หลังจากแน่ใจว่าไม่มีปัญหา หัวหน้าบอดี้การ์ดก็โบกมือพลางเอ่ย
“ได้แล้ว ปล่อยให้ผ่าน”
ผู้ชายวัยกลางคนเอ่ยพลางยิ้มแฉ่ง “นายท่านทุกท่าน ลำบากแล้ว ลำบากแล้ว”
จากนั้น พวกเขาทั้งหมดก็ขึ้นรถ ขับรถบรรทุกคันใหญ่ไปยังด้านนอกอย่างช้าๆ
บอดี้การ์ดหนึ่งในนั้นมองดูขบวนรถจากไปด้วยใบหน้าอึมครึม พูดพร่ำอย่างไม่สบายใจ
“โรคจิตเยอะเสียจริง ถ้าไม่ใช่วันนี้สถานการณ์พิเศษ ก่อเรื่องไม่ได้ ฉันจะจับเจ้าโง่สองคนนั่นของรถคันที่สามลงมาอัดสักรอบ”
“เอาล่ะ เอาล่ะ อดทนไปก่อน พวกเขายังต้องกลับมาอีก พวกเรามีโอกาสได้พบกัน เจอครั้งหนึ่งก็อัดหนึ่งที ”
“อย่าให้มีโอกาสเจออีกจะดีกว่า รอพวกเขากลับมาแล้วเรายังจับพวกโห้หลีเฉินไม่ได้ ที่ต้องตายก็คือพวกเราแล้ว”
พวกบอดี้การ์ดถอนหายใจ มองไปทิศที่ออกเมืองก็รู้สึกหดหู่ใจ
วันที่สองแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเย้นโม่หลินใช้วิธีอะไรปะปนออกนอกเมือง ไม่ว่าวิธีอะไรก็ตาม พวกเขาจะต้องจับพวกเขาให้ได้เท่านั้น
หลังจากขบวนรถบรรทุกขนส่งวัวขับตามทางด่วนมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว ก็ขับตามทางแยกต่อไป
ไม่ไกลเท่าไหร่ ก็หยุดลงที่ข้างทางแห่งหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคน
ประตูข้างคนขับของหัวรถเปิดออกก่อน หนุ่มน้อยที่ดูอายุไม่ถึงยี่สิบปีกระโดดลงจากรถอย่างคล่องแคล่ว
หลังจากนั้นเขาก็เดินไปด้านหลังทันที
ในขณะเดียวกัน ประตูรถคันที่สามก็เปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงและชายหนุ่มร่างผอมเล็กที่อยู่ด้านในก็เดินออกมา
พวกเขาต่างมองตากัน หนุ่มน้อยก็เริ่มหัวเราะอย่างหยอกล้อ
“กู้จื่อเฟย เธอก็นอนหลับจริงได้ลงนะ เกือบจะทำให้บอดี้การ์ดคนนั้นโกรธจนบ้าเลย”
ชายหนุ่มร่างผอมเล็กหัวเราะแห้ง มองชายร่างสูงข้างกายเปี่ยมด้วยความเลื่อมใส
เอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานฉ่ำ “นี่เป็นวิธีการที่พี่เย้นของฉันคิด ฉันแสดงได้ยิ่งโดดเด่น ความสนใจของพวกเขาก็จะรวมอยู่ที่ความขี้เกียจของฉันจนโกรธขึ้นมา กลับคิดว่าพวกเราไม่กล้าเล่นใหญ่ขนาดนี้ ก็จะไม่สงสัยสถานะของพวกเราเสียด้วยซ้ำ”
เป็นอย่างที่คิดไว้ บอดี้การ์ดคนนั้นแม้จะโกรธจนกระทืบเท้า แต่นอกจากความโกรธแล้ว แทบจะไม่มีกะจิตกะใจคิดเรื่องอย่างอื่น
คนอื่นก็ไม่สงสัยคิดว่าอาจจะเป็นพวกกู้จื่อเฟยปลอมตัวเลยสักนิด
กลัวก็แต่ว่า แม้ว่าจะนั่งแกร่วอีกสิบวัน พวกเขาก็คงคิดไม่ถึงว่าพวกเย้นโม่หลินก็คือคนขับรถบรรทุก
“จิ๊ๆ”
ป่ายฉีมองเย้นโม่หลินอย่างสบายอกสบายใจ “แผนการก็ดีอยู่หรอก ฉันเห็นใครบางคน ตอนนั้นพอเห็นจอมขี้เกียจถูกด่าทอ ก็เกือบจะอัดคนอย่างโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้วเชียว”
แม้ว่าป่ายฉีอยู่ด้านหน้า แต่ว่าเข้าใจเย้นโม่หลินเป็นอย่างดี มองเห็นแววตาของเขาเปลี่ยนไป ก็รู้ว่าเย้นโม่หลินคิดจะทำอะไร
ตอนที่บอดี้การ์ดจับตัวกู้จื่อเฟยพร้อมด่าทอ ท่าทางของเย้นโม่หลินนั้น ต้องการลงมือสั่งสอนพวกเขาให้เป็นผู้เป็นคนทุกนาทีเลยจริงๆ
ป่ายฉีที่ดูอยู่ตอนนั้นอกสั่นขวัญหายเป็นพักๆ
สีหน้าเย้นโม่หลินเคร่งขรึม มองดูการปลอมตัวเป็นชายหนุ่มร่างผอมเล็กนั่นของกู้จื่อเฟยพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“วันนี้ฉันไม่ได้คิดให้รอบคอบ จากนี้จะไม่เกิดขึ้นแล้ว”
ที่เดิมทีคิดไว้คือกู้จื่อเฟยเป็นผู้หญิง หากใช้สถานะของผู้หญิงมาติดตามขับรถ จะต้องเกิดความสงสัยที่ไม่จำเป็นบ้างอย่างแน่นอน ทว่าเธอปลอมตัวเป็นผู้ชาย อย่างไรก็ตามลักษณะรูปร่างงดงามเล็กเพรียวเกินไป ก็ยิ่งถูกสงสัยได้ง่าย
ดังนั้นจึงสร้างภาพลักษณ์ที่อ่อนแอและขี้เกียจให้เขาไปเลย คนอื่นจะได้เข้าใจตามจิตใต้สำนึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่ละม้ายคล้ายผู้หญิงที่เอาแต่กินกับนอนแทน ด้วยรูปร่างของเธอก็จะรู้สึกว่าเป็นเช่นนั้นแน่นอนโดยไม่ต้องสงสัย
เพียงแต่ เขานึกไม่ถึงว่าบอดี้การ์ดคนนั้นจะใช้กำลังกับกู้จื่อเฟย ทั้งด่ากราด ทำให้กู้จื่อเฟยไม่ได้รับความเป็นธรรมแบบนี้
ดวงตาประกายวาววับของกู้จื่อเฟยจ้องมองเย้นโม่หลิน ชั่วพริบตาใบหน้าเล็กเข้าไปใกล้ด้านหน้าของเขา
เอ่ยถามอย่างแผ่วเบา “พี่รักฉันล่ะสิ?”
เย้นโม่หลินแข็งทื่อทันที คำถามนี้ ถามขนาดนี้ต้องตอบอย่างไรดีล่ะ?
ใบหูของเขาแดงระเรื่อขึ้นอีกครั้งอย่างลับๆ
กู้จื่อเฟยเหลือบเห็นสายตาหลบเลี่ยงของเย้นโม่หลิน จิตใจจึงยิ่งเริงร่า ใบหน้าเล็กเขยิบเข้าใกล้อีกเล็กน้อย
เงยหน้าขึ้น ไอร้อนจากคำพูดปะทะไปที่ใบหน้าของเขา
“พี่เย้น พี่รักฉันมากใช่ไหม? ถ้ารักละก็ ต้องพูดออกมาดังๆ นะ ”
เย้นโม่หลินมองกู้จื่อเฟยอย่างเลื่อนลอย สีหน้าอึดอัดใจ
รักแล้วต้ องพูดออกมาเสียงดังเหรอ? แบบนี้จะดีจริงเหรอ เอะอะโวยวายแบบนั้น
ผู้ชายตัวใหญ่โตอย่างเขาจะพูดออกมาได้อย่างไร
แต่ว่าสบกับดวงตาประกายวาววับที่เฝ้ารอของกู้จื่อเฟยเข้า เขาไม่อยากให้ความรู้สึกผิดหวังของเธออยู่เหนือกว่า
เขาบรรจงพูดออกมาจากริมฝีปากทีละคำทีละประโยค “อืม ฉันรักมากเลย”
กู้จื่อเฟยตัวแข็งทื่อทันที เบิกดวงตากลมมองเย้นโม่หลินอย่างอึ้งๆ
เธอเพียงแค่หยอกเขาเล่นตามปกติ คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดทีจริง
ยังพูดจาเลี่ยนๆ แบบนี้ บอกว่ารักเธอมาก
ในหัวใจของกู้จื่อเฟยเหมือนมีกระต่ายกว่าสิบตัวทันที กำลังกระโดดไปกระโดดมาอย่างเริงร่า เธอเขย่งปลายเท้าขึ้น “จุ๊บ” จูบที่ใบหน้าของเย้นโม่หลินทีหนึ่ง
“นี่คือรางวัล ฮิๆๆ”
เย้นโม่หลินจ้องมองสาวน้อยเบื้องหน้าที่เหมือนหญิงเกี้ยวพาราสี เม้มริมฝีปากแน่น กกหูก็ยิ่งแดงระเรื่อ
ป่ายฉีก่ายหน้าผาก ทนมองภาพเบื้องหน้าไม่ได้ ยอมรับไม่ได้
โธ่เอ๊ย นี่เรียกว่าความรักทำให้โลกกลายเป็นสีชมพูสินะ?
แต่งหน้าปลอมตัวกลายเป็นอย่างนี้แล้ว คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ผิวคล้ำหน้าตาดุและดูอัปลักษณ์ อีกคนหนึ่งเป็นผู้ชายร่างเล็กผอมกะหร่องและยังน่าเกลียดอีกด้วย ด้วยสารรูปหน้าสองคนแบบนี้ พวกเขาสองคนยังสามารถสบตาด้วยความรู้สึกลึกซึ้งกันได้
ยังสามารถจูบกันดัง “จุ๊บ” ได้
ทำไมถึงได้รสนิยมแปลกขนาดนี้ล่ะ?
อยากจะอาเจียน
“รีบไปเร็ว ฉันจะต้องรีบกลับตระกูลเย้น แบ่งแยกความสัมพันธ์กับพวกเธอสองคนให้ชัดเจน ”
ป่ายฉีเอ่ยอย่างเบื่อหน่าย แล้วเดินไปในป่าเล็กที่ข้างถนนก่อน
แม้ว่าบอดี้การ์ดตระกูลหยูไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองชั่วครู่ ไม่รู้ว่าพวกเขาอาศัยรถบรรทุกขบวนนี้ออกมา แต่ตระกูลหยูขาดคนที่มองความคิดคนอื่นขาดและสามารถสับเปลี่ยนสังเกตการณ์ไปไม่ได้ หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ยังค้นหาพวกเขาไม่พบที่เมืองเฟย ก็จะเปลี่ยนเป้าหมายค้นหาเมืองส่วนนอกและพาหนะที่น่าสงสัย
ถึงตอนนั้นพวกเราติดตามขบวนรถนี้ต่อไปคงไม่ปลอดภัยแล้ว
ตอนนี้เดินตามลำพังเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
ผู้ชายวัยกลางคนก็ยืนอยู่ด้านข้างพลางเอ่ยอย่างนอบน้อม “นายท่านทุกท่านเดินทางดีๆ เส้นทางในภูเขาซับซ้อน พวกคุณต้องระวังหน่อย”
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณคุณมาก”
กู้จื่อเฟยเอ่ยขอบคุณเจ้าของรถบรรทุกอย่างสุภาพ
ครั้งนี้เขาช่วยเหลือไว้มาก ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงหลบหนีออกจากเมืองเฟยอย่างสบายขนาดนี้ไม่ได้
โห้หลีเฉินเอ่ยอย่างเย็นชา “ทำตามที่ฉันบอกไปคุ้มครองคนนั้น อย่าออกมาเคลื่อนไหวสักระยะหนึ่ง”
“ขอบคุณนายท่านที่เป็นห่วง พวกเรารู้ว่าต้องทำอย่างไร ”
เจ้าของรถบรรทุกพยักหน้าแล้วโค้งตัวลงด้วยท่าทีที่ดีมาก
กู้จื่อเฟยกลับสงสัยนิดหน่อย จากการสังเกตของเธอ ขบวนรถนี้ต่างไม่รู้สถานะที่แท้จริงของเย้นโม่หลิน แต่ก่อนก็ไม่เคยพบเจอเย้นโม่หลินมาก่อน
ต่างเป็นคนของเมืองเฟย ชื่อเสียงของตระกูลหยูก็ยิ่งเป็นที่เลื่องลือมาก แทบจะเป็นคนของตระกูลหยูแล้ว
ทว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาถึงกับทรยศตระกูลหยู มาช่วยเย้นโม่หลินที่ไม่รู้จักงั้นเหรอ?
กู้จื่อเฟยเป็นช่างพูดช่างคุย ไม่ชอบมีเรื่องค้างคาใจ เดินเข้ามาในป่า จึงเอ่ยถามเย้นโม่หลิน
“พี่เย้น ทำไมเถ้าแก่คนนั้นถึงเชื่อฟังพี่ขนาดนั้นล่ะ? พี่ใช้วิธีการอะไรกับเขา ยาเสน่ห์หรือว่ากลยุทธ์หนุ่มหล่อ? “