มันจะยากเย็นแสนเข็ญที่จะต่อกรด้วยก็ตาม แต่เธอคิดว่า แม้ว่าจะมันยุ่งยาก เซอร์ยุนซีก็น่าจะต่อกรได้แหละ
เย้นหว่านเลยไม่ได้คิดอะไรมากมายอีก
ในเวลาเดียวกันนั้น เธอก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกหงุดหงิดและอารมณ์รุนแรงที่แผ่รัศมีออกมาจากตัวของเซอร์ยุนซีอยู่นานและไม่หายไป
ราวกับว่าแค่เอาตัวเธอไปส่งให้ออกไป แล้วเขาจะกลับมาที่นี่ทันที พร้อมทั้งลงมือจัดการฆ่าโอหยางฝู่ด้วยมือเปล่าของเขาให้ตายสักร้อยรอบ
การทำเช่นนี้ ย่อมหมายถึงการทำอะไรหุนหันพลันแล่นเหมือนคนปัญญาอ่อน
เย้นหว่านทำเพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน พลันเลยเปลี่ยนความสนใจของเขาแทน แล้วเอ่ยขึ้นว่า
“นายไม่กลับไปคอยเฝ้าการปลูกพวกกระบองเพชรพวกนั้นเหรอ? ทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้มาปรากฏตัวที่นี่ได้ล่ะ?”
เซอร์ยุนซีตัวแข็งไปชั่วขณะ สีหน้าเริ่มแสดงท่าทีไม่เป็นตัวของตัวเองออกมาเล็กน้อย
เขาเม้มปากไว้แน่น แต่ไม่ได้ตอบคำถาม
เย้นหว่านสงสัยมาก เลยตามรีบถามไถ่กลับทันที “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาของหญิงสาวที่มีแต่ความสงสัยแล้ว แววตาความโกรธที่เต็มเปี่ยมผ่านทางดวงตาของเซอร์ยุนซีพลันหายไปและปรากฏให้เห็นถึงความรู้สึกผิดขึ้นมาแทน
แววตาของเขาสับสนมาก พร้อมทั้งตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ผม…ที่ผมไม่ได้กลับไป เพราะว่าผมคอยตามคุณอยู่ข้างหลังคุณมาโดยตลอด”
เย้นหว่าน “….”
“ผมไม่ได้สะกดรอยตามคุณนะ ผมก็แค่กลัวว่าคุณจะหลงทาง ผมเว้นระยะห่างอยู่ไกลๆ แล้วก็ไม่ได้แอบมองคุณด้วย ไม่ใช่พวกโรคจิตพวกนั้นนะ”
เย้นหว่านถึงกลับอยากจะหัวเราะจนน้ำตาไหล
ไม่คิดว่าผู้ชายที่อยู่ดีๆ ก็หันหลังให้อย่างปัจจุบันทันด่วนแบบนั้น จะคอยเดินตามเธออยู่ข้างหลังมาโดยตลอด เพราะว่าเขาคอยตามแบบลับๆ ล่อๆ ถึงทำให้เธอไม่ถูกล่วงละเมิดจากสัตว์เดรัจฉานพวกนั้น
เย้นหว่านเม้มริมฝีปากเอาไว้ ผ่านไปชั่วครู่ จึงพูดว่า
“วันนี้ขอบคุณนายมากเซอร์ยุนซีนายเป็นคนดีจริงๆ”
แม้ว่าจะรู้สึกเบื่อเซอร์ยุนซีเต็มทน แต่ความรู้สึกของเย้นหว่านที่มีต่อเขาได้เปลี่ยนไปทั้งหมดแล้ว ไม่ได้มีความรู้สึกต่อต้านและรังเกียจเขาอีกต่อไป
ในทางกลับกัน ที่เธอพูดออกมามันมาจากความใจจริงทั้งนั้น ความจริงแล้วเขาเป็นคนที่ดีมากๆ คนหนึ่ง
เซอร์ยุนซีหน้าถอดสีทันที ท่าทางดูไม่ถูกใจอยู่มาก
“คนดี? พวกคุณเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นข้างนอก ก็แค่พูดปฏิเสธคำร้องขอของผู้ชาย ก็เลยยื่นคำว่าเป็นคนดีให้ ผมไม่ต้องการมัน?”
เย้นหว่านกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที
ได้แต่ฟังเซอร์ยุนซีพูดต่อ
“ที่พวกคุณพูดกันอยู่ว่า ผู้ชายไม่เลวป้าเวลก็ไม่รัก เสี่ยวหว่าน คุณจงจำไว้ให้ดี ผมเป็นคนเลว ถ้ามีใครหน้าไหนมาหาเรื่องผม แล้วผมเกิดไม่สบอารมณ์ขึ้นมา มันต้องตาย”
มุมปากของเย้นหว่านกระตุกขึ้น แล้วไม่มีคำพูดที่จะตอบโต้กลับ เขาเป็นคนดีที่แบบไม่ได้หมายความไปตามความหมายดั้งเดิมของคำเลยเนี่ยสิ
“พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่?”
ทันใดนั้น ด้านหน้าก็มีน้ำเสียงเย็นเฉียบของชายหนุ่มดังขึ้นมา
เสียงนั้นช่างคุ้นหูจนทำให้เย้นหว่านตัวสั่นเทา
เธอจ้องมองไปยังด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ก็เห็นเงาอันคุ้นเคยของโห้หลีเฉิน
หน้าผากของเขาผุดเม็ดเหงื่อเย็นๆ เล็กน้อย ใบหน้าที่โมโหเป็นอย่างมากในเวลานี้ แววตาเอาแต่จับจ้องอย่างเคร่งขรึม รัศมีที่แผ่ออกมานั้นทำให้บรรยากาศน่ากลัว
เขาสาวเท้าก้าวยาวๆ เพื่อเร่งฝีเท้ามุ่งหน้ามาทางเธอ
เย้นหว่านสัมผัสได้ถึงความอันตรายที่มีคนต้องตาย
ทำไมโห้หลีเฉินถึงได้โกรธถึงเพียงนี้กัน?
เธอสงสัยอยู่เพียงชั่วครู่ พึงได้นึกออก ก็เพราะว่าเธอตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ร่างกายเลยไร้เรี่ยวแรง แถมเซอร์ยุนซีคอยประคองเธอเดินมาตลอดทางอีกด้วย
ท่วงท่าเช่นนี้ ดูจากการกระทำของทั้งสองคนแล้ว ก็เหมือนว่ากำลังกอดกันอย่างใกล้ชิดสนิทสนม
แถมบนตัวเธอ ยังสวมเสื้อโค้ตของเซอร์ยุนซีไว้อีกด้วย
เย้นหว่านรู้สึกขนหัวลุกในตอนนั้น ขนาดมีความรู้สึกคิดอยากจะตายตรงนั้นก็ยังคิดเลย ความจริงแล้วเรื่องไปใช่แบบนั้นสักหน่อย!
“โห้หลีเฉิน คุณฟังฉันอธิบายก่อน…”
เธอรีบผละออกจากอ้อมกอดของเซอร์ยุนซี พลันกระโจนเข้าหาโห้หลีเฉินทันที
โห้หลีเฉินยื่นมือออกไปดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ส่วนใบหน้านั้นหน้าดำคร่ำเครียดจนดูไม่ได้ พร้อมกับเงื้อมือขึ้นแล้วดึงเสื้อโค้ตออกจากร่างกายของเธอ
เขาไม่ชอบให้เธอไปแตะต้องสิ่งของของผู้ชายคนอื่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเสื้อโค้ตพวกนี้ด้วย
เย้นหว่านตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เพราะว่าเสื้อผ้าภายในตัวของเธอนั้นหลงเหลือแค่ชุดชั้นในเท่านั้นเอง ถ้าถอดเสื้อโค้ตออกก็จะเท่ากับโป๊เปลือยทันที
เธอรีบคว้ามือของโห้หลีเฉินเอาไว้ทันที ด้วยสีหน้าถอดสีและแดงระเรื่อจากความเขินอายไปพร้อมกัน
“ถอดไม่ได้”
ความเกลียดชังของโห้หลีเฉิน พลันหนักขึ้นกว่าเดิม
เขาตวัดสายตาเย็นชาจ้องมาหาเธอ อีกทั้งพูดเน้นย้ำทุกคำ ด้วยท่าทางข่มขู่อย่างอันตราย “คุณชอบใส่เสื้อโค้ตของเขาเหรอ?”
ครึ่งค่อนวันไม่พบตัวคน เขาก็ไปหาข่าวคราวมาตั้งนาน ถึงได้รู้ว่าเธอไปที่เขตสวนพฤกษศาสตร์วังหลวงกับเซอร์ยุนซี
เขาเหมือนวิ่งมาตลอดทางเพื่อออกมาตามหา แต่ดันมาเห็นเซอร์ยุนซีกับเย้นหว่านกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างสนิทสนม แถมทั้งสองคนยังคุยกันกะหนุงกะหนิงราวกับคู่รักกันอีก
วินาทีนั้น โห้หลีเฉินราวกับเหมือนโดนสายฟ้าฟาดลงมา
ความโกรธเคืองมันพุ่งทะยานเกินสติสัมปชัญญะ จนชนไปถึงปลายสมอง
ดีที่ว่าเย้นหว่านยังรู้ตัวแล้วกระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของเขา อาการโมโหของเขาถึงได้ถูกควบคุมไว้ได้ทีละเล็กทีละน้อย แต่ว่าเธอยังอยากจะใส่เสื้อผ้าของเซอร์ยุนซีต่อไปอีก!
ไม่เจอหน้าเจอตาแค่ครึ่งวันเอง เธอก็ไปชอบเซอร์ยุนซีแล้วเหรอ?!
ถ้าความโกรธแค้นสามารถฆ่าคนได้ สภาพโห้หลีเฉินในเวลานี้ก็คงจัดการสับเซอร์ยุนซีเป็นหมื่นๆ ชิ้นแล้ว
เมื่อสัมผัสได้ถึงอารมณ์เกลียดชังของโห้หลีเฉินแล้ว หัวใจของเย้นหว่านพลันบีบรัดขึ้น จนเริ่มออกอาการกระวนกระวายใจ
เธอรีบอธิบายทันที
“ภายในตัวฉันมัน….”
“ตัวเธอที่อยู่ด้านในไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ตอนนี้เลยไม่สามารถถอดเสื้อได้”
เย้นหว่านยังไม่ทันได้พูดจบ เซอร์ยุนซีก็พูดแทนไปซะหมดเปลือกแล้ว
จากนั้น เพื่อพูดถึงผลสรุปไปแล้ว มันยิ่งทำให้คนเข้าใจผิดได้ง่ายขึ้นอีก
เวลานั้นเองเย้นหว่านรู้สึกว่าไม่ดีเอาซะแล้ว จากนั้นก็เงยหน้าจ้องมองใบหน้าของโห้หลีเฉิน วินาทีนั้นมันยิ่งเคร่งขรึมลงไปเกือบจะทั่วไปหน้าแล้ว
นิ้วมือของเขาสัมผัสตรงคอเสื้อของเธอ เมื่อดึงลงเล็กน้อย สายตามองลอดผ่านคอเสื้อมองลงไปลึกๆ ภายใต้เสื้อที่อยู่บนตัวของเธอแล้ว
แม้ว่าจะมองไม่เห็นทั้งหมด แต่ก็เห็นภาพ ที่ว่าใส่หรือไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าอยู่
อารมณ์เดือดดาลไฟปะทุของโห้หลีเฉิน พลันลุกกระพือขึ้นไปถึงจุดโชติช่วงชัชวาล
“ไอ้สารเลว!”
เขาสบถด่าออกมา พร้อมทั้งรูปร่างสูงใหญ่พุ่งมาทางด้านหน้า แล้วยกหมัดต่อยลงบนตัวของเซอร์ยุนซี
เซอร์ยุนซีเองไม่ได้เตรียมการป้องกันตัวแต่อย่างใด เลยไม่ทันระวังหมัดนั้น ร่างกายที่ไม่ทันควบคุมได้พลันถอยหลังไปด้านหลังหลายก้าว
ใบหน้าที่ร้อนผ่าวๆ ในเวลานั้น มุมปากมีเลือดไหลออกมา
เขาจ้องมองโห้หลีเฉินอย่างหวาดหวั่น พร้อมทั้งไม่เข้าใจอะไรเลย “พี่ พี่ต่อยผมทำไม?”
“แกสมควรตาย!”
โห้หลีเฉินสาวเท้ามาทางด้านหน้า พร้อมทั้งลงหมัดแรงๆ ออกไปอีกครั้ง