เย้นโม่หลินไม่เคยปฏิบัติกับคนในครอบครัวแบบนี้มาก่อนเลย ครั้งนี้มันโหดร้ายเกินไปจริงๆ
แต่พอนึกถึงสภาพกู้จื่อเฟยที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดแบบนั้นแล้ว กงจืออวีก็ไม่หลงเหลือความเห็นอกเห็นใจอีกต่อไป
กู้จื่อเฟยเป็นยอดดวงใจของลูกชายเธอ เป็นว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอ จะเป็นภรรยาของนายน้อย และจะเป็นนายหญิงของตระกูลเย้นในอนาคต
แต่ เย้นจือฮวนกลับกล้าลงมือทำร้ายเธอ นี่เท่ากับท้าทายกฎของตระกูลเย้น หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ
ถึงแม้จะเป็นญาติ ก็ไม่ควรทำร้ายคนในครอบครัวเดียวกัน
สายตาของกงจืออวีเย็นชา พูดอย่างไม่ไยดีว่า
“ปล่อยให้เธอรออยู่ข้างนอกนั่นแหละ และอย่าให้เธอเข้าไปหาเย้นจือฮวนด้วย บอกเธอว่าเย้นจือฮวนทำความผิดร้ายแรง ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ปล่อยให้หล่อนได้ทบทวนตัวเองดูบ้าง ไม่เช่นนั้น จะพลอยติดร่างแหไปด้วย”
บอดี้การ์ดได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกตกใจไม่น้อย
หากเป็นนายน้อยทำเช่นนั้นกับเย้นจือฮวนยังพอเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะโกรธที่ทำร้ายผู้หญิงของเขา แต่ใครจะไปคิดว่านายหญิงที่ยุติธรรมและรักเสมอมา กลับเข้าข้างนายน้อยอย่างเต็มที่ ไม่เห็นแก่หน้าของคุณหญิงสามเอาเสียเลย
คราวนี้เย้นจือฮวนถึงทางตันแล้ว
บอดี้การ์ดรับคำสั่งออกไป ถ่ายทอดคำพูดของกงจืออวีให้เย้นซิวหย่าได้ฟัง
เย้นซิวหย่าราวกับโดนฟ้าผ่า ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อเลย
เธอคิดไม่ถึงเลยว่า เธอเป็นถึงคุณหญิงสาม แต่ไม่มีความหมายอะไรเลย แม้แต่ประตูก็ไม่ให้เธอเข้า
ความโกรธ ความอับอาย ได้พุ่งทะยานไปถึงขีดสุด
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับความอับอาย จากตระกูลเย้น
“แม่คะ แม่….หนูเจ็บเหลือเกิน ช่วยหนูด้วย ช่วยหนูด้วย….”
เย้นจือฮวนร้องไห้ไปตะโกนไป เสียงร้องขอให้ช่วยแหบแห้งลง
เย้นซิวหย่ารู้สึกกระวนกระวายใจ ชะเง้อมองเข้าไปในอาคารหลังเล็ก แต่เข้าไปไม่ได้
เธอกัดฟัน “เย้นโม่หลินเมื่อไหร่จะออกมาสักที?”
บอดี้การ์ดส่ายหน้า “ไม่ทราบครับ”
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะออกมา เย้นจือฮวนต้องคุกเข่าอยู่ที่นี่ถึงเมื่อไหร่กัน
ร่างกายของเธออ่อนแรงขนาดนั้น จะไปทนไหวได้อย่างไร ที่แขนก็ยังมีเลือดไหลอยู่ด้วย
เย้นซิวหย่าใกล้จะบ้าตายแล้ว
แต่ว่าเวลานี้ พระอาทิตย์ยังคงส่องแสงอยู่ อุณหภูมิที่ร้อนจัด ยังคงแผ่กระจายมาต่อเนื่อง
เย้นจือฮวนที่อยู่ท่ามกลางแสงแดดอยากตายแล้ว
เปียกปอนไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหงื่อหรือเลือดกันแน่
คนอื่นๆที่อยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไร
พวกเขาต่างก็มีส่วนเกี่ยวข้อง และถูกเย้นโม่หลินกักตัวเอาไว้ที่นี่ ราวกับว่ารอให้เย้นโม่หลินออกมาจัดการพวกเขาเพื่อเป็นการไถ่บาป
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงยืนนิ่งกันทุกคน ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะกางร่มออกมา
คนกลุ่มนั้นตากแดดจนเหงื่อท่วม ราวกับมะเขือที่เปียกปอน ทุกข์เกินกว่าจะพูดออกมา
ไม่รู้ว่าคอยมานานแค่ไหน
เย้นซิวหย่าเหงื่อท่วมทั้งตัวและรู้สึกอึดอัด เมื่อหัวใจหล่อนกำลังจะแตกสลายเพราะคิดว่าลูกสาวของตัวเองกำลังจะตายในที่สุดเย้นโม่หลินก็เดินออกมาจากอาคารหลักอย่างช้าๆ
เย้นซิวหย่าไม่ทันได้ปาดเหงื่อที่หน้า รีบตรงเข้าไปหาเย้นโม่หลินทันที
“เสี่ยวโม่ หลานรีบปล่อยตัวน้องสาวเร็วเข้า ขืนรอต่อไป มีหวังหล่อนคงไม่รอดแน่”
“พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน สายเลือดเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้นี่”
“น้องสาวของหลานสำนึกผิดแล้ว เธอคงไม่กล้าทำอีก หลานเป็นพี่ชาย ให้อภัยน้องสักครั้งจะได้ไหม?”
เย้นโม่หลินเดินมาหยุดที่หน้าประตู มองหน้าเย้นซิวหย่าแบบไร้อารมณ์
เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า
“คุณป้าสามครับ ข่าวลือที่ว่ากู้จื่อเฟยเป็นดาวอับโชคนั้น ป้าเป็นคนสั่งให้ปล่อยออกไปใช่ไหมครับ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น หน้าของเย้นซิวหย่าเปลี่ยนสีทันที
เธออึ้งไปชั่วขณะ แล้วรีบแก้ต่างว่า
“เสี่ยวโม่ หลานเข้าใจผิดแล้วล่ะ? ป้าไม่ได้ทำนะ ป้าสามจะทำเรื่องแบบนั้นได้อย่างไรกัน?”
“พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน หลานคิดดูสิตอนเด็กๆ ป้าสามรักหลานมากแค่ไหน หลานอย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยปล่อยฮวนฮวนก่อนเถอะนะ?”
สายตาของเย้นโม่หลินยังคงเย็นชา มองหน้าเย้นซิวหย่าที่ยังคงเป็นห่วงเย้นจือฮวนอยู่
เขาให้คนไปสืบมาเรียบร้อยแล้ว พอกู้จื่อเฟยมาอยู่ที่บ้านตระกูลเย้น ก็ถูกใส่ร้ายว่าเป็นดาวอับโชค เพราะเย้นซิวหย่าเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลัง ให้คนกระจายข่าวนี้ออกไป
เคราะห์กรรมที่กู้จื่อเฟยได้รับ ล้วนแต่เป็นฝีมือของเย้นซิวหย่าทั้งนั้น
พวกเขาสองแม่ลูก คนหนึ่งปล่อยข่าวลือ อีกคนลงมือทำร้ายกู้จื่อเฟยขนาดนั้น ยังคิดจะใช้ความเป็นญาติหาประโยชน์เข้าตัวอีกหรือ?
คนอย่างเขาเย้นโม่หลิน ไม่ใช่คนใจอ่อนแบบนั้น
เย้นโม่หลินเดินผ่านหน้าเย้นซิวหย่า และมองเย้นจือฮวนในสภาพกึ่งศพด้วยสายตาเย็นชา
กล่าวว่า
“ใครที่กล้าแตะต้องคนของผม ก็ต้องได้รับการตอบแทนที่สาสม เย้นจือฮวนได้ทำร้ายร่างกายกู้จื่อเฟยทั้งหมด 32 ที่ ทำหล่อนกระดูกหักไป 5 ชิ้น ก็สมควรจะต้องชดใช้แบบนั้นแล้วล่ะ”
เมื่อสิ้นเสียงเย้นโม่หลิน บอดี้การ์ดร่างสูงใหญ่ 4 คนเดินออกมาจากข้างหลังเขาทันที และเดินตรงไปยังเย้นจือฮวนด้วยท่าทางแข็งขัน
เย้นจือฮวนตัวสั่นเทาด้วยความกลัวทันที กรีดร้องจนสุดเสียง
“แม่คะ ช่วยหนูด้วย แม่คะ ช่วยหนูด้วยค่ะ ช่วยหนูด้วย…..”
เธอส่งคนไปลอบทำร้ายกู้จื่อเฟย แต่ตอนนั้นสุขภาพของกู้จื่อเฟยค่อนข้างแข็งแรง ถูกทำร้ายขนาดนั้นแต่ก็ยังไม่ถึงแก่ชีวิต
ส่วนตัวเธอในตอนนี้แทบจะเป็นซากศพอยู่แล้ว ขืนโดนซ้อมอีกละก็ คงตายคาที่แน่?
นี่มันยุติธรรมตรงไหน มันเป็นสองเท่าชัดๆ
เย้นซิวหย่าก็ตกใจหวาดผวาเช่นกัน คิดไม่ถึงเลยว่าที่เธอตั้งตารอคอยให้เย้นโม่หลินออกมา เพื่อให้มาทำร้ายเย้นจือฮวนเช่นนี้
นี่เขาต้องการฆาตกรรมเย้นจือฮวนชัดๆ
เธอรีบร้อนพุ่งไปตรงหน้าของเย้นจือฮวน ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาเอาหล่อนหลบไว้ด้านหลัง
เธอตะโกนสุดเสียงว่า “เสี่ยวโม่ อย่าทำแบบนี้เลย ฮวนฮวนแขนหักไปแล้ว บาดเจ็บถึงขนาดนี้แล้ว หล่อนคงทนไม่ไหวแล้วถ้าจะถูกซ้อมอีก ตายแน่ๆ
หลานปล่อยน้องไปเถอะนะ ป้าสามขอร้องล่ะ ปล่อยน้องไปจะได้ไหม? ไว้ชีวิตน้องสักครั้งเถอะนะ”
เย้นซิวหย่ายอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเอง อ้อนวอนหลานชายด้วยความกลัวสุดขีด
แต่ คนอย่างเย้นโม่หลินไม่ใช่นายน้อยที่ใจอ่อน
เขาออกคำสั่งทันที “ลากออกไป”
บอดี้การ์ดรีบก้าวเดินหน้า ลากตัวเย้นซิวหย่าออกไป
ตามด้วย บอดี้การ์ดอีก4คนเข้ามา รุมต่อยเตะเย้นจือฮวนอย่างไร้ความปรานี
ฉากที่เห็นตรงหน้าเลือดสาดน่ากลัวเหลือเกิน
“โอ้ย! โอ้ย! ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย…..”
เย้นจือฮวนกรีดร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด แต่ไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้ ไม่มีใครเลย
เธอรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดทุกที่บนร่างกายอย่างชัดเจน การเตะแต่ละครั้ง หมายจะเอาชีวิตของเธอไป
“ฮวนฮวน ฮวนฮวน!”
เย้นซิวหย่าถูกจับตัวไว้ไม่สามารถเข้ามาได้ เห็นเย้นจือฮวนถูกทำร้ายอยู่ต่อหน้าต่อตา ดวงตาของเธอทนไม่ได้แทบทะลักออกมา
เธอคาดไม่ถึงเลยว่าเย้นโม่หลินจะทารุณโหดร้ายถึงเพียงนี้
เพียงเพราะต้องการแก้แค้นให้กู้จื่อเฟย
ถ้ารู้แต่แรก เธอคงไม่เชื่อคำพูดยุยงของเย้นจือฮวนให้ใส่ร้ายป้ายสีกู้จื่อเฟย เพื่อให้หล่อนถูกขับไล่ออกจากบ้านหรอก
ทีแรกถ้าเธอไม่วางแผนชั่วร้าย คิดจะยัดเยียดเจียงเป้ยนีให้กับเย้นโม่หลิน ก็คงไม่ต้องทุกข์ทรมานในวันนี้
เย้นจือฮวนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วยังถูกซ้อมเช่นนี้ ยังมีชีวิตรอดได้อีกหรือ?
เธอไม่กล้าจะคิดเลย
ตอนนี้ เจียงเป้ยนีปลีกตัวออกมาจากกลุ่มคนอย่างรีบร้อน วิ่งเข้ามาหาเย้นโม่หลินตรงหน้า