สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 117 ลอบวางเพลิง
เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านได้ยินอย่างนั้นก็พลันตื่นตระหนกยิ่ง!
เขาชี้หน้าเฉินผิงอันพร้อมตะโกนสาปแช่ง “เหิมเกริมขี้นทุกวัน! นางหยุนทิ้งสมบัติมากมายไว้ให้แต่เจ้ากลับโปรยเล่นราวกับดอกไม้! ทั้งยังไปกู้ยืมมาเล่นพนันจนต้องขายลูกชายใช้หนี้! ยังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่!”
แม้เฉินผิงอันจะทําผิด เขาก็รู้สึกไม่พอใจที่ต้องโดนต่อว่า แต่เนื่องจากยังต้องพึ่งพาหัวหน้าหมู่บ้านอยู่เขาจึงทําได้เพียงกัดฟันอดทนเท่านั้น
หลินชวนฮวาทําได้เพียงเกลี้ยกล่อมสามีและพูดว่า “แม้จะไม่ชอบก็จงอดทนไว้! หากพวกเจ้าหนี้มาถึง เฉินเอ๋อก็อาจถูกพาตัวไปได้ ส่งตัวเขาให้อยู่กับพี่สาวจะดีกว่า…. อย่างน้อยก็ทําให้อยู่กับเราได้นานขึ้น”
หัวหน้าหมู่บ้านรู้ดีว่าหยุนเถียนเถียนกําลังคิดอะไรอยู่ เพราะเด็กสาวต้องการให้น้องชายหลุดพ้นจากความทุกข์ และเมื่อหลินชวนฮวามาขอยืมเงิน นางจึงออกอุบายเสนอให้ขายลูกชายทันที
เมื่อคราที่เฉินเฉินหมดสติลงมาจากภูเขาและเข้าพักในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน เขาถอดเสื้อผ้าให้เด็กน้อยและพบว่ามีร่องรอยบาดแผลมากมาย อีกทั้งร่างกายยังซูบผอมมีเพียงกระดูกโผล่พ้นผิวหนัง
เฉินเฉินเป็นเด็กอายุเจ็บขวบ แต่ร่างกายกลับซูบผอมกว่าเด็กวัยห้าขวบในหมู่บ้านเดียวกันเป็นอย่างมาก! เป็นไปได้ว่าครอบครัวเฉินไม่เคยดูแลหรือใส่ใจเด็กน้อยผู้นี้เลย
“ผิงอัน! ในเมื่อเจ้าตัดสินใจทุกอย่างถี่ถ้วนแล้วก็จงลงนามในสัญญาการซื้อขายเสียและข้าจะเป็นพยานให้! แต่หากเจ้าขายลูกไปแล้วก็จะไม่มีวันเรียกร้องคืนได้แม้จะเสียใจในอนาคต! พวกของหลงเยวจะมาเมื่อไหร่?”
เฉินผิงอันตอบด้วยใบหน้าเย็นชา “พรุ่งนี้แล้ว!”
หัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจ “พรุ่งนี้ก็คือพรุ่งนี้ ยังมีเวลาคิดอีกหนึ่งวัน หากเจ้าขายลูกชายคนนี้ไปแล้วจริง ๆ แม้จะอยากได้เขาคืนเพียงใดก็จะไม่มีสิทธิ์ และทุก ๆ การตัดสินใจเกี่ยวกับเฉินเฉินถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ของเถียนเถียนผู้เดียว!”
เฉินผิงอันถามด้วยความโกรธเคืองทันที “แต่ไม่ว่าอย่างไร เด็กนั้นก็ไม่กลับมาหาเราอยู่ดี! ขายเขาเพื่อแลกเงิน ยังดีกว่าปล่อยให้พวกเจ้าหนี้มาหักขาข้าไปไม่ใช่หรือ? ข้าทั้งสองให้กําเนิดและเลี้ยงเขามาจนเติบใหญ่ การขายเขาเพื่อใช้หนี้ก็นับว่าเป็นบุญคุณที่ข้าต้องได้รับไม่ใช่หรือไร?”
แม้ชายผู้นี้จะเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน แต่เขาก็ไม่ใช่ญาติผู้ใหญ่ของตระกูลเฉินจึงไม่มีสิทธิ์พูดอะไรมากนัก ยิ่งไปกว่านั้น หากเกิดเรื่องฟ้องร้องระหว่างบิดาผู้ให้กําเนิดและลูกก็อาจเป็นเรื่องใหญ่จนไปถึงหูท่านผู้เฒ่า เมื่อถึงเวลานั้นคงไม่ง่ายที่จะรับมือ แน่นอนว่าเรื่องราวทุกอย่างจะยิ่งไปกันใหญ่!
เด็กที่ถูกทารุณอย่างหนักกําลังจะถูกขาย หัวหน้าหมู่บ้านจึงต้องรีบตัดสินใจเพราะหากปล่อยให้เรื่องนี้ไปถึงหูท่านผู้เฒ่าคงไม่ดีแน่
“เอาล่ะ หากพวกเจ้าหนี้มาในวันพรุ่งนี้ก็จงพามาหาข้า! แต่เจ้าจงไตร่ตรองให้ดีและจําไว้ว่าหากตัดสินใจอะไรแล้ว ย่อมไม่มีวันแก้ไขได้!”
เฉินผิงอันพยักหน้ารีบและหันหลังกลับด้วยคิดที่จะจากไป
ทันใดนั้น หัวหน้าหมู่บ้านจึงพูดขึ้นด้วยเสียงดังฟังชัด “จงแต่งงานกับหญิงที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม! ดูเถิด… ตั้งแต่แต่งงานกับหญิงผู้นี้ชีวิตของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? แม้ในสายตาเจ้านางจะเป็นหญิงที่อ่อนโยนและดีงาม แต่เจ้าควรฟังสิ่งที่ผู้อื่นเตือนด้วย!”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลินชวนฮวาจ้องมองหัวหน้าหมู่บ้านด้วยความขุ่นเคืองใจทันที
เพื่อไม่ให้เฉินผิงอันคิดมาก หลินชวนฮวาจึงรีบก้าวเข้าไปคว้าแขนของเขาพร้อมกล่าวคํา “กลับกันเถิด กลับไปคํานวณถึงหนี้สินที่เราต้องจ่ายในวันพรุ่งนี้กันดีกว่า”
เฉินผิงอันก้มศีรษะลงและเดินออกไปอย่างเชื่อฟัง เขาไม่ได้ใส่ใจต่อคําพูดของหัวหน้าหมู่บ้านเลย! เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วหัวหน้าหมู่บ้านได้แต่ส่ายหัวด้วยความเวทนา!
แม้เฉินผิงอันจะติดพนัน แต่ในเวลานี้เขากักขังผีพนันในใจไว้แน่นเพราะยังคงเป็นกังวลต่อสิ่งที่กําลังจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เช่นนี้เขาจึงเลือกที่จะไม่ไปบ่อย..
เฉินผิงอันครอบครองหลินชวนฮวาได้เพียงกาย แต่ใจของนางยังคงกังวลถึงเย่วชิวไฉที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาเทพธิดา อีกทั้งในตอนนี้นางยังไม่สามารถหาเวลาออกไปพบเขา
แม้เฉินผิงอันจะยืนยันอย่างหนักแน่นว่าต้องการขายเฉินเฉิน ทว่าภายในใจของเขากลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เฉินเฉิงเยี่ยไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ด้วยซ้ำ หากเขาแก่ตัวไปจะสามารถไว้ใจเฉินเฉิงเยี่ยได้จริงหรือ?
“ชวนฮวา ปีหน้าเฉินเฉิงเยี่ยจะได้รับการเลื่อนขั้นจริง ๆ หรือ?”
หลินชวาฮวาที่ยังคงพะวงถึงชายผู้เป็นที่รักตอบกลับด้วยน้ำเสียวนุ่มนวล “สามี ไม่ต้องกังวล ข้าได้ยินเฉิงเยี่ยบอกว่าขุนนางชื่นชมเขาเป็นอย่างมาก ปีหน้าหลังจากที่ได้ ร่ำเรียนวิชาจนเก่งแล้วลูกก็จะเข้าสอบเลื่อนขั้นทันที”
คําพูดของหลินชวนฮวาทําให้เฉินผิงอันมั่นใจมากขึ้น ตอนนี้เขาฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ลูกเลี้ยงและรู้สึกว่าเฉินเฉินนั้นไร้ประโยชน์ยิ่งกว่าเดิม!
หลังจากทําอาหารเย็นเสร็จ หลินชวนสบโอกาสและแอบไปที่ภูเขาเมื่อเฉินผิงอันหลับ
ทันทีที่มาถึง ทั้งสองร่วมรักกันอย่างมีความสุข จากนั้นหลินชวนฮวาจึงเอนกายลงในอ้อมแขนของเย่วชิวไฉและจ้องมองดวงดาวบนท้องฟ้าด้วยความอิ่มเอม!
“สามีข้า… พรุ่งนี้หลังจากได้เงินแล้วเราจะหนีไปด้วยกัน แต่ระหว่างนี้ ข้าอยากให้เจ้าช่วยเตรียมพื้นไว้ ก่อนจากไปเราต้องแก้แค้นนังเด็กขี้ครอกนั้นเสียก่อน ข้าจะเผาบ้านนางเสีย… เพราะหากไม่มีนางชีวิตของข้าคงไม่เป็นเช่น
เย่วชิวไฉลูบหัวนางพร้อมพูดเบา ๆ “ไม่ต้องห่วง ข้าจะเตรียมทุกอย่างให้พร้อม! ไม่เพียงแก้แค้นนังเด็กนั่น แต่ข้าต้องเอาคืนเจิ้นผิงอันด้วย!”
หลินชวนฮวาหันขวับด้วยความตกใจ “เฉินผิงอันเป็นผู้ใหญ่ เขาจะตายตกเพียงเพราะสําลักควันได้หรือ? ชิวไฉ… ข้าว่าคงจะดีไม่น้อยหากเราจุดไฟเผาเขาทั้งเป็นและแสร้งทําราวกับว่าเป็นอุบัติเหตุ… ทว่าหากเราเผาทั้งสองบ้านข้าเกรงว่าจะวุ่นวายกันไปทั้งเมือง!”
เย่วชิวไฉผลักหลินชวนฮวาออกด้วยความหงุดหงิด “อะไรนะ? เจ้าไม่อยากทําอย่างนั้นหรือ? เจ้าทุกข์มานานหลายปีตลอดเวลาที่อยู่กับมัน แต่เจ้ากลับลังเลใจ เอาเป็นว่าข้าจะยอมปล่อยมันไปก็ได้!”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตจนทําให้หลินชวนฮวาสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
“ข้ามิใช่ไม่ยินยอม…ข้าเพียงกลัวว่าเจ้าจะเดือดร้อน!”
เย่วชิวไฉถอนหายใจอย่างเย็นชา “ในเมื่อตั้งใจจะฆ่าอยู่แล้ว เหตุใดต้องกลัวเดือดร้อน? หลินชวนฮวา… ทางเดียวที่จะทําให้ผู้คนลืมว่าเจ้าเคยเป็นเมียใครคือการทําให้ชาวผู้นั้นหายไป! เข้าใจไหม? ข้าทําทั้งหมดก็เพื่อเจ้า!”
หลินชวนฮวาใจเต้นทันที่ที่ได้ยิน ดูหมือนว่าเย่วชิวไฉจะต้องการมีชีวิตใหม่ที่ดีกับนางจริง ๆ สิ่งที่นางรอคอยมาตลอดหลายปีไม่เสียเปล่าเลยแม้แต่น้อย!