นี่ต้องการจะฆ่าเธออย่างนั้นเหรอ?!
ร่างกายกู้จื่อเฟยเกร็งแน่นในทันที แผ่นหลังผุดเหงื่อเย็นขึ้นมา
ทว่าเรื่องถึงตอนนี้แล้ว เธอยิ่งกลัว เย้นจือฮวนก็ยิ่งได้ใจ โอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ยิ่งน้อยลง
กู้จื่อเฟยฝืนประคองร่างกายของตัวเอง มุมปากยกยิ้มแฝงความประชดประชัน
เอ่ยหัวเราะเยาะ “ก่อนฉันมาลูกพี่ลูกน้องของเธอก็พยายามมาหลายปีขนาดนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่เห็นเย้นโม่หลินจะหลงรักเธอเลยล่ะ”
คำพูดนี้ ทิ่มแทงจุดอ่อนของเย้นจือฮวนในทันที
เธอโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ แผดเสียงด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“นั่นเป็นเพราะเธอนังปีศาจ!”
เพราะความโกรธ มีดสั้นในมือของเธอจึงสั่นไหวไปตาม เลยกรีดคอกู้จื่อเฟยเป็นรอย
ความเจ็บแปลบแล่นเข้ามา พร้อมกับการคุกคามของความตาย
ร่างกายกู้จื่อเฟยก็ยิ่งเกร็งแน่น เหงื่อไหลจากหน้าผากลงมา
เธอกำหมัดแน่น ทว่าใบหน้ายังคงยิ้มอย่างมีความสุข
แฝงด้วยความประชดประชัน
“ผิดแล้ว นั่นเป็นเพราะฉันมีเสน่ห์มากกว่าพวกเธอไม่ใช่เหรอ?”
ท่าทีที่มั่นใจนั่น แม้ว่าร่างกายจะเปื้อนเลือดไปทั้งตัว ก็ไม่ส่งผลกระทบแม้แต่น้อย
เย้นจือฮวนโกรธจนมือของเธอสั่นสะท้าน ยังสรรหาคำพูดที่เหมาะสมโต้แย้งเธอไม่ได้
สายตาของกู้จื่อเฟยก็ยิ่งเหมือนเปล่งแสง ความมั่นใจที่ออกมาจากจิตวิญญาณ ทำให้เธอไม่มีหนทางหักล้างได้เลย
ในทรวงอกของเย้นจือฮวนอัดอั้นเพลิงไฟไว้อยู่ แทบอยากจะแผดเผาเธอให้ราบคาบ
มองดูนัยน์ตาของกู้จื่อเฟย เธอก็ยิ่งบ้าคลั่ง
เย้นจือฮวนยกมีดสั้นขึ้นสูงอย่างรวดเร็วและรุนแรง สีหน้าดูโหดร้ายเป็นพิเศษ
“งั้นฉันขอดูหน่อย เธอถูกแทงจนดวงตาทั้งสองบอด กลายเป็นคนตาบอดคนหนึ่ง ยังจะมีความมั่นใจพูดเรื่องความสวยอยู่ไหม”
เธอต้องการจะทำลายความมั่นใจของกู้จื่อเฟย โดยไม่เลือกวิธีการอะไรทั้งนั้น
กู้จื่อเฟยมองดูปลายมีดสั้นที่แหลมคนนั่น ร่างกายก็เย็นเฉียบทันที
เธอยั่วเย้นจือฮวนให้โกรธทำให้เขาไม่ฆ่าเธอ แต่เย้นจือฮวนกลับต้องการทำลายดวงตาของเธอ
กู้จื่อเฟยสามารถอดทนรับความเจ็บปวดร่างกายได้ กลับไม่กล้าคิดเลยว่า เธอกลายเป็นคนตาบอดคนหนึ่งจะเป็นอย่างไร
ชีวิตที่มืดสนิทไร้แสงตะวันนั่น แค่คิดก็ทำให้รู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกชัน
กู้จื่อเฟยฝืนทำตัวไม่สะทกสะท้าน พลางเอ่ยด้วยเสียงดุ
“แม้ว่าเธอแทงตาจนบอดแล้วฉันจะเป็นอย่างไรงั้นเหรอ? เย้นโม่หลินก็ยังคงรักฉัน ชั่วชีวิตนี้เจียงเป้ยนีก็ไม่มีโอกาส”
เย้นจือฮวนจ้องมองกู้จื่อเฟยอย่างดุร้าย ครั้งนี้กลับไม่ถูกยั่วจนโกรธ
ทว่าเธอกลับหัวเราะ “กู้จื่อเฟย ฮ่าๆ ๆ เธอกลัวแล้วนี่นา ร่างกายเธอกำลังสั่น”
ในที่สุดแผนชั่วร้ายของเธอก็สำเร็จ มองเห็นกู้จื่อเฟยแสดงความกลัวออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่
ยิ่งกู้จื่อเฟยกลัว เย้นจือฮวนก็ยิ่งตื่นเต้นดีใจ
เธอยกมีดสั้นขึ้นสูง เอ่ยอย่างดีอกดีใจ
“ฉันอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นเธอกลายเป็นคนตาบอด และท่าทางกุมใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดแล้วล่ะ”
ระหว่างที่พูด เย้นจือฮวนนำมีดสั้นหันแทงไปที่ดวงตาของกู้จื่อเฟยโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ปลายมีดสั้นที่แหลมคมนั้น สะท้อนแสงกลับจนแสบตา ภายใต้แสงไฟ
กู้จื่อเฟยหวาดกลัวจนถึงขีดสุดแล้ว เธออยากหลบ แต่ด้านหลังกลับมีบอดี้การ์ดสองคนทำให้ร่างกายของเธออยู่กับที่ ถึงขั้นบีบคอของเธอไว้ ให้ใบหน้าของเธอรับกับมีดสั้นของเย้นจือฮวน ไม่ให้คลาดเคลื่อนแม้เพียงเล็กน้อย
เธอมีอยู่ชีวิตอยู่เหมือนปลาที่กำลังถูกเชือดอยู่บนเขียง
กู้จื่อเฟยจินตนาการไม่ออก มีดสั้นแทงเข้าดวงตา ตาบอดแล้วจะมีรสชาติชีวิตที่น่ากลัวขนาดไหน
ความหวาดกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนปกคลุมทั่วร่างกายเธอ เธอตัวสั่นระริกจนอยากหลับตา ทว่าแม้แต่หนังตาก็ควบคุมไม่ได้ เบิกตาอย่างสุดชีวิต มองมีดสั้นเล่มนั้นที่หันมาทิ่มแทงดวงตาของเธออย่างหมดหวัง
ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“ฉัวะ” ชั่วพริบตาเลือดสดที่ร้อนผ่าวกระเซ็นเข้าเต็มใบหน้ากู้จื่อเฟย
เธอเบิกตาดูฉากนองเลือดที่แสดงอยู่เบื้องหน้าเธออย่างเลือนราง
แต่มันกลับไม่ใช่ของเธอ
เธอเห็นมีดตัดฟืนเล่มหนึ่งลอยมา ในวินาทีที่มีดสั้นของเย้นจือฮวนกำลังจะทิ่มเข้าดวงตาของกู้จื่อเฟย ทำให้แขนของเย้นจือฮวนถูกตัดจนขาด
เลือดแดงสดพุ่งกระฉูดในทันที เย้นจือฮวนเจ็บจนกุมแขนที่ขาดไว้แล้วดิ้นทุรนทุรายบนพื้นอย่างน่าเวทนา
“อ๊า!อ๊าก! เจ็บ อ๊าก!”
เธอส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา ได้รับความเจ็บปวดและความหวาดกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนในชั่วชีวิตนี้
แขนเธอขาดแล้ว
ขาดแล้ว
ถูกคนตัดแขนให้ขาด
เธอเป็นคุณหนูที่สง่างามน่าเกรงขามของตระกูลเย้น คาดไม่ถึงว่าแขนจะขาดไปข้างหนึ่ง จากนี้ไม่ใช่ว่าเธอจะกลายเป็นคนพิการแล้วอย่างนั้นหรอกหรือ?
สมองเย้นจือฮวนเห็นแจ้ง เบื้องหน้ามีเลือดที่ไหลขึ้นฉับพลัน สักพักหนึ่งก็หมดสติเพราะความเจ็บปวดไป
กู้จื่อเฟยมองฉากภาพเบื้องหน้าอย่างมึนงง ทว่าสติยังไม่กลับมาจากความหวาดผวา
คราวนี้ เงาของร่างสูงใหญ่ เดินเข้ามาจากนอกประตูอย่างรีบร้อน
เขาแผ่ไอสังหารออกมาทั่วร่างอย่างน่าหวาดกลัว เสมือนปีศาจชั่วร้ายที่เดินขึ้นมาจากขุมนรก
บอดี้การ์ดสองคนที่คุมตัวกู้จื่อเฟยไว้ มองเห็นเย้นจือฮวนถูกตัดแขนขาดในระยะประชิด พวกเขามองไปยังคนที่ลงมือด้วยความโกรธแค้นทันที ตอนที่มองเห็นหน้าตาของเขาชัดเจนแล้ว กลับตัวสั่นระริก
พวกเขาเอ่ยด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา “นะ นายน้อย……”
“ผัวะ! ผัวะ!”
พูดยังไม่ทันจบ เย้นโม่หลินก็พุ่งไปด้านหน้าพวกเขาแล้ว ถีบพวกเขาสุดแรงเกิดจนล้มลง
กู้จื่อเฟยที่สูญเสียการควบคุม และสูญเสียแรงประคองร่างกายไป จึงล้มลงพื้นตามไป
จากนั้น เธอก็ล้มลงในอ้อมกอดกว้างของคนคนหนึ่ง
ลมหายใจเย็นเฉียบของชายหนุ่มชั่วพริบตาก็ห่อหุ้มเธอไว้ กลับทำให้จิตใจเธอสงบอย่างฉับพลัน
เธอจ้องมองเขา เบ้าตาที่แห้งผากก็ชื้นแฉะขึ้นในชั่วพริบตา
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าเย้นจือฮวนจะทารุณหรือทุบตีเธออย่างไรก็ไม่หลั่งน้ำตาเลย ตอนนี้แค่เห็นเย้นโม่หลิน เธอก็กลับรู้สึกอยากจะร้องไห้
เย้นโม่หลินเห็นร่างกายของกู้จื่อเฟยที่มีแต่เลือด ก็โกรธจนแทบบ้า
ความดุร้ายที่ไม่เคยมีมาก่อนในทรวงอก ทำให้โกรธจนอยากฉีกทุกคนที่อยู่ในนี้ออกเป็นชิ้นๆ
ทว่าเขากลับโอบกอดเธอไว้จนไม่รู้จะวางมือไม้ไว้ที่ไหน รักเธอสุดหัวใจจนแทบจะหายใจไม่ออก
เขาจ้องมองเธอตรงๆ น้ำเสียงกำลังสั่นเครือเล็กน้อย
“กู้จื่อเฟย เธอ เธอยังโอเคอยู่ไหม?”
“……ไม่โอเค”
น้ำเสียงกู้จื่อเฟยแหบแห้งและนุ่มละมุน เสมือนเหลือเรี่ยวแรงเพียงเล็กน้อยแล้ว
เธอสะอึกสะอื้นอย่างน้อยใจ “ฉันถูกรังแกจนถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณเพิ่งจะมา?”
หัวใจของเย้นโม่หลิน เจ็บปวดเหมือนถูกคนบีบให้แหลกละเอียดในทันที
เขาโอบกอดเธออย่างสั่นเทา มองดูเลือดที่อยู่ตามร่างกายเธอ มีแต่บาดแผลทั่วไปหมด ทำให้ไม่กล้าแตะต้องตัวเธอเลย
กลัวว่าจะแตะโดนบาดแผลทำให้เธอยิ่งเจ็บ
น้ำเสียงเขาทุ้มต่ำลงมาก เต็มไปด้วยการตำหนิตัวเอง “ขอโทษ ขอโทษนะ ฉันมาช้าไป”
มาช้าไป
เลยทำให้เธอได้รับบาดเจ็บมากขนาดนี้
สวรรค์รู้ดีว่าเสี้ยววินาทีที่เขาพุ่งเข้ามา ตอนที่เห็นมีดสั้นเล่มนั้นหันทิ่มแทงไปยังลูกตาของกู้จื่อเฟยนั้น เขาหวาดกลัวมากแค่ไหน
เขาไม่กล้าคิดว่าหากเขาในตอนนี้เขาสูญเสียผู้หญิงคนนี้ไป เขาจะเป็นอย่างไร
กู้จื่อเฟยมองเย้นโม่หลินด้วยสายวูบไหว รู้สึกเพียงความเจ็บปวดบนร่างกายยิ่งรุนแรงขึ้น จนทำให้เธอน้อยใจแทบไม่ไหว
ริมฝีปากเธอขมุบขมิบ เอ่ยปากอย่างยากลำบาก
“คุณจะชดใช้ให้ฉันยังไง?”
ชดใช้เหรอ?
เย้นโม่หลินมองดูกู้จื่อเฟยในสภาพนี้ แทบอยากจะมอบโลกทั้งใบให้เธอ
เขาค่อยๆ เอ่ยทีละคำ กระทั่งน้ำเสียงสั่นก็เครือเล็กน้อย “ขอเพียงเธอต้องการ ฉันก็ให้ได้หมด”
เขามอบให้เธอได้ทั้งหมด
มุมปากกู้จื่อเฟยยกยิ้ม เอ่ยยิ้มด้วยน้ำเสียงเบาบาง
“งั้นฉันต้องการคุณ……”
“ได้”
เย้นโม่หลินตอบโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย