ชายโสดหญิงหม้ายเดินเบียดกันบนถนน ตามปกติจะต้องเกิดสปาร์คอะไรกันขึ้นมา เดิมทีกู้จื่อเฟยนั้นวางแผนไว้ว่าจะถือโอกาสรับการจีบแล้วคบกับเขา เพื่อจะใช้โอกาสนี้ล้วงข้อมูลมาสักหน่อย
แต่ตอนนี้เย้นโม่หลินมาถึงแล้ว และปฏิเสธแผนการของเธออย่างสิ้นเชิง
ดังนั้นการเดินเล่นเองก็ไร้ความหมายไปโดยปริยาย
แต่ว่า เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาเฝ้ารอที่จ้องมองมาของฝู้เหวยข่าย กู้จื่อเฟยที่เดิมทีก็ละอายใจอยู่แล้ว พลันรู้สึกสับสนขึ้นมาและไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี
มันช่างน่าอึดอัดจริงๆ เลย
อยู่ๆ เธอก็มีความรู้สึกเหมือนไปนอกใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“คุณอากู้ออกมาแล้ว” เย้นโม่หลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
กู้จื่อเฟยกำลังไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีทันใดนั้นก็เหมือนกับเจอทางออก เธอรีบหันมองไปที่ประตูหลังของคฤหาสน์ เห็นกู้หรงที่แต่งตัวอย่างองอาจห้าวหาญเดินออกมาจากข้างในด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เขาผู้เป็นเจ้าของวันเกิด เพียงพริบตาก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในทันที
กู้จื่อเฟยพูดขึ้นเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เจ้าของวันเกิดมาแล้ว ควรจะให้ของขวัญได้แล้วล่ะ”
“อืม” เย้นโม่หลินขานตอบเสียงต่ำ
คราวนี้เลยทำให้คำถามที่ฝู้เหวยข่ายถามไปเมื่อครู่ถูกปล่อยผ่านไปทั้งอย่างนั้น
ฝู้เหวยข่ายมองไปยังทั้งสองคน นัยน์ตาวาบประกายแฝงเร้นและเจือความดุร้ายอยู่เล็กน้อย
แต่ในชั่วพริบตาต่อมา มันก็อันตรธานหายไป
เขาเองก็เหลือบมองไปยังทิศทางกู้หรง บนใบหน้าหล่อเหลาประดับรอยยิ้มเป็นกันเอง
“เจ้าของวันเกิดมาแล้ว”
โห้หลีเฉินดึงเชือกชิงช้าของเย้นหว่านเอาไว้ให้หยุดลงพร้อมกับเธอ
เย้นหว่านเงยขึ้นมองโห้หลีเฉินก่อนเอ่ยถามเสียงเบา
“นายได้เตรียมของขวัญวันเกิดมารึเปล่า?”
พวกเขามาอย่างเร่งรีบ เธอจึงไม่มีเวลาได้เตรียม
โห้หลีเฉินเม้มปาก มองไปยังเย้นโม่หลินอย่างมีความนัยแล้วเอ่ยเบาๆ
“พี่ชายเธอเตรียมไว้แล้ว”
“พี่ชายฉัน?”
เย้นหว่านงุนงง เธอนึกไม่ถึงว่าพี่ชายจอมเย็นชาจนเหมือนไม่มีEQของตัวเองนั้นจะเตรียมของของขวัญมาด้วย ในแง่ของการจัดการก็ทำได้ดีทีเดียว
เมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจแบบนั้นของเย้นหว่าน ริมฝีปากของโห้หลีเฉินก็ยกยิ้มบาง
ยัยเบ๊อะนี่ ไม่รู้เอาซะเลยว่าเรื่องของเย้นโม่หลินมันไปไกลแล้ว บางครั้ง ผู้ชายน่ะยิ่งเย่อหยิ่งเท่าไหร่ หากเขาสนใจขึ้นมาแล้วการกระทำก็จะยิ่งละเอียดถี่ถ้วน
นั่นคือสัญชาตญาณความกระหายของผู้ชาย
“พวกเราไปกันก่อนเถอะ”
โห้หลีเฉินจูงมือเล็กของเย้นหว่านแล้วเดินนำไปหากู้หรง
เว่ยชีนั้นรออยู่ในที่ที่เหมาะเจาะอยู่ก่อนแล้ว เขานำกล่องของขวัญไม่เล็กไม่ใหญ่กล่องหนึ่งส่งถึงมือของโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านมองไปที่กล่องอย่างประหลาดใจ “ข้างในนี้เป็นอะไรเหรอ?”
“ชิ้นนี้ของฉันเป็นแค่ของธรรมดาเท่านั้นเอง”
หมายความว่าอีกชิ้นหนึ่งไม่ธรรมดางั้นเหรอ?
เย้นหว่านมองไปที่เย้นโม่หลินอย่างรวดเร็ว แต่กลับคาดไม่ถึงว่าในมือของเย้นโม่หลินจะไม่ได้ถือกล่องของขวัญอยู่
แล้วของขวัญของเขาล่ะ?
เขาจะต้องเตรียมไว้แน่นอนอยู่แล้ว แต่จะเป็นอะไรกันแน่นั้นก็ทำให้เย้นหว่านยิ่งสงสัยเข้าไปอีก
กู้หรงรับของขวัญของโห้หลีเฉินพลางหัวเราะร่า “เป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับนะคุณโห้ เป็นวาสนาของฉันแล้ว เพราะคบหากับเสี่ยวหว่านแท้ๆ ฉันเลยมีโอกาสได้ดื่มกับคุณสักแก้ว”
กู้หรงยกแก้วในมือแล้วพูดหว่านล้อม
แต่ความรู้สึกตื่นเต้นนั้นกลับเป็นของจริง จากทั้งเมืองหนานเขานั้นคือคนต่างสกุลที่ได้รับของขวัญวันเกิดจากโห้หลีเฉินเป็นคนแรกจริงๆ
หลังจากวันนี้ไป ชื่อเสียงของเขาในเมืองหนานจะต้องพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ธุรกิจเองก็คงจะดีขึ้นถึงสิบเท่า
โห้หลีเฉินยกยิ้มด้วยทีท่าสงบนิ่ง
แต่อารมณ์ก็ดีไม่น้อยเลย
กู้หรงยกแก้วไวน์ขึ้น แล้วยกไปทางเย้นหว่านอีกครั้งก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“เสี่ยวหว่าน ได้ยินว่าหนูกับคุณโห้หมั้นกันแล้ว พวกเธอวางแผนจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ล่ะ? ฉันก็อยากไปจะดื่มเหล้ามงคลสักแก้ว”
แต่งงาน?
คำคำนั้นทำให้แก้มของเย้นหว่านแดงเรื่อขึ้นมาทันที หัวใจเต้นแรงเหมือนมีกวางน้อยโลดเต้นอยู่ข้างใน
เธอตอบอย่างเขินอาย “เรื่องนั้น ยังไม่ได้กำหนดเรื่องเวลาเลยน่ะค่ะ”
“ต้องรีบตัดสินใจอย่างเร็วที่สุดเลยนะ อยู่ด้วยกันแล้วก็ต้องรีบแต่งงานแล้วก็รีบคลอดเด็กน้อยจ้ำม่ำสักคน”
ทันใดนั้นแก้มของเย้นหว่านยิ่งแดงเถือกไปด้วยความขวยเขินอย่างมาก
โห้หลีเฉินเลิกคิ้วเล็กน้อย อารมณ์ดีมากจนแม้แต่มองไปที่กู้หรงก็ยังเจริญตาไม่น้อย
เขายกมุมปากแล้วยกแก้วไวน์ชนแก้วกับกู้หรงเบาๆ
“อย่างที่คุณพูด พวกเราจะเร่งแต่งงาน ถึงตอนนั้นคุณก็ต้องมาดื่มเหล้ามงคลด้วยนะครับ”
“ได้สิ ดีๆๆ”
กู้หรงหัวเราะอย่างยินดี สีหน้าโล่งใจนั้น ราวกับลูกสาวของตัวเองกำลังจะได้ออกเรือนทีเดียว
เป็นความยินดีกับเย้นหว่านด้วยใจจริง
เย้นหว่านมองทั้งสองคนที่ตกลงกันเสร็จสิ้นแล้วดื่มไวน์อย่างมีความสุข เธอทั้งจนใจทั้งอาย แต่ในใจเองก็ตั้งตารอวันนั้นอยู่อย่างเงียบๆ
วันที่จะได้แต่งงานกับโห้หลีเฉินและกลายเป็นเจ้าสาวของเขา
มันจะมีความสุขแค่ไหนกันนะ
“คุณลุงกู้ สุขสันต์วันเกิดครับ”
เสียงทุ้มนุ่มของชายหนุ่มดังขึ้น ไม่ดังแต่กลับดึงดูดความสนใจอย่างปประหลาดและกลายเป็นจุดสนใจของคนอื่นๆ
เห็นเพียงเย้นโม่หลินพากู้จื่อเฟยเดินมาถึงตรงหน้ากู้หรงเท่านั้น
เมื่อกู้หรงเห็นทั้งสองคน สีหน้าก็แปลกไปเล็กน้อย
จะว่ายังไงดี เย้นโม่หลินผู้ชายคนนี้ สามารถเรียกได้ว่าเป็นที่สุดในหมู่ผู้มีพรสวรรค์ แน่นอนว่าเป็นยอดชายที่หาได้ยากในรอบหนึ่งศตวรรษ
แต่ผู้ชายแบบนี้ ทั้งรูปร่างหน้าตา อำนาจอิทธิพล และอุปนิสัยที่มีย่อมต้องสูงส่งเย่อหยิ่งและควบคุมได้ยาก
เหมือนที่เย้นหว่านและโห้หลีเฉินอยู่ด้วยกัน ตัวอย่างแบบนั้นมีน้อยยิ่งกว่าน้อยเสียอีก
กู้จื่อเฟยของเขาป้ำๆ เป๋อๆ จะมีความสามารถในการปราบผู้ชายที่มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ได้ที่ไหนกัน
ดังนั้นเย้นโม่หลินสำหรับกู้หรงแล้วไม่อยู่ในการพิจารณาเลย
เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หายากที่เธอจะกลับมาสักครั้งแล้วมาร่วมงานวันเกิดของตาแก่อย่างฉันนะ มีน้ำใจ ขอบใจมาก ขอบใจมาก”
กู้หรงยังคงหัวเราะแล้วยกแก้ว ต้องการดื่มกับเย้นโม่หลินสักแก้ว
ท่าทีเป็นกันเองมาก แต่กลับมีความสนิทสนมน้อยลงและค่อนข้างเป็นสุภาพกว่า
แต่เย้นโม่หลินนั้นไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เขายกแก้วชนกับกู้หรงแล้วดื่มไปอึกหนึ่ง
จากนั้นก็พูดขึ้น “ผมรีบมาเลยไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรไว้ น้ำใจเล็กน้อยคุณลุงกู้อย่ารังเกียจเลยนะครับ”
สิ้นเสียงพูด ก็เห็นเพียงผู้ชายสองคนบรรจงยกหินพลอยที่สูงกว่าหนึ่งคนครึ่งเดินเข้ามา
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงวิจารณ์อย่างอื้ออึงขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
“พระเจ้า นั่นคือพลอยอเมทิสต์ใช่ไหม? เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นที่ใหญ่ขนาดนี้”
“นอกจากนี้ยังเป็น Deep Russian ที่ดีที่สุดในหมู่อเมทิสต์อีกด้วย ในท้องตลาดขนาดเท่าไข่ไก่ก็ราคาสูงลิ่วจนไม่มีตลาดรองรับแล้ว ใหญ่ขนาดนี้ทั้งเป็นระดับสูงสุด ราคาสูงเสียดฟ้าก็ยังยากจะสรุปเลย”
“นั่นมันประเมินราคาไม่ได้ไม่ใช่รึไง?! สวรรค์ คุณชายเย้นคนนี้เป็นใครกันแน่ ไม่นึกว่าจะหรูหราได้ถึงขนาดนี้”
ผู้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์ แต่ละคนมองจนลูกตาแทบติดไปกลับพลอยอย่างอิจฉาริษยา”
ในตอนที่กู้หรงเห็นพลอยอเมทิสต์เองก็ตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน
เขาไม่แม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ ว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้เห็นพลอยอเมทิสต์ที่ใหญ่ขนาดนี้ และยิ่งนึกไม่ถึงว่านี่จะเป็นของขวัญวันเกิดที่ส่งมาให้เขา
พลอยอเมทิสต์นี้ก้อนเดียวก็เทียบได้กับทรัพย์สินกว่าครึ่งของเขาแล้ว
นอกจากนี้ เขาก็ชอบพลอยอเมทิสต์มาตลอดและเก็บสะสมไว้ในบ้าน ชิ้นที่ใหญ่ที่สุดก็เพิ่งจะประมาณไข่ไก่ ใหญ่ขนาดนี้ ราวกับมาประทับตราเส้นชีวิตของเขาเลยจริงๆ