เขารีบวิ่งมา แล้วก็เห็นโห้หลีเฉินนอนอยู่ที่พื้น
หน้าขาวซีดเหมือนกระดาษ เลือดท่วมไปหมดทั้งตัว ช่างน่าเวทนาเกินกว่าจะทนดูได้จริงๆ
“เห้อ ทำไมถึงน่าเวทนาอย่างงี้ล่ะ”
เย้นโม่หลินเตะไปที่ขาของเขาทีหนึ่ง “นายยังจะมามีอารมณ์อะไรอีก เร็วเข้า รีบช่วยเขาสิ นายไม่เห็นรึไงว่าเสี่ยวหว่านตกใจแทบแย่แล้ว”
พูดแล้ว เย้นโม่หลินก็รีบพูดกับเย้นหว่านว่า
“เสี่ยวหว่าน ไม่ต้องกลัวนะ ป่ายฉีล้อเล่นได้ขนาดนี้ โห้หลีเฉินจะไม่มีวันตายใจแน่นอน”
ป่ายฉีมุมปากกระตุก “……” เขาเลยรู้ว่าเขาล้อเล่น โห้หลีเฉินไม่ได้ตายแล้วหรอ ทำไมยังเตะขาเขาอีกล่ะ
ทำอย่างกับว่าเขาเจ็บไม่เป็นยังไงอย่างงั้น
เดี๋ยวเขาก็ไม่ช่วยซะเลย
แน่นอนว่าความคิดนี้นั้นกล้าแค่จะเตร็ดเตร่อยู่ในใจเท่านั้นแหละ แล้วก็สลายไปเหมือนควันทันที
ป่ายฉีนั่งลงไปข้างๆ โห้หลีเฉินและหลังจากตรวจสอบไปรอบหนึ่งอย่างรวดเร็วแล้ว เขาก็เปิดกล่องยาที่เขาถือและยัดของไปที่ปากของโห้หลีเฉิน
ยัดไปด้วยแล้วก็พูดไปด้วยว่า “แค่โดนลูกปืนเฉียดเยอะไปหน่อย และอาการบาดเจ็บก็หนักไปหน่อย หลังจากอาทิตย์หนึ่งแล้ว ก็สามารถไปสู้ได้อีกครั้งแล้วล่ะ เรื่องนี้น่ะมอบหมายให้ฉันเถอะ ฉันรับรองว่าจะรักษาเขาให้หายดี”
พอได้ยินแบบนี้ จิตวิญญาณที่แทบจะแตกสลายของเย้นหว่าน ในที่สุดก็โล่งใจแล้ว
น้ำตาที่คลอเบ้านั้นร่วงหล่นลงมา ไม่รู้ว่าจะเจ็บใจหรือเสียใจกันแน่
เธอเดินโซเซและคุกเข่าลงข้างๆ โห้หลีเฉินมือเล็กๆ ของเธอจับมือที่เต็มไปด้วยเลือดของโห้หลีเฉินอย่างสั่นๆ จับไว้แน่นๆ
เธอมองเขาทั้งน้ำตา รู้สึกปวดใจจนแทบจะทนไม่ไหว
เธอสะอึกสะอื้นแล้วพูดกับป่ายฉีว่า “เขามีกระสุนอยู่ที่หลังของเขาเยอะมาก ตรงนั้นน่าจะสาหัสที่สุดแล้ว”
ป่ายฉีที่กำลังจะปลดกระดุมเสื้อผ้าของโห้หลีเฉินนั้น ก็ยักคิ้วขึ้น แล้วหยุดการกระทำไปสักพัก
แผ่นหลังเหรอ
นอกจากตอนที่วิ่งหนีแล้ว โดยทั่วไปแล้วแผ่นหลังจะไม่มีทางถูกยิง แล้วก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะโดนยิงหลายนัดขนาดนี้
บนร่างของโห้หลีเฉินนั้นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ อย่างเดียวที่เป็นไปได้ก็คือใช้ตัวเองเป็นเกราะป้องกันเพื่อปกป้อง เย้นหว่าน
ถ้าไม่ใช่แบบนั้น ตอนนี้แผ่นหลังของเขาคงไม่มีกระสุนเยอะขนาดนี้จนทรมานและทนดูไม่ได้แบบนี้หรอก
นึกถึงภาพนี้แล้ว ป่ายฉีมองเย้นหว่านอย่างสงสัยแล้วพูดว่า
“เสี่ยวหว่าน เมื่อกี้พวกเขาจับผู้หญิงได้คนหนึ่ง ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะพวกเดียวกับองครักษ์พวกนั้น เหมือนจะเป็นคนส่งสาร เธอรู้จักรึเปล่า จะไปจัดการด้วยตัวเองรึเปล่า”
นิ่งไปสักพัก แล้วเขาก็บอกว่า “ถ้าเธอไม่ไป พวกเขาก็จะจัดการยิงเขาไปนัดหนึ่งแล้วนะ”
ตรงนั้นนอกจากเย้นหว่านแล้ว ก็มีแค่ซาอินติที่เป็นผู้หญิงอยู่คนเดียว
นึกถึงเรื่องที่เธอทำแล้ว เย้นหว่านก็เกลียดจนคันฟันไปหมด
นัดเดียวหรอ
แบบนั้นดูถูกเธอเกินไปแล้ว
“ฉันจะไปจัดการมันเอง” เย้นหว่านกัดฟันพูดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียด
เย้นโม่หลินมองดูท่าทางของเย้นหว่านแล้ว ก็ขมวดคิ้วแบบไม่รู้ตัว ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรกันแน่ ถึงได้บังคับให้เย้นหว่านที่อ่อนโยนเหมือนแกะตัวน้อยกลายเป็นแบบนี้ได้
สมควรตายจริงๆ
ป่ายฉีพูดขึ้นว่า “งั้นเธอไปเถอะ ไปจัดการผู้หญิงคนนั้นซะ ทางนี้ส่งมาให้ฉันก็พอ”
เย้นหว่านจับมือของโห้หลีเฉินแน่นๆ แล้วพยักหน้า
“เดี๋ยวค่อยไปจัดการเธอก็ได้ ฉันจะเฝ้าโห้หลีเฉิน นายรีบรักษาเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน ฉันไม่รบกวนนายหรอก”
ป่ายฉีถึงกับปวดหัว แล้วก็รีบเก็บมือกลับมา
พูดกับเย้นหว่านอย่างจริงจังว่า “เสี่ยวหว่านเวลาฉันผ่าตัดแล้วมีคนอยู่ข้างๆ แล้วฉันไม่ค่อยชินเท่าไหร่น่ะ ไม่งั้นจะอึดอัด แล้วก็อาจจะทำผิดขขั้นตอนแล้วก็เกิดการผิดพลาดเอาได้……”
“งั้นฉันไปตอนนี้เลย”
เย้นหว่านลุกขึ้นทันที ด้วยความตื่นตระหนก
เธอไม่กล้าปล่อยให้ โห้หลีเฉินได้รับความเสี่ยงและอันตรายแม้แต่นิดเดียวหรอก
ดวงตาของเธอสั่นไหว จ้องตรงไปที่ป่ายฉี “ป่ายฉีนายต้องรักษาโห้หลีเฉินให้ดีๆนะ อย่า…อย่าทำพลาดล่ะ”
ดวงตาที่กังวลและสงสัยเล็กน้อย ทำให้ป่ายฉีรู้สึกหดหู่ไปหมด
เขาไม่อยากให้เธอตกใจเวลาเห็นเลือดนองต่างหากล่ะ พูดแบบนี้แล้ว มันก็เหมือนดูถูกชื่อเสียงของเขาแล้วก็ด้วยทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมด้วยไม่ใช่รึไง
“โอเคๆ ไม่ก็ไม่ เธอรีบไปเถอะ”
ถ้าไม่ไป เขาได้ตายแน่
เย้นหว่านปวดใจและทำใจไม่ได้ที่เห็นโห้หลีเฉินสลบ แต่ก็ฝืนแล้วก็หันหลังเดินออกไป
ร่างกายของเธอแข็งทื่อ พยายามระงับความกังวลในใจของเธอให้ได้มากที่สุด
พระเจ้ารู้ดีว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เธอแค่ต้องการเฝ้าโห้หลีเฉินตลอดเวลา ไม่กล้าทิ้งเขาไปแม้แต่วินาทีเดียว
เย้นโม่หลินมอง เย้นหว่านอย่างเป็นห่วง และลุกขึ้นยืน เอาฝ่ามือที่กว้างใหญ่วางลงไปบนไหล่ของเธอตบเบา ๆ และพูดปลอบว่า
“ใจเย็นๆ ป่ายฉีบอกแล้วว่าโห้หลีเฉินไม่เป็นไร และเขาจะไม่เกิดอุบัติเหตุอะไรอีกแน่นอน”
“ฉัน…” เย้นหว่านสะอึกสะอื้นอย่างทุกข์ใจ “ฉันเจ็บใจจัง เป็นเพราะฉันเองที่ทำให้เขาเจ็บแบบนี้…”
ถ้าไม่ใช่เพราะเย้นโม่หลินที่จะพาป่ายฉีมาด้วย ด้วยอาการบาดเจ็บของโห้หลีเฉินในตอนนี้ เกรงว่าจะไม่สามารถรอให้หมอผู้เชี่ยวชาญช่วยชีวิตเขาได้
แม้ว่าป่ายฉีจะช่วยโห้หลีเฉินได้ อาการบาดเจ็บก็ยังเจ็บอยู่ดี
เย้นโม่หลินกะพริบตา เหมือนเป็นใบ้ไป และไม่รู้ว่าจะปลอบ เย้นหว่านยังไง
ความเจ็บปวดของ โห้หลีเฉิน นั้นเจ็บมากจริงๆ
ถ้าคนที่รักถูกทำร้ายร่างกาย เธอก็คงจะเจ็บปวดกว่าร้อยเท่าในใจแน่นอน
เย้นโม่หลินเม้มริมฝีปาก สายตามองไปทางหนึ่งและพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดว่า
“เสี่ยวหว่าน ใช้เวลานี้ จัดการความคับข้องใจของเธอให้หมดซะ คนที่ควรฆ่า ก็ฆ่าให้หมด”
ในสองสามคำสุดท้าย น้ำเสียงที่เยือกเย็นมีความตายอย่างเยือกเย็นด้วย
จากปฏิกิริยาเมื่อกี้ของ เย้นหว่านในตอนนี้ เขาก็ได้รู้ว่าผู้ยุยงการด้วยปืนในวันนี้ คือผู้หญิงคนเดียวที่ปรากฏตัวในสนามแห่งนี้
ในเมื่อกล้าทำร้ายเย้นหว่าน ทำร้ายโห้หลีเฉิน ช่างสมควรตายจริงๆ
เย้นหว่านเดินตามสายตาของเย้นโม่หลินไป และเห็นว่าในป่าไม่ไกลนัก มีซาอินติที่กำลังถูกบอดี้การ์ดสองคนบังคับให้คุกเข่าลงบนพื้นและกดมือเธอไว้
พอเห็นเธอแล้ว ร่างกายของเย้นหว่านก็คับแค้นไปหมด และความเกลียดชังในใจก็แผ่กระจายไปทั่วผืนแผ่นดินนี้
วันนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะซาอินติซุ่มโจมตี เธอกับ โห้หลีเฉินจะไม่ล้มมาถึงจุดนี้ และ โห้หลีเฉินจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแบบนี้ด้วย
วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะความโหดร้ายของ ซาอินติ เมล็ดแมกโนเลียยาช่วยชีวิตหนึ่งเดียวก็คงจะไม่หมดไปแบบนี้
ชีวิตที่เหลือของ โห้หลีเฉิน ถูกซาอินติทำลายไปหมดแล้ว
ด้วยความที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น ดวงตาของ เย้นหว่านแดงไปหมด และเขารีบเดินไปอยู่ตรงหน้าของซาอินติ ก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดได้ ก็เตะไปบนท้องของซาอินติ
“โอ๊ย……”
ซาอินติกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและล้มถอยหลังอย่างควบคุมไม่ได้ แต่บอดี้การ์ดสองคนที่อยู่ข้างหลังก็กดให้เธอคุกเข่าลงกับพื้น
ความเจ็บปวดสองครั้งกระทบเธอและสีหน้าของเธอก็ดูทรมานสุด
ซาอินติจ้องมอง เย้นหว่านอย่างเคียดแค้น และกรีดร้อง
“เย้นหว่านอย่าคิดว่าเธอมีผู้ช่วยสองสามคน แล้วจะอาละวาดแบบนี้ได้นะ ฉันจะบอกให้แล้วว่าฉันคือองค์หญิงแห่งประเทศเบียนหนานลูกสาวสุดที่รักของพระราชา ถ้าแกกล้าที่จะทำอะไรฉัน พ่อของฉันจะต้องฆ่าพวกแกทั้งหมดแน่นอน”
“พวกเธอคนเดียว อย่าคิดว่าจะมีชีวิตรอดออกไปจากประเทศเบียนหนานเลย”
ถึงตอนนี้แล้ว เธอยังเธอยังคงตะโกนโวยวายอย่างดุเดือดอยู่
เย้นหว่านมองไปที่ ซาอินติอย่างรังเกียจ แต่ละคำนั้นราวกับว่าต้องกัดฟันพูดออกมาเลยทีเดียว
“แล้วยังไงล่ะ วันนี้ ฉันไม่สนใจว่าแกจะเป็นองค์หญิงองค์ชายมาจากไหน ยังไงแกก็ต้องนายที่นี่อยู่ดี”
เย้นหว่านไม่เคยเกลียดใครขนาดนี้มาก่อน
เกลียดจนกัดฟัน เกลียดจนอยากจะฆ่าเธอด้วยมือของตัวเอง