“เย้นหว่าน”
โห้หลีเฉินสีหน้าตกใจ รีบพุ่งเข้าไปหาเย้นหว่าน
กอดเธอไว้ก่อนที่เธอจะล้มลงไป
เย้นโม่หลินก็รีบวิ่งเข้าไป ยังไม่ทันถามสถานการณ์กับเย้นหว่าน ก็มองเห็นด้วยความตกใจ กู้จื่อเฟยที่เดินอยู่ข้างหลังล้มลงไป
เขาอุ้มเธอไว้ เหมือนดั่งสัญชาตญาณ
“กู้จื่อเฟย คุณเป็นอะไร?”
กู้จื่อฟยสีหน้าซีดขาว แต่ว่าริมฝีปากสีม่วง ดูแล้วสภาพย่ำแย่มาก
แววตากะพริบ สติไม่ค่อยชัดเจน
ปากพึมพำไปด้วย “ปวด……ปวด…..”
“ปวดตรงไหน?”
เย้นโม่หลินถามด้วยความตื่นเต้น กังวลใจจนเหมือนหัวใจไปอยู่ที่ตาตุ่ม
กู้จื่อเฟยอ้าปาก แต่เจ็บปวดจนพูดอะไรไม่ออก ดูเหมือนจะเป็นลมไปได้ตลอดเวลา
เย้นโม่หลินร่างกายแข็งทื่อ จนเกือบหายใจไม่ออก
สมองว่างเปล่าไปหมด
“ท้อง ปวดท้อง…….”
เสียงสั่นดังขึ้นมาจากข้างกายเขา
เย้นหว่านมือจับท้องไว้ มองหน้าโห้หลีเฉินด้วยความหวาดกลัว “พวกเรา……ดื่มเหล้าที่ท่านฝู้รองเทให้…….”
น่าจะ มียาพิษ
มิน่าพวกเขาทำร้ายคนของท่านฝู้รองจนสลบ ยังมองเห็นห้องลับด้านใน ท่านฝู้รองยังพูดดีด้วยขนาดนี้ ยังปล่อยพวกเธอไป
เขาไม่ใช่คนดี แต่เป็นเสือหน้ายิ้มต่างหาก วางยาในเหล้าต่อหน้าพวกเธอ
นี่คือต้องการให้พวกเธอตาย
ถึงแม้เย้นหว่านไม่ได้พูด โห้หลีเฉินก็เข้าใจแล้ว
ทั้งตัว ทันใดนั้น เจตนาฆ่าที่แข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวประกายออกมา
ให้ตายเถอะ
กล้าวางยาให้เย้นเหว่าน เขารนหาที่ตายชัดๆ
“คุณไม่ต้องกลัว ผมเรียกป่ายฉีมาเดี๋ยวนี้ ในโลกนี้ไม่มีพิษอะไรที่เขาแก้ไม่ได้”
สีหน้าโห้หลีเฉินซีดขาว ขณะที่พูดปลอบเย้นหว่านไปด้วย ก็โทรหาป่ายฉีด้วย
เวลาเดียวกัน เย้นโม่หลินก็ตั้งสติได้แล้ว
เขาซึ่งปกติแล้วเป็นคนมีสติ ไม่ว่ามีดอาบเลือดอะไร ความเป็นความตายอะไรก็เคยเห็นมาแล้ว แต่กลับตะลึงที่กู้จื่อเฟยถูกวางยา
ทำให้เขาวุ่นวายจนเกือบจะไม่เหมือนตัวเองแล้ว
แต่ก็ไม่ทันได้คิดอะไร แย่งโทรออกก่อนโห้หลีเฉิน ใช้ปุ่มโทรด่วนโทรหาป่ายฉี
ระหว่างเขากับเขามีความสัมพันธ์พิเศษ วิธีการติดต่อกันก็ไม่เหมือนคนอื่น เจอกับสถานการณ์เร่งด่วน เบอร์ที่โทรออกก็ไม่เหมือนกัน
เสียงโทรศัพท์ทางด้านป่ายฉี ก็จะเป็นเสียงเร่งด่วน
ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าป่ายฉีจะทำอะไรอยู่ ก็จะวางเรื่องในมือทันที เพื่อรับโทรศัพท์
ปรากฏว่า โทรศัพท์ดังไม่ถึงวินาที ป่ายฉีก็รับขึ้นมา
พูดอย่างรีบร้อน “พี่ใหญ่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ตอนนี้รีบมาที่โรงแรมน้ำพุร้อนอย่างเร็วที่สุดทันที”
เย้นโม่หลินสั่ง
ป่ายฉีไม่ได้ถามอะไรมาก วางสายทันที
“พาพวกเธอกลับห้องก่อน”
เย้นโม่หลินกลับสู่ความสงบนิ่งบ้างแล้ว และเริ่มทำงาน
เขาอุ้มกู้จื่อเฟย รีบวิ่งไปทางห้องนอนของโรงแรมด้วยความเร็ว
กู้จื่อเฟยมองดูเขาด้วยอาการสะลึมสะลือ มุมปากยิ้มขึ้นเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
เธอกำลังฝันไปใช่ไหม
ความฝันเท่านั้นที่สวยงามแบบนี้ กลับถูกเย้นโม่หลินอุ้มไว้แบบนี้
ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเอง ก็สามารถมีความสุขแบบนี้ได้ แต่น่าเสียดาย นี่คือความฝัน
ถ้าอย่างนั้น เธอไม่อยากตื่นมาเลย
ให้มันเป็นเช่นนี้ ฝันไปตลอดเถอะ
คิดไปแบบนี้ กู้จื่อเฟยหลับตาลงอย่างพอใจ
เย้นโม่หลินสีหน้าเปลี่ยนทันที ขมวดคิ้วแน่น พูดอย่างเคร่งขรึม
“กู้จื่อเฟย คุณอย่าหลับ ลืมตาขึ้นมา”
จากนั้น สิ่งที่ตอบสนองเขา เป็นเพียงใบหน้ายิ้มแย้มของผู้หญิง สวยงามอย่างสงบ แต่ทำให้คนจิตใจฟุ้งซ่าน
ยาพิษนี้ออกฤทธิ์อย่างเร็วและรุนแรง อันตรายถึงชีวิต
ถ้าหากหลับไปแล้ว ก็อาจจะไม่ตื่นเลยก็ได้ เธอก็จะรอให้ป่ายฉีมาไม่ได้แน่
ร่างของเย้นโม่หลินแข็งทื่อ ไม่เคยถูกความหวาดกลัวโอบล้อมเขาแบบนี้มาก่อน เสมือนทำให้คนแข็งแกร่งอย่างเขาพังทลายในพริบตา
สถานการณ์ทางด้านเย้นหว่านก็ไม่ได้ดีไปถึงไหน
สายตาของเธอยิ่งอยู่ยิ่งเลือนลาน สีหน้ายิ่งอยู่ยิ่งซีด อ้าปากเล็กน้อย สามารถมองเห็นเลือดข้างในได้
ใบหน้าของโห้หลีเฉิน เสมือนเกร็งจนแน่นขึ้นมาเหมือนกอง
เขาพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ ดูเหมือนสั่นเล็กน้อย
“เย้นหว่าน อย่านอน พูดกับผมหน่อยว่าพวกคุณเห็นอะไรข้างใน”
นี่คือเป้าหมายที่พวกเธอเข้าไป เย้นหว่านรู้ว่ามันสำคัญมาก
เธอพยายามให้ตัวเองรักษาสติไว้ ไปคิดเรื่องในห้องรับรอง น้ำเสียงเบามาก ดูเหมือนใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของร่างกาย
“ฉันเห็น……ในห้องรับรองนั้นยังมีห้องลับอีกห้อง ข้างใน ข้างใน…….”
น้ำเสียงของเธอยิ่งอยู่ยิ่งเล็ก ตาใกล้จะปิดแล้ว
โห้หลีเฉินรีบพูดขึ้นอีก “ข้างในมีอะไร? คุณบอกผม สำคัญมาก พลาดครั้งนี้ไป ผมอาจจะหายาไม่เจออีกเลย”
ยา!
คิดถึงยาช่วยชีวิตของโห้หลีเฉิน ตาของเย้นหว่านที่ปิดไปแล้ว ก็ลืมขึ้นมาอีก
เธอพยายามอดกลั้นอาการง่วงไว้ พูดอย่างลำบาก
“คือ คอมพิวเตอร์มากมาย เป็นฐานลับ”
น้ำเสียงของเธอ อ่อนเพลียแต่หนักแน่น
พูดจบ เสมือนทำหน้าที่สำเร็จแล้ว โล่งใจแล้ว ร่างกายหมดแรงล้มตัวอยู่ในอ้อมกอดของโห้หลีเฉิน
ร่างในอ้อมแขนจากเดิมที่ยังมีเรี่ยวแรง ก็อ่อนแรงไปเหมือนดั่งน้ำไปทันที
โห้หลีเฉินหยุดลงกะทันหัน ร่างกายแข็งทื่อไปทันที
เขามองเย้นหว่านด้วยความหวาดกลัวและไม่สบายใจ น้ำเสียงสั่นเครือ “เย้นหว่าน คุณยังไม่ได้บอกผม ข้างในมีกี่คน……”
ยังมีคำพูดตั้งมากมายยังไม่ได้พูด จะสลบไปแบบนี้ได้ยังไง
เย้นโม่หลินหันหน้าไปมองเย้นหว่านอย่างแข็งทื่อ สีหน้าซีดขาวจนไร้สีเลือดแล้ว
น้ำเสียงของเขา เสมือนบีบออกมาจากลำคอ
“เธอพยายามเต็มที่แล้ว”
พยายามให้โห้หลีเฉินรักษาสติ พยายามรักษาสติให้ได้นาทีแล้วนาทีเล่า
แต่ว่า พิษร้ายแรงเกินไป เธอกับกู้จื่อเฟยทนรับไม่ไหว
โห้หลีเฉินกัดฟันไว้แน่น เสมือนจะกัดให้ฟันละเอียด
ทำไมเขาจะไม่รู้……
แต่ว่าเขายิ่งกลัว กลัวจนเข้ากระดูก เธอหลับไปแบบนี้ ก็อาจจะไม่ตื่นอีกเลย
เขามีความมั่นใจในทุกเรื่อง อยู่ในการควบคุมทุกอย่าง แต่มีเพียงแค่เธอเท่านั้น แม้แต่ลมพัดแค่นิดเดียว ก็ทำให้เขาทนรับไม่ได้
เขาไม่กล้าคิด ถ้าหากเย้นหว่านหลับไม่ตื่น เขาก็เป็นยังไง
โห้หลีเฉินเข้าใจอย่างชัดเจน เย้นหว่านมีความหมายอะไรสำหรับเขา นั่นคือทุกสิ่งทุกอย่าง คือสวรรค์ คือชีวิต
แต่เย้นโม่หลินไม่เข้าใจ ว่าตัวเองเป็นอะไรไปกันแน่ ทำไมถึงรู้สึกหวาดกลัวขนาดนี้ ความกลัวแบบนี้ เหมือนดั่งสวรรค์จะพังทลาย
แต่เขา แม้แต่ไปคิดว่าเพราะอะไรก็ทำไม่ได้
เขาตื่นเต้นจนนับอยู่ทุกวินาที ทุกวินาที ทุกนาทีมันช่างทรมาน ทนรออย่างเจ็บปวด กับการมาถึงของป่ายฉี
เขาไม่เคยรู้สึกเลย ว่าเวลามันจะผ่านไปได้ช้าขนาดนี้ วันที่เสมือนเป็นปี
มันช้าเสมือนดั่งผ่านไปแล้วหลายศตวรรษแล้ว ป่ายฉีมาถึงแล้วท่ามกลางหมอกเมฆมืดครึ้ม เดินเข้ามา
เขารีบร้อนมาก คำสั่งระดับสูง เขาไม่กล้าให้เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว ดังนั้นก็ซิ่งรถมาตลอดทาง ลงจากรถก็รีบวิ่งเข้ามา
เขาวิ่งเข้ามาถามว่า “พี่ใหญ่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”