เย้นหว่านเมื่อเห็นแบบนั้นก็รู้สึกตกใจ อกสั่นขวัญหนี ฝู้เหวยข่าย บ้าไปแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะกล้าใช้มีดข่มขู่กู้จื่อเฟย!
“โห้หลีเฉิน ทำยังไงดี? ให้จื่อเฟยได้รับบาดเจ็บไม่ได้นะ!”
เย้นหว่านพูดอย่างกังวลใจและตื่นตระหนกอย่างมาก
เย้นโม่หลินหรี่ตามอง แต่สีหน้ากลับดูเงียบสงบ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ
เขาลูบผมของเย้นหว่านเบาๆ “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ หล่อนเป็นผู้หญิงของพี่ชายเธอ พี่ชายของเธอจะดูแลหล่อนเป็นอย่างดี” “แต่ว่า….”
เย้นหว่านยังคงไม่สบายใจ เขาใช้กริซแล้วนะ มีดดาบไม่มีตา ถ้ามือของฝู้เหวยข่ายลั่น อาจทำให้กู้จื่อเฟยได้รับบาดเจ็บ
เย้นหวานเป็นห่วงอย่างมาก เมื่อฝู้เหวยข่ายเห็นเย้นโม่หลินหยุดก็ถอนหายใจโล่งอกทันทีราวกับว่าพึ่งรอดจากความตาย บอดี้การ์ดของเขาถอยห่างออกมาเล็กน้อย พวกบอดี้การ์ดตั้งท่าเตรียมต่อสู้จ้องมองไปที่เย้นโม่หลินอย่างประหม่า
คนคนนี้น่ากลัวมากจริงๆ พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้กันเลย
แต่ทว่า เมื่อมีตัวประกันอยู่ในมือ ก็พลิกสถานการณ์ได้ทันที
ฝู้เหวยข่ายมองไปที่เย้นโม่หลินอย่างเย็นชา ขึ้นเสียงและพูดจาแย่ๆใส่
“เย้นโม่หลิน นายถอยหลังไปเดี๋ยวนี้ แล้วส่งท่านรองของฉันมา”
ท่านรอง? ฝู้หงน่ะเหรอ?
เย้นโม่หลินแสดงสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงเหน็บแนม พูดโดยไม่ลังเลเลยสักนิด “เขา ตอนนี้น่าจะตายไปแล้วล่ะ” น้ำเสียงที่ดูถูกนั้นเหมือนกับคนที่ตายนั้นเป็นมดตัวหนึ่งที่อยู่ข้างถนน กลับทำให้ ฝู้เหวยข่ายมืดบอด และตกตะลึง
ตายแล้วเหรอ? “สิ่งที่นายพูดมันจริงรึเปล่า?”
ฝู้เหวยข่ายไม่อยากจะเชื่อเลย ท่านฝู้รองเป็นคนแบบไหนกัน เขาเป็นคนที่มีอำนาจควบคุมทั้งหมดในตระกูล นอกจากผู้นำตระกูลแล้ว เขาก็เป็นคนที่เก่งที่สุด ข้างกายของเขาก็ยังมีคนปกป้องจำนวนมาก เป็นไปได้ยังไงที่จะตายง่ายๆ แบบนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาหนาวเหน็บจากก้นบึ้ง คือแม้ว่าเขาจะตั้งคำถามกับตัวเอง แต่เมื่อเห็นเย้นโม่หลินแบบนั้นแล้ว เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อผู้ชายที่สูงส่ง หยิ่งยโส ที่เดิมทีไม่น่าจะโกหกเขาได้เลย
กู้จื่อเฟยรู้สึกได้ถึงร่างกายที่แข็งทื่อด้วยความกลัวของฝู้เหวยข่ายที่ล็อกตัวเธออยู่อย่างเห็นได้ชัด ตื่นตระหนกจนแม้แต่ที่มีดสั้นในมือของเขาก็ถือได้ไม่มั่นคง มีดคมแกว่งไปมาอยู่ที่คอของเธอเหมือนกับว่าผิวหนังของเธอจะถูกเชือดเฉือนได้ตลอดเวลา
กู้จื่อเฟยรู้สึกกังวล แม้กระทั่งการหายใจก็แผ่วลง เมื่อต้องเผชิญกับความเป็นความตาย ก็มีความหวาดกลัวและขี้ขลาดขึ้นมา แต่เมื่อเธอมองชายคนที่อยู่ไม่ไกล ในอกก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา เธอไม่อยากเป็นจุดอ่อนหรือตัวภาระของเขา เธอเอ่ยปากพูด
“ฝู้เหวยข่าย แผนการของนายมันพังไปแล้ว ฝู้หงถูกวางยาพิษและตายอย่างอนาถ นายจับฉันไปก็เอาไปแลกกับใครและมันไม่มีประโยชน์อะไรอีก”
” เธอหุบปากไปซะ!”
ฝู้เหวยข่ายพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว มือนั้นออกแรงเล็กน้อยกรีดไปยังผิวหนังของกู้จื่อเฟย
เขาโกรธจนตาแดงไม่ใช่เพราะการสูญเสียญาติ แต่เพราะว่าเมื่อ ท่านฝู้รองเสียชีวิต เขาจะเสียคนที่สนับสนุนเขาในการทำสงครามการธุรกิจนี้ เขาไม่มีแหล่งเงินทุนก็จะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
จากนั้นทุกๆอย่างที่เขาทำมาจะสูญเปล่า ฝู้เหวยข่ายแทบจะบ้าตาย
ตาของเย้นโม่หลินหรี่ลงทันที การจ้องมองที่เย็นชานั้นเหมือนกับมีดที่กรีดลงที่ ฝู้เหวยข่าย
คราบเลือดบนคอของกู้จื่อเฟย ดวงตาของเขาเจ็บปวดเหมือนถูกทิ่มแทง
ไม่นึกเลยว่าฝู้เหวยข่ายจะกล้าทำร้ายกู้จื่อเฟย เขากำลังรนหาที่ตาย!
จิตสังหารของเย้นโม่หลินทะยานสูงขึ้น เขาก้าวขายาวย่างสามขุมมุ่งเข้าไปที่ ฝู้เหวยข่าย
ออร่าที่แผ่ออกมานั้นเปรียบเสมือนเทพอสูรที่ออกมาจากนรก
ฝู้เหวยข่ายสั่นไปทั้งตัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัว ตะโกนสุดเสียง
“หยุดนะ อย่าเข้ามา! ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าเธอทันที!”
ถึงแม้ว่าเขาจะชอบกู้จื่อเฟย แต่เมื่อเขาเผชิญหน้ากับอันตราย การเสียสละของกู้จื่อเฟยเป็นเพียงทางเลือกที่ไม่จำเป็นต้องคิดแล้ว กู้จื่อเฟยรู้สึกได้ถึงภัยอันตรายที่ถึงแก่ชีวิต
ฝีเท้าของเย้นโม่หลินกลับไม่หยุดลง เขาจ้องเขม็งไปที่กู้จื่อเฟย ริมฝีปากเผยอออกเบาๆ เสียงทุ้มต่ำทำให้เธอหลงใหลจนไม่อาจต้านทานได้ “เธอเชื่อใจฉันไหม?”
กู้จื่อเฟยมองเขาอย่างตกใจ เชื่อใจเขาไหม? ในเวลานี้ถูกเขาจ้องมองอย่างจดจ่อ จนทำให้เธอลืมความกลัวไปเลยว่ามีมีดจ่ออยู่ที่คอของเธอ
เธอแทบไม่มีลังเลอะไรเลย พูดออกไปตามสัญชาตญาณ “ฉันเชื่อใจคุณ”
เย้นโม่หลินแววตาหรี่แสง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มแห่งความสุขที่ได้รับความไว้วางใจ และเป็นยิ้มเหยียดหยามก่อนการสังหารของเทพอสูร
กู้จื่อเฟยมองดูแล้วอบอุ่นใจ ฝู้เหวยข่ายมองแล้วกลัวจนตัวสั่น
เขาตกใจอย่างมาก ขู่เสียงดัง “เย้นโม่หลิน นายคิดว่าฉันไม่กล้าลงมือเหรอ? ถ้านายกล้าก้าวเข้ามาอีกหนึ่งก้าว ฉันจะฆ่ากู้จื่อเฟย!” คำข่มขู่ที่แทงทะลุหัวใจนั้น ไม่ได้หยุดฝีเท้าของเย้นโม่หลินเลยสักนิด เขาพุ่งตัวไปข้างหน้าทันทีราวกับลูกศรธนูที่แล่นออกไป แหลมและเฉียบคม เร็วจนทำให้บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านข้างไม่สามารถหยุดได้
ไม่ทันไร เขาก็โผล่มาอยู่ตรงหน้าของฝู้เหวยข่าย “กร๊อบ!”
เสียงกระดูกที่แตกหักดังขึ้นอย่างชัดเจน
เห็นเพียงมือของฝู้เหวยข่ายที่ถือมีดสั้นอยู่นั้นถูกเย้นโม่หลินจับไว้บิดเบี้ยวผิดรูปเกินความสามารถของร่างกายมนุษย์ “อ๊าก!!”
ฝู้เหวยข่ายร้องด้วยความเจ็บปวด ตกใจกลัวมาก เย้นโม่หลินเป็นปีศาจ! ปีศาจ!
คิดไม่ถึงเลยว่าจะฝ่าด่านบอดี้การ์ดจำนวนมากที่อยู่ตรงหน้าเขาได้ในพริบตาเดียว ก็มาอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว ทั้งยังหักแขนของเขาอีก น่ากลัวว่ากระดูกจะแตกเป็นผุยผง
ฝู้เหวยข่ายกลัวจนขึ้นสมอง ไม่คิดที่จะต่อต้านอะไรอีก สัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้เขาทนต่อความเจ็บปวดของแขนที่โดนหัก ตอบสนองด้วยปฏิกิริยาที่ตรงไปตรงมาที่สุด
ทันใดนั้นเขาก็ผลักกู้จื่อเฟยที่อยู่ในวงแขนของเขาออกไป
กู้จื่อเฟยไม่ทันได้เตรียมตัว ร่างกายก็ถูกผลักไปข้างหน้า
ด้วยสัญชาตญาณของเย้นโม่หลินนั้นรีบปล่อยมือของฝู้เหวยข่ายออกและเอื้อมมือไปจับกู้จื่อเฟยเอาไว้
ฝู้เหวยข่ายฉวยโอกาสนี้หันหลังวิ่งหนีไปโดยไม่ลังเล ขณะวิ่งเขาก็ออกคำสั่งไปด้วย “รั้งไว้!”
บอดี้การ์ดตอบรับพร้อมกันและรีบวิ่งไปล้อมเย้นโม่หลินทันที แม้พวกเขาจะจัดการกับเย้นโม่หลินไม่ได้
แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่เกิดการต่อสู้ ฝู้เหวยข่ายมีเวลามากพอที่จะหลบหนีจากตรงนี้
นำองครักษ์มามากมายขนาดนี้ยังไม่สามารถจัดการกับเย้นโม่หลินได้ เขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะต่อต้าน
ทุกวันนี้การมีชีวิตอยู่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อการแก้แค้น….
ฝู้เหวยข่ายจับแขนที่หักของตัวเอง ดวงตาหม่นมันดุร้าย ความเกลียดชังที่ฝังแน่นอยู่เต็มอกต้องการระบายและแก้แค้น เขาต้องกลับไปที่ตระกูลฝู้ เริ่มจัดกำลังคนของตระกูลกลับไปบดขยี้เย้นโม่หลิน เขาต้องการให้มันตายและพวกมันทุกคนต้องตาย
นี่ไม่ใช่การทำสงครามการค้าที่สามารถแก้ไขได้อีกต่อไป ชีวิตของท่านฝู้รอง แขนข้างหนึ่งของเขา มีเพียงชดใช้ด้วยการนองเลือดร้อยเท่า ถึงจะสาสม
เย้นโม่หลินไม่สนใจที่ ฝู้เหวยข่ายหลบหนีไป ความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่กู้จื่อเฟย
เขากอดเธอ ความโกรธในใจเหมือนได้รับการปลอบทันที
ใครจะรู้ว่าเมื่อตอนที่กู้จื่อเฟยถูกฝู้เหวยข่าย ใช้มีดสั้นข่มขู่นั้น เขาวิตกกังวลมากขนาดไหน สภาพจิตใจของเขานั้นย่ำแย่ เพราะกลัวว่าเธอจะได้รับอันตราย