เย้นหว่านมองดูกู้จื่อเฟยที่ยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีลำบากใจ หลังจากกวาดมองสภาพที่นั่ง เธอก็เข้าใจในทันที
“จื่อเฟย เธอนั่ง…” กับฉัน….
เย้นหว่านกำลังจะลุกขึ้นขยับที่ให้กู้จื่อเฟย แต่กลับโดนโห้หลีเฉินกดลงไปอย่างเอาแต่ใจ
พูดกับกู้จื่อเฟยว่า “ไม่ต้องชงชาแล้ว เวลามีไม่มาก เราต้องหารือกันเรื่องสำคัญ นั่งลงเถอะ”
สิ้นคำ โห้หลีเฉินก็ชี้ไปทางที่นั่งข้างๆ เย้นโม่หลิน
ท่าทางสง่างามราวกับว่าเขาเป็นเจ้าของของที่นี่
กู้จื่อเฟยแทบจะไม่สามารถปฏิเสธได้
พูดแบบนั้นแล้ว ถ้าเธอยังไม่นั่งลงก็จะดูไม่มีเหตุผล และทำตัวมีพิรุธเกินไป บรรยากาศที่ไม่ได้อึดอัดก็จะกลายเป็นอึดอัดไปได้
เธอมองไปยังเย้นโม่หลินด้วยแววตาสั่นไหว ก่อนจะได้แต่นั่งลงข้างๆ เขาด้วยท่าทางแข็งทื่อ
เก้าอี้นวมตัวนี้ไม่ได้ใหญ่ ต่อให้กู้จื่อเฟยจะนั่งอยู่อีกฝั่ง แต่ระยะห่างของทั้งสองคนที่เหลืออยู่ก็ไม่มากนัก
เธอนั่งตัวตรง เหมือนเธอจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเย้นโม่หลิน
กู้จื่อเฟยนิ่งงันจนไม่กล้าแม้แต่เหลือบมองเขา
แต่เย้นโม่หลินกลับเหลือบไปมองกู้จื่อเฟยอย่างสงบนิ่ง เห็นเธอนั่งใกล้กันขนาดนั้น ท่าทางที่ดูเหมือนแทบอยากจะหนีห่างจากเขาไปสักหมื่นลี้นั้น ทำให้เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้
เธอไม่อยากเข้าใกล้เขาขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?
เขาไปยั่วโมโหเธอรึไง?
อารมณ์ที่เดิมทีก็ไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งรู้สึกไม่ดีขึ้นไปอีก
เนื่องจากความคิดที่แตกต่างกันของทั้งสองคน จึงทำให้บรรยากาศภายในห้องแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
ป่ายฉีนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อมองดูใบหน้ามืดทะมึนของเย้นโม่หลินก็ตกใจจนไม่กล้าพูดอะไร
บรรยากาศแบบนี้ กลัวจะมีคนต้องกลายเป็นตัวรับกระสุนทุกนาที
เย้นหว่านเองก็ขมวดคิ้วมองไปยังกู้จื่อเฟยและเย้นโม่หลินอย่างไม่สบายใจ
ในบรรยากาศของทั้งสองคนในตอนนี้ อย่ามีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาเลย
แต่โห้หลีเฉินกลับไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจกับบรรยากาศในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย เหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับรู้อะไรเลย
เขามองไปที่กู้จื่อเฟยและถามอย่างใจเย็น
“บอกสถานการณ์ของลูกเศรษฐีนั่นหน่อย”
เมื่อพูดถึงเรื่องประเด็น หัวใจที่ประหม่าไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของกู้จื่อเฟยก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
เธอรีบพูดขึ้นมาทันที
“เขาชื่อ ฝู้เหวยข่าย เขาเป็นคุณชายที่เพิ่งมาที่เมืองหนานเมื่อไม่นานมานี้ ว่ากันว่าเขามาที่นี่เพื่อมาท่องเที่ยว ดูจากรายจ่ายของเขาแล้ว เขามีภูมิหลังทางเศรษฐกิจที่ดีมาก และน่าจะเป็นลูกชายของคนในตระกูลใหญ่ด้วย
แต่ที่น่าแปลกก็คือ เขาไม่ได้บอกคนอื่นว่าครอบครัวของเขาอยู่ที่ไหนและเป็นใคร ในต่างเมืองตระกูลที่สกุลฝู้มีมากมาย ฉันเคยพยายามหาแต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เลือกออกมาว่าแท้จริงแล้วเขามาจากตระกูลไหนกันแน่”
พอได้ยินเช่นนั้น เย้นหว่านก็อดไม่ได้ที่จะพูด
“คนทั่วไปไม่ปกปิดเรื่องครอบครัวของตัวเองกันหรอก ยิ่งเป็นลูกหลานจากตระกูลร่ำรวยด้วยแล้ว ก็แทบอยากเอาตระกูลของตัวเองมาโอ้อวดเชียวล่ะ
ในเมื่อเขาไม่พูด งั้นจะเป็นไปได้ไหมที่ความจริงเขาจะไม่มีตระกูลอยู่เบื้องหลัง และมันเป็นเรื่องโกหก? สาเหตุที่เขามีเงินมากอาจเนื่องมาจากกำไรที่ได้มาจากการทำงานไม่ดีก็ได้ “
ก่ออาชญากรรมในเมืองอื่น เขาจึงมาสนุกที่เมืองหนาน ถึงยังไงก็ไม่มีใครรู้จักเขา ไม่รู้ภูมิหลังของเขา
กู้จื่อเฟยส่ายหัว “ฉันคิดว่าพฤติกรรมของเขาไม่เหมือนอาชญากร มารยาทของชนชั้นสูงที่ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กนั้นไม่สามารถแกล้งทำออกมาได้”
“โอ้ เธอรู้จักเขาดีจริงๆ”
เย้นโม่หลินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
อุณหภูมิในห้องลดลงหลายองศาในทันใด และอากาศค่อนข้างเย็นลง
ใบหน้าของกู้จื่อเฟยดูซีดลงเล็กน้อย และเริ่มสุดจะทน
เย้นโม่หลินเห็นเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่รักตัวเองแบบนั้นงั้นเหรอ? ใช้ร่างกายของตัวเองเพื่อเกลี้ยกล่อมเพื่อแลกกับสิ่งที่ต้องการ
เธอกัดริมฝีปากแน่น ในใจราวกับมีก้อนหินกดทับอยู่ มันเจ็บปวด
เย้นหว่านรีบพูด “จื่อเฟย เพื่อเรื่องของฉัน ถึงได้ทำให้เธอต้องทนกับสิ่งที่ไม่ชอบ และเฝ้าติดต่อเขามากขึ้น ขอบคุณมากจริงๆ นะ ตอนนี้เราอยู่ที่นี่แล้ว จากนี้ก็ไม่ต้องปลอมเป็นเพื่อนกับเขาอีกแล้ว”
กู้จื่อเฟยเม้มริมฝีปากโดยรู้ว่าเย้นหว่านกำลังช่วยอธิบายและล้างมลทินให้เธออยู่
แม้จะบอกว่าเธอจงใจใช้ประโยชน์ฝู้เหวยข่าย แต่ก็เป็นเพียงการพบปะและรับประทานอาหารตามปกติเท่านั้น ไม่ได้ติดต่อกันเกินขอบเขตเลยจริงๆ
ขนาดจับมือยังไม่เคยจับเลย
แต่คำพูดเหล่านี้ เธอไม่จำเป็นต้องอธิบาย และไม่มีใครจำเป็นต้องฟังคำอธิบายของเธอ
กู้จื่อเฟยกัดฟัน และพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาท่าทีสงบนิ่งและพูดต่อ
“ด้วยความสามารถของฉัน ฉันไม่สามารถหารายละเอียดของฝู้เหวยข่ายได้ แต่ว่ากันว่าเขาจะออกจากเมืองหนานในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ฉันไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน เป็นไปได้มากว่าจะไปเที่ยวเมืองถัดไป“
หากเป็นกรณีนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะเดินทางนานแค่ไหนจึงจะกลับบ้าน แบบนี้เรื่องของการตามหายาคงจะล่าช้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ดังนั้นฉันจึงวางแผนที่จะยอมรับการจีบของเขาในคืนนี้และเป็นแฟนเขา แบบนี้สามารถใช้ประโยชน์จากตรงนี้ ได้รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในตระกูลของเขาและได้ไปเยี่ยมบ้านของเขาด้วย”
เมื่อมีแฟนแล้ว ถ้าจริงจังก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องเดินทางท่องเที่ยวต่อ
ถึงจะขอไปที ก็อาจจะบอกกู้จื่อเฟยเกี่ยวกับสถานการณ์คร่าวๆ ของครอบครัวของเขา
ข่าวคราวแบบนี้จะเร็วกว่าการส่งคนจำนวนมากไปตรวจสอบมากทีเดียว
เย้นโม่หลินกลับีหน้าดำคร่ำเครียดในทันทีและพูดอย่างแข็งทื่อ “ไม่ได้”
น้ำเสียงเย็นชานั้นไม่อาจต้านทานได้
กู้จื่อเฟยมองไปที่เย้นโม่หลินด้วยแววตาสั่นไหว สีหน้ามืดทะมึนของเขาทำให้หัวใจของเธอเองก็ดิ่งตามลงไป
เขาคิดว่าวิธีนี้สกปรกเกินไป เขาเลยรังเกียจที่จะใช้งั้นเหรอ?
เย้นโม่หลินหันกลับมามองกู้จื่อเฟยด้วยสายตาที่เย็นชา
เอ่ย “ต่อให้เขาจะออกจากเมืองหนานไป ฉันก็แน่ใจว่าจะสามารถตรวจสอบอำนาจของครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังเขาว่าอยู่ที่ไหนได้ เธอไม่จำเป็นต้องเสียสละตัวเองเพื่อให้ได้ข้อมูลนี้มาหรอก”
“แต่นี้คือวิธีที่เร็วที่สุดแล้ว”
“สองวัน”
เย้นโม่หลินเอ่ยขัดกู้จื่อเฟยอย่างเคร่งขรึม “ฉันจะหาเบาะแสให้ได้ภายในสองวัน”
กู้จื่อเฟยมองไปที่เย้นโม่หลินอย่างเงียบงัน ท่าทีที่มั่นคงของเขาทำให้เธอไม่สามารถหักล้างมันได้อีก
เธอไม่รู้ว่าเขารังเกียจที่จะใช้วิธีนี้หรือมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองกันแน่
เย้นหว่านมองสังเกตเย้นโม่หลิน แล้วเข้าไปใกล้หูของโห้หลีเฉิน ถามด้วยเสียงที่เบามาก
“นายคิดว่า การตรวจสอบข้อมูลของฝู้เหวยข่ายภายในสองวันเป็นเรื่องง่ายไหม”
“ยากมาก”
โห้หลีเฉินตอบด้วยเสียงเบาพร้อมรอยยิ้มขี้เล่นในแววตา “นี่เป็นวิธีการที่หุนหันพลันแล่นที่สุด”
วิธีการที่หุนหันพลันแล่นที่สุด?
เย้นหว่านเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ วิธีการที่โห้หลีเฉินสามารถพูดได้ว่าหุนหันพลันแล่น เย้นโม่หลินเองก็คงรู้อยู่ว่านี่เป็นทางเลือกที่มุทะลุและค่อนข้างเสี่ยง
แต่ทำไมเขาถึง…..
เมื่อมองไปยังกู้จื่อเฟย เธอก็เหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมา
ที่แท้พี่ชายก็รักกู้จื่อเฟย ไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกไหน ก็ไม่ยอมให้ผู้หญิงคนเดียวอย่างกู้จื่อเฟยตกอยู่ในอันตราย ต้องทำให้ตัวเองลำบากไปแกล้งทำเป็นคู่รักกับฝู้เหวยข่าย
แผนถูกปฏิเสธอย่างสมบูรณ์ กู้จื่อเฟยขมวดคิ้วด้วยใบหน้าเศร้าหมอง
“งั้นงานเลี้ยงคืนนี้จะทำยังไงล่ะ? ฉันตกลงไปแล้วว่าจะเป็นคู่ควงให้เขา”
ต่อให้ไม่มีแผนการ แต่คืนนี้สุดท้ายก็ยังเป็นงานวันเกิดของพ่อเธอ จะทำให้เสียหายไม่ได้ ต้องดำเนินการไปอย่างสมบูรณ์แบบ
เย้นโม่หลินมองด้วยแววตาไม่พอใจ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มเข้ม
“ฉันจะเป็นคู่ควงของเธอ”