หมอหญิงตะลึงมองโห้หลีเฉิน คิดไม่ถึงว่าตัวเองถึงกลับ……มีชีวิตรอดจากความตายได้?
เธอรีบพยักหน้ารับคำ “ค่ะๆๆ นายน้อยวางใจ ฉันจะแจ้งต่อผู้นำตระกูลตามคำพูดเดิม”
เธอเป็นคนเฉลียวฉลาด เข้าใจอะไรได้ง่าย จึงเป็นธรรมดาที่จะเข้าใจวัตถุประสงค์ของคำพูดนี้
ภรรยาของหลานชายปู่ตั้งครรภ์เรื่องประเภทนี้ แม้ว่าจะยุ่งมากก็ควรจะไปบอกกับคุณปู่ด้วยตัวเอง แต่กลับให้เธอไปบอกแบบนี้ ก็เป็นเพียงแค่การแจ้งให้ทราบตามแบบแผนเฉยๆเท่านั้นเอง
เป็นการแจ้งให้ทราบด้วยความรู้สึกห่างเหินเป็นอย่างมาก
นั่นก็หมายความว่า แม้ว่าหยูฉู่สองจะเป็นผู้นำตระกูล แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรในเรื่องนี้
และเป็นการแสดงอำนาจหลังจากได้รับตำแหน่ง
หมอหญิงรู้ว่าตัวเองไปแล้วก็คงจะพบกับการชักสีหน้า แต่สุดท้ายแล้วสามารถเก็บชีวิตกลับมาได้ ก็โชคดีเป็นอย่างยิ่งแล้วเช่นกัน
เธอไม่กล้าล่าช้า หลังจากเอ่ยลากับโห้หลีเฉินด้วยท่าทางเคารพนบนอบแล้วก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งเห็นหมอหญิงออกจากประตูใหญ่ของตึกไปแล้ว ก็ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะแอบฟังสิ่งใดได้อีก เย้นหว่านถึงได้หันหน้ากลับมาถามโห้หลีเฉินว่า
“เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวย่าคะ? ทำไมถึงได้คุกเข่าอยู่ตรงนี้?”
เย้นหว่านเห็นเสี่ยวย่าตัวสั่นระริกแล้วก็รู้ว่าเธอน่าจะทำผิดจึงถูกลงโทษ
แววตาอ่อนโยนแต่เดิมของโห้หลีเฉินเปลี่ยนเป็นเหน็บหนาวเสียดแทงกระดูกในตอนที่เห็นเสี่ยวย่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ
เขาเอ่ยเสียงเย็นว่า “ละเลยต่อหน้าที่ความรับผิดชอบ”
“ละเลยต่อหน้าที่ความรับผิดชอบ?”
เย้นหว่านสงสัย มองไปที่เสี่ยวย่า พลางเอ่ยถาม “เสี่ยวย่า เกิดอะไรขึ้น?”
ปกติเย้นหว่านจะไม่ถามเรื่องพวกนี้ให้มากความ แต่หลายวันนี้เสี่ยวย่าล้วนเป็นคนดูแลเธอ เธอรู้สึกได้อย่างน่าประหลาดว่า การที่เสี่ยวย่าคุกเข่าอยู่ตรงนั้นเป็นเพราะเธอ
เสี่ยวย่าเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองเย้นหว่านด้วยนัยน์ตาที่พร่าเลือนไปด้วยน้ำตา ทั้งยังขอโทษด้วยความละอายใจไม่หยุด
“ขอโทษค่ะ คุณเย้น ขอโทษค่ะ เป็นความผิดของฉันเองที่หลายวันมานี้ไม่ได้ดูแลคุณให้ดี คุณมีอาการอยากนอนมากผิดปกติ กินได้น้อย ฉันก็ไม่ได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ ทำให้ร่างกายของคุณแย่ลงในทุกๆวัน
โชคดีที่เด็กในท้องของคุณไม่เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นฉันตายเป็นหมื่นครั้งก็ยากที่จะหลุดพ้นความผิดนี้ได้”
เย้นหว่านถึงได้เข้าใจขึ้นมาในทันที ที่แท้ก็เป็นเพราะสาเหตุนี้
ถึงกับทำให้เสี่ยวย่าตื่นตระหนกจนเป็นแบบนี้
เย้นหว่านรีบโน้มตัวไปดึงแขนของเสี่ยวย่า คิดจะพยุงเธอขึ้นมา
“ไม่เป็นหรอก นี่ก็ไม่สามารถโทษเธอได้ทั้งหมด เป็นฉันที่ไม่ให้เธอพูด ฉันที่เป็นแม่คนก็ยังไม่สังเกตเห็นเลย จะโทษเธอได้อย่างไรกัน”
เสี่ยวย่าตะลึงมองเย้นหว่าน คิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดแบบนี้
แต่ว่าเธอก็ยังไม่กล้าลุกขึ้น “เป็นฉันที่ละเลยต่อหน้าที่ความรับผิดชอบ ฉันควรจะเชิญคุณหมอมาตรวจอาการคุณตั้งแต่แรก คุณก็คงไม่ต้องเป็นลมหมดสติไป”
เย้นหว่านยิ่งหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก
“เรื่องที่ฉันหมดสติยิ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอ เป็นเพราะได้รับความสะเทือนใจจากเรื่องอื่น ฉันไม่โทษเธอ เธอรีบลุกขึ้นมาเร็วเข้า”
หลายวันมานี้เสี่ยวย่าดูแลจนสามารถบอกได้ว่าพยายามทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ และเย้นหว่านก็เป็นคนบังคับขอร้อง ไม่อนุญาตให้พวกเธอบอกกับโห้หลีเฉิน หากพูดถึงความรับผิดชอบ ก็ไม่สามารถโทษเธอได้จริงๆ
อีกทั้ง เธอกับลูกก็ไม่ได้บอบบางขนาดนั้น
“แต่ แต่ว่า…..”
สายตาของเสี่ยวย่าที่มองโห้หลีเฉินสั่นระริก ขลาดเขลา และหวาดกลัว
เย้นหว่านใจอ่อน ถึงได้ไม่โทษเธอ
แต่ว่าสุดท้ายแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นเชื่อฟังแต่ไม่ได้ปฏิบัติตาม ละเลยหน้าที่ความรับผิดชอบในเรื่องการดูแล ด่านของนายน้อยนั้นยังคงผ่านไปไม่ได้
เย้นหว่านหันหน้าไปมองโห้หลีเฉิน เอ่ยเสียงอ่อนว่า
“ฉันขู่ไม่ให้พวกเขาพูด คุณก็อย่าลงโทษเธอเลยนะคะ? ได้ไหม?”
เสียงนุ่มนวล ออดอ้อนราวกับขนนกหนึ่งอันกวาดไปมาที่หัวใจ
โห้หลีเฉินจะสามารถปฏิเสธคำขอร้องของเธอได้อย่างไร
ถึงตอนนี้เธอจะให้เขาคว้าดวงดาวที่อยู่บนฟ้าลงมาให้ เขาก็จะส่งจรวดไปขนอุกกาบาตบนท้องฟ้าลงมาจริงๆเช่นกัน
เขาโอบเอวเธอ เพื่อไม่ให้เธอต้องโค้งตัวมากเกินไป พลางเอ่ยอย่างจนปัญญาว่า “ได้”
เย้นหว่านยิ้มแย้มเบิกบานทันที
เอ่ยกับเสี่ยวย่าด้วยความยินดีว่า “ดูสิ โห้หลีเฉินก็ไม่ถือสาแล้ว ไม่เป็นไรแล้วๆ”
เสี่ยวย่าราวกับได้ถูกปล่อยตัว หน่วยตาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที หยาดน้ำตารินไหลลงมาทีละเม็ดๆ
เธอเอ่ยเสียงสะอื้น “ขอบคุณคุณเย้นที่ขอร้องแทนฉันคะ ขอบคุณนายน้อยที่ใจกว้าง”
เธอทราบชัดเจนดีว่า ถ้าหากว่าเรื่องในวันนี้ยึดตามกฎระเบียบแล้ว เธอจะพบเจอกับบทลงโทษไม่น้อย และสุดท้ายก็จะถูกไล่ออกจากตระกูลหยู
คนใช้ที่ถูกไล่ออกจากตระกูลหยู ก็เท่ากับว่าบนร่างจะมีเครื่องหมายร่องรอยของอาชญากรรม และไม่มีใครกล้าใช้พวกเขาอีก
อนาคตในชีวิตนี้ก็ถือว่าจบสิ้นแล้ว
เย้นหว่านกล่าวอีกไม่กี่ประโยคก็ให้เสี่ยวย่าไปทำงานต่อ
เธอกับโห้หลีเฉินพากันเดินลงไปที่ชั้นล่าง
เย้นหว่านมองไปยังทิศทางที่เสี่ยวย่าจากไป เอ่ยเย้าว่า
“คุณโห้ ด้านบนมีเว่ยชี ด้านล่างมีสาวใช้ ทั้งหมดล้วนเป็นคนของคุณสินะ คุณพูดว่าอะไรก็เป็นอย่างนั้น ฉันพูดอะไรล้วนไม่มีผลสินะคะ”
โห้หลีเฉินเลิกคิ้ว แย้มรอยยิ้ม
“ทำไม อยากจะมีคนสนิทของตัวเองหรือ”
นัยน์ตาเย้นหว่านเป็นประกายสว่างจ้าขึ้นมาทันที “ได้ไหมคะ”
แม้ว่าเธอกับโห้หลีเฉินจะเป็นคนเดียวกัน โห้หลีเฉินจะไม่ทำร้ายเธอเด็ดขาด แต่ถ้าหากว่ามีคนคนหนึ่งฟังแต่คำพูดของเธอ แบบนั้นก็รู้สึกว่าไม่เลวเช่นกัน
“แน่นอนว่าได้”
โห้หลีเฉินตอบสบายๆ ท่ามกลางสายตาเฝ้ารอคอยด้วยความยินดีของเย้นหว่าน ฝ่ามือใหญ่วางลงบนหน้าท้องแบนราบของเธอ
“นี่ก็คือคนสนิทของคุณ”
เย้นหว่านไม่มีอะไรจะพูดไปชั่วขณะ ปัดมือเขาออกไปด้วยความโกรธเคือง
เด็กน้อยคนนี้จะนับเป็นคนสนิทได้อย่างไรกัน?
หยอกเธอเล่นอีกแล้ว
……
ห้องหนังสือของหยูฉู่สอง
ในตอนนี้ บรรยากาศเหน็บหนาวราวกับฤดูหนาวในเดือนสิบสอง หลังคาบ้านคล้ายกับถูกเมฆสีดำกดทับเอาไว้
หมอหญิงยืนตัวแข็งค้างอยู่ที่เดิม ก้มหน้าลงต่ำโดยไม่กล้าเงยขึ้นมาแม้แต่น้อย บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นๆรินไหลไม่หยุด
เธอรายงานตามคำพูดเดิมของโห้หลีเฉิน หลังจากที่เห็นสีหน้าของหยูฉู่สองดำคล้ำลงเรื่อยๆ แรงกดอากาศภายในห้องก็ลดลงต่ำจนน่ากลัว
ผู้นำตระกูลถูกท่าทีของโห้หลีเฉินยั่วให้เกิดโทสะอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ
หรือจะพูดว่า คล้ายกับว่าผู้นำตระกูลไม่ได้เฝ้ารอการมาถึงของทารกน้อยเช่นกัน
ตระกูลหยู เกรงว่าจะเริ่มเปิดฉากสงครามที่มีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเสียแล้ว
“คุณยังอยู่ที่นี่ทำไมอีก? ไสหัวออกไป!”
หยูฉู่สองระเบิดอารมณ์ด่า
หมอหญิงร่างสั่นเทา รีบถอยออกไปโดยที่ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา
ภายในห้องเหลือเพียงแค่หยูฉู่สองคนเดียว
เขากวาดคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนโต๊ะลงพื้นอย่างมีโมโห เพลิงโทสะเกือบจะลุกท่วมไปทั่วทั้งร่าง
สวมควรตาย
ไม่ตั้งครรภ์ก่อนหน้านี้หรือหลังจากนี้ แต่กลับมาตั้งครรภ์ลูกของโห้หลีเฉินในตอนนี้
ยาแก้พิษของตระกูลเย้นก็ยังไม่ได้ จึงไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นโห้หลีเฉินที่เป็นสายเลือดเพียงคนเดียวนั้น ยังไม่สามารถแตะต้องได้ชั่วคราว
แม้ว่าเขาจะจองหองเสียจนทำให้หยูฉู่สองสุดที่จะอดรนทนได้
แต่ดีร้ายอย่างไรเขาก็ยังมีเวลาอีกสามปี ถ้าหากว่าในช่วงเวลานี้ ได้ยาแก้พิษของตระกูลเย้นมา โห้หลีเฉินก็จะไม่ได้เป็นคนเพียงคนเดียวอีกแล้ว และจะไม่มีความมั่นใจหรือคุณค่าให้ใช้ประโยชน์อีกเช่นกัน
หยูฉู่สองก็สามารถจัดการเขาได้แล้ว
ถ้าหากว่าระหว่างนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น ไม่สามารถล้มตระกูลเย้น ไม่ได้ยาแก้พิษ หรือล้มเหลว อย่างนั้นก็ยังสามารถได้สิ่งที่ดีรองลงมาจากนั้นได้ ให้โห้หลีเฉินมีชีวิตต่อไปเพื่อเปิดคลังสมบัติ
แต่วิธีการสองแบบนี้ล้วนอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ต้องดูความเป็นไปของสถานการณ์ ถึงจะตัดสินได้ว่าหยูฉู่สองจะจัดการโห้หลีเฉินอย่างไรในภายหลัง
จะให้เขามีชีวิตอยู่ หรือให้เขาตาย
ตอนนี้เย้นหว่านตั้งครรภ์แล้ว อย่างนั้นเด็กที่กำลังจะเกิดมาบนโลกไปนี้ก็คือยาแก้พิษที่ทำให้โห้หลีเฉินมีชีวิตต่อไป นี่เป็นสิ่งที่ทำให้แผนการทั้งหมดของเขาวุ่นวาย