เย้นหว่านพอจะคาดเดาได้ถึงอะไร จึงเดินตามขึ้นไปยังชั้นบนโดยไม่ได้รู้สึกเฝ้ารออะไร
เมื่อเดินไปถึงหน้าประตูห้องใหม่ สาวใช้ก็ถอยออกไปด้วยกิริยาเรียบร้อย
เหลือเพียงแค่เย้นหว่านกับกู้จื่อเฟย
เย้นหว่านกับกู้จื่อเฟยสบตากันแวบหนึ่ง นัยน์ตากู้จื่อเฟยนั้นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น จัดสถานการณ์ใหญ่โตขนาดนี้จะมีเรื่องเซอร์ไพรส์อะไรกันนะ?
“เสี่ยวหว่าน เปิดประตูดูสิ”
“อืม”
เย้นหว่านพยักหน้าและเปิดประตู
สิ่งที่ปรากฏก็คือสีแดงสดใสที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความยินดีปรีดา
แม้ว่าจะเตรียมใจเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ และพอจะรู้ว่าด้านในเป็นการตกแต่งแบบเรือนหอ แต่ในตอนที่เห็นกับตาตัวเองแล้ว เย้นหว่านก็ยังคงถูกความงดงามเบื้องหน้าทำให้ตะลึงงันอยู่ดี
สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือ การตกแต่งและรูปแบบของห้องนี้ล้วนเป็นแบบที่เธอชื่นชอบทั้งหมด
เป็นการตกแต่งเรือนหอที่งดงามที่สุดในจินตนาการของเธอ
ตัวอักษรที่แปลว่าความสุขและยินดีสีแดงสดนั้นงดงามโรแมนติกมาก
กระทั่งผ้าม่านก็ล้วนเป็นการตัดเงาฉลุลายแบบที่เธอชื่นชอบ ด้านบนเป็นชายหญิงที่ยืนหันหน้าเข้าหากัน ยามที่ผ้าม่านถูกลมพัดให้พลิ้วไหว ก็ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจุมพิตและโอบกอดกัน
เย้นหว่านยืนมองการตกแต่งภายในห้องอย่างตกตะลึง หัวใจเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง พูดไม่ออกว่าตกตะลึงมากเท่าใด
กระทั่งเธอก็ยังคิดไม่ถึงว่า การตกแต่งในห้องนี้จะตรงตามที่ใจเธอปรารถนาขนาดนี้
แต่ว่าบนโลกใบนี้ นอกจากโห้หลีเฉินแล้วก็ไม่มีใครสามารถเข้าใจเธอได้ขนาดนี้อีกแล้ว
“ชอบไหม?”
ระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มก็ดังขึ้น
คุ้นเคยเสียจนทำให้หัวใจของเย้นหว่านเต้นผิดไปจังหวะหนึ่ง
เธอมองไปตามที่มาของเสียงทันที จึงเห็นโห้หลีเฉินสวมชุดสูทสีดำล้วนที่มีความเป็นทางการเป็นอย่างมาก กำลังเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยท่าทางที่สง่างาม
บนใบหน้าของเขาแย้มรอยยิ้มน้อยๆ เจือไปด้วยความรักและทะนุถนอม โดดเด่นดึงดูดสายตาจนทำให้ทั้งห้องที่ตกแต่งไปด้วยสีแดงกลายเป็นตัวเสริมให้เขาเด่นในเสี้ยวพริบตา
เย้นหว่านมองเขาอึ้งๆ
เอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึงว่า “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้คะ”
“รอคุณตรวจสอบผลงาน”
โห้หลีเฉินก้าวมาถึงด้านหน้าเย้นหว่านทีละก้าวๆ แววตาที่มองเธอนั้นอ่อนโยนอย่างถึงที่สุด ทั้งยังเจือไปด้วยการเฝ้ารออย่างเลือนราง
เย้นหว่างอึ้ง ตรวจสอบผลงานอะไรหรือ?
หรือว่า…นี่คือเรือนหออย่างนั้นหรือ?
ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หัวใจของเย้นหว่านก็เต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก น้ำเสียงก็เผยให้เห็นถึงความประหม่า
“เรือนหอแห่งนี้ คุณเป็นคนตกแต่งหรือคะ”
เย้นหว่านรู้สึกเหลือเชื่ออย่างที่สุด “หลายวันมานี้คุณไม่ได้ยุ่งอยู่ในคลังสมบัติหรือคะ”
ยุ่งจนแต่ละวันมาปรากฏตัวในตอนเย็น และอยู่กับเธอเพียงแค่ครู่เดียวก็จากไป ถึงขั้นทำให้เธอไม่ได้ปรึกษาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องใดๆในงานแต่งงานกับเขาเลย
เย้นหว่านนึกว่า เขาจะมาปรากฏตัวในงานแต่งงานเลยเสียอีก
มุมปากโห้หลีเฉินยกขึ้นแย้มรอยยิ้ม ยืนมือไปลูบผมเย้นหว่าน
น้ำเสียงดึงดูดชวนให้ผู้คนหลงใหล “เรื่องการแต่งงานของพวกเราต่างหากที่ต้องการให้ผมช่วย”
ประโยคหนึ่ง ราวกับกระแสไฟโจมตีเข้าที่หัวใจของเย้นหว่าน
เธอมองโห้หลีเฉินอึ้งๆ ความรู้สึกน้อยใจและหดหู่ในหลายวันมานี้ถูกทำให้กระจายหายไปในเสี้ยวพริบตา
เธอหน่วยตาแดงระเรื่อ และเพิ่งจะเข้าใจว่า ที่แท้โห้หลีเฉินก็ไม่ได้ยุ่งจนไม่มีเวลามาสนใจเรื่องงานแต่งงานของพวกเขา กลับกัน เขาได้ตกแต่งห้องใหม่เป็นพิเศษ เพื่อมอบเซอร์ไพรส์ให้กับเธอ
“โห้หลีเฉิน ขอบคุณคุณนะคะ”
เย้นหว่านสะอื้น มองไปที่โห้หลีเฉิน มือเล็กๆนั้นจับแขนเสื้อเขาเอาไว้แน่น
อยู่กับเขา ไม่ว่าจะครั้งไหน เขาก็ไม่เคยทำให้เธอผิดหวังมาก่อน
เธอประหลาดใจจริงๆ ประหลาดใจที่โห้หลีเฉินเอาใจใส่งานแต่งงานของพวกเขาขนาดนี้ ประหลาดใจที่เขาลงมือตกแต่งและจัดการทั้งหมดด้วยตนเอง
ขอบคุณเขาที่ทำให้เธอรู้สึกว่างานแต่งงานนี้กลายเป็นงานที่งดงามมีความสุข และเต็มไปด้วยการเฝ้ารอ
“มีอะไรต้องขอบคุณผมกัน?”
โห้หลีเฉินถามกลับ ขยี้ผมเธอด้วยความอ่อนโยน เอ่ยด้วยความจริงจังว่า “ไม่ว่าคุณจะขอบคุณผมเรื่องอะไร ถ้าจะขอบคุณก็ต้องแสดงความจริงใจกันหน่อย ไม่สามารถอาศัยเพียงแค่ปากพูดได้”
ความหมายก็คือ ไม่ว่าจะขอบคุณเรื่องอะไร เขาล้วนยอมรับแต่โดยดี และถือโอกาสเก็บเกี่ยวกำไรด้วย?
เย้นหว่านยกมุมปากขึ้นอย่างอดไม่ได้ ผู้ชายคนนี้นี่นะ…
ประกายในแววตาเธอไหววูบ และเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบที่มุมปากโห้หลีเฉิน
ร่างกายสูงใหญ่ของโห้หลีเฉินแข็งทื่อทันที
มองเย้นหว่านด้วยความประหลาดใจ ก่อนหน้านี้หยอกล้อเธอ เธอล้วนเขินอายจนแทบทนไม่ไป ถ้าไม่ผลักเขา ก็จะหลบหนี วันนี้กลับเป็นฝ่ายจูบเขา?
ช่าง…น่ารักเสียจนทำให้เขาอยากจะผลักเธอให้ล้มตัวลงเดี๋ยวนี้เลยจริงๆ
แต่ ตอนนี้ยังไม่ได้
โห้หลีเฉินควบคุมประกายความเร่าร้อนในก้นบึ้งนัยน์ตา จูงมือเย้นหว่านเดินไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
เย้นหว่านสงสัย “คุณพาฉันไปทำอะไรที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าคะ?”
มุมปากโห้หลีเฉินประดับไปด้วยรอยยิ้ม พาเย้นหว่านเดินเข้าไปด้านในต่อไปโดยไม่พูดอะไร
โชคดีที่ระยะห่างนั้นอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว เย้นหว่านก็เดินตามเข้าไป
ตอนที่เข้ามาถึงห้องเปลี่ยนเสื้อขนาดใหญ่ที่แยกตัวออกมาเดี่ยวๆนั้น เย้นหว่านก็ตกตะลึงทันที ยืนค้างอยู่ที่เดิม ปากอ้ากว้างเป็นรูปตัวโอ
เธอเห็นว่าตำแหน่งกลางห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านั้นมีชุดแต่งงานที่ประดับเพชรทอประกายระยิบระยับวางอยู่ชุดหนึ่ง เมื่อมองดูแล้วก็คล้ายกับได้เห็นทางช้างเผือกที่ทอดยาวผืนหนึ่ง
รูปแบบของชุดนั้นเป็นเกาะอกที่ออกแบบให้สอดคล้องกับส่วนโค้งเว้าบนเรือนร่างของเย้นหว่าน เป็นหางปลาที่มีส่วนโค้งอันสมบูรณ์แบบ มองดูแล้วงดงามจนทำให้คนหายใจไม่ออก
เย้นหว่านก็เป็นนักออกแบบเสื้อผ้าเช่นกัน แค่แวบเดียวก็สามารถมองออกว่าชุดแต่งงานชุดนี้ได้รับการออกแบบจากนักออกแบบชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลก
เธอตะลึงเสียจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว
แววตาของโห้หลีเฉินนั้นอ่อนโยนราวกับสายน้ำ เขายืนอยู่ด้านหลังเย้นหว่าน หลังจากนั้นมือทั้งสองข้างก็กอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน
คางของเขาอยู่ใกล้ใบหูเธอ ถามเสียงแผ่วเบา
“ชอบไหม”
เย้นหว่านหน่วยตาแดงระเรื่อ อ้าปากแต่กลับพบว่าลำคอตีบตันจนพูดไม่ออก
ชอบ แน่นอนว่าชอบ
เธอเพิ่งจะเข้าใจอย่างแท้จริงว่า หลายวันมานี้โห้หลีเฉินยุ่งเรื่องอะไรกันแน่
นอกจากท่านอาวุโสแปดที่มาพบเธอเพื่อยืนยันรูปแบบของงานแต่งงานและรายละเอียดปลีกย่อย เรื่องอื่นๆล้วนมีโห้หลีเฉินเป็นคนลงมือจัดการและตกแต่งด้วยตนเอง
เขาถึงขั้นไม่ค่อยได้ไปคลังสมบัติเท่าไร และวางเรื่องงานแต่งงานของพวกเขาไว้เป็นอันดับหนึ่ง
มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่คุ้นเคยกับความชื่นชอบของเธอขนาดนี้
ไม่ต้องถามเธอ แต่ทำการตกแต่งเงียบๆ สิ่งที่ทำออกมาทั้งหมดล้วนเป็นแบบที่เย้นหว่านชื่นชอบมากที่สุด
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านด้วยสายตาอ่อนโยน “เป็นอะไรไป? ไม่ชอบหรือ”
“ไม่ ชอบ ชอบมากค่ะ”
เย้นหว่านรีบส่ายหน้า เมื่อกระพริบตา หยาดน้ำตาก็กลิ้งลงมา
“ฉัน ฉันเพียงแค่ประหลาดใจและตื้นตันใจมาก…
เธอรับรู้ได้โดยจิตใต้สำนึกอย่างแท้จริงว่า เมื่ออยู่ข้างกายโห้หลีเฉิน เธอถึงขั้นไม่ต้องวิตกกังวลเรื่องใดๆ เพราะว่าเขาจะดูแลและปกป้องเธอเป็นอย่างดี
เขาจะคิดถึงความรู้สึกทั้งหมดของเธอ เขาจะมอบความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกให้กับเธอ
การได้แต่งงานกับเขานั้นเป็นเรื่องที่โชคดีมากเพียงใด
โห้หลีเฉินได้ยินคำพูดของเย้นหว่านแล้ว มุมปากก็ยกขึ้นอย่างมีความสุข
ดึงเธอให้หันกลับมายืนอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง นิ้วเรียวที่เห็นกระดูกข้อต่อชัดเจนเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าเธอแผ่วเบา
นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรักและทะนุถนอมอย่างสุดซึ้ง “นี่เป็นเรื่องน่ายินดี ร้องไห้ทำไมกัน หลังจากนี้เรื่องที่ผมจะทำให้คุณตื้นตันใจนั้นมีมากมายถมเถไป คุณต้องรีบทำตัวให้ชิน ไม่อย่างนั้นร้องไห้น้ำมูกไหลทุกวันจนน่าเกลียดจะทำอย่างไร”
น้ำเสียงหยอกล้อทำให้ใจของเย้นหว่านอ่อนยวบ อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ไปหัวเราะไป
โห้หลีเฉินเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าเธอจนสะอาด พลางแนบริมฝีปากลงบนหน้าผากของเธอ
“เด็กดี ไปลองเร็วเข้า จะได้ดูว่าเหมาะสมหรือไม่”
เย้นหว่านหัวใจเต้นรัวขณะที่ลองสวมชุดแต่งงานที่เธอจะแต่งให้กับโห้หลีเฉินเร็วๆนี้…