ตอนที่ 124 สอบสวน
เฉินเฉิงเยี่ยนั่งลงพร้อมเอามือกุมศีรษะอย่างทําอะไรไม่ถูกแม้เขาจะไม่ต้องการไปจากที่นี่แต่ก็ดูเหมือนไม่มีทางเลือ กอีกแล้ว
สุดท้ายแม้ไม่เต็มใจ แต่เขาก็เลือกที่จะติดตามหลินชวนฮวาเพื่อหนีออกจากเมืองนี้ไปเฉินเฉิงเยี่ยไม่กล้าแม้แต่จะมองโรงเรียนของตนเป็นครั้งสุดท้าย…
น่าเสียดายที่หลงเยว่และพรรคพวกซุ่มรออยู่ตรงทางเข้าตรอก ทั้งหมดพุ่งเข้าจับกุมพวกเขาทันที!
เมื่อเห็นว่าเย่วชิวไฉและหลินชวนฮวาเป็นคนที่เจ้านายต้องการตัว พวกเขาจึงจับทั้งสองมัดไว้ด้วยกันส่วนเฉินเฉิงเยี่ย ถูกมัดแยกแต่เพราะหลงเยว่ไม่ได้บอกว่าให้จับใครไปบ้างดังนั้นพวกเขาจึงจับทั้งสามไปด้วยกัน!
คนหนึ่งถูกมัดแยก อีกสองคนถูกมัดเข้าด้วยกัน
ทั้งสามถูกพาตัวมาจนถึงที่นั่งให้ปากคําของสํานักราชการ เย่วชิวไฉและหลินชวนฮวาตะโกนโวยวายตลอดทาง แต่ก็ถูกเหล่าลูกน้องของหลงเยวตักเตือนจึงค่อย ๆ เงียบ ไปในที่สุด
เมื่อมาถึงสํานักนักราชการทั้งสองก็เหนื่อยหอบราวกับ กวางกระหายน้ําดังนั้นผู้พิพากษาจึงยังไม่ได้ซักถามอะไรและปล่อยให้ทั้งสองพักผ่อนสักครู่
ผู้พิพากษาส่งคนไปเชิญหยุนเถียนเถียนและจี้ชื่อทันที
หลงเยว่ต้องการพบหยุนเถียนเถียนมาก ดังนั้นหลังจากที่ได้รับข่าวสารจากลูกน้องว่าจับทั้งสองได้แล้วเขาก็รีบรุดมายังสํานักราชการทันที!
หยุนเถียนเถียนรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ได้พบหลงเยว่ในสํานักงานราชการ
หลงเยวยิ้มออกมาโดยไม่ได้สนใจว่าหยุนเถียนเถียนกําลังจ้องมองเขาด้วยแววตาที่สับสนเพียงใด
“สาวน้อย…. เจ้าคับข้องใจสิ่งใดหรือ? เพราะท่านผู้พิพากษาขอให้ข้าช่วยเหลือเจ้า ข้าจึงช่วยเหลือ! หากไม่ใช่เพราะข้า ผู้ร้ายทั้งสองคงลอบกัดเจ้าและหนีไปได้ เช่นนี้แล้วคิดอยากจะตอบแทนข้าหน่อยไหม?”
หยุนเถียนเถียนกลอกตาโดยไม่ได้พูดอะไร หากเป็นนายน้อยหอื่นางอาจอยากตอบแทนเขาแต่เมื่อเป็นหลงเยว่นางกลับรู้สึกสะอิดสะเอียน
ผู้พิพากษามองทั้งสองด้วยท่าทีอึดอัด เขาทําได้เพียงไอออกมาเพื่อขัดจังหวะเท่านั้น
“เอาล่ะ พวกเจ้าจับผู้ร้ายทั้งสองคนมาได้อย่างไร?”
ชายร่างใหญ่ซึ่งเป็นผู้จับตัวทั้งสามมาได้ยิ้มและตอบว่า“เราจับพวกเขาได้ในตอนที่ทั้งสองกําลังเกลี้ยกล่อมลูกชายให้หนี้ไปด้วยกันเพราะเกรงกลัวต่อความผิด!”
ผู้พิพากษามองหยุนเถียนเถียนที่กําลังยืนอยู่อย่างใจเย็นก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “ไปเถิด พาสองคนนี้กลับไปยังหมู่บ้านของเจ้า”
“เนื่องจากเป็นการลอบวางเพลิง ข้าอยากให้ท่านส่งพวกเขาไปยังที่เกิดเหตุด้วย!”
นี่เป็นข้อแก้ตัวที่แยบยล แน่นอนว่าเมื่อผู้พิพากษาได้ยินเช่นนั้นก็ต้องช่วยเหลือนาง! เป็นการดีที่สุดที่จะทําให้เฉินเฉินหมดหวังในตัวหลินชวนฮวาผู้เป็นแม่และไม่ลัง เลที่จะตัดสัมพันธ์กับนาง!
ยิ่งไปกว่านั้น เหตุการณ์นี้จะทําให้ผู้เฒ่าในหมู่บ้านไม่บังคับให้นางแต่งงานอีกต่อไป
หยุนเถียนเถียนขึ้นไปบนรถม้าของผู้พิพากษาพร้อมกับงอยู่ในความเงียบ ขณะที่จี้ชื่อสั่นเทาเล็กน้อยด้วยความประหม่า เนื่องจากนางไม่เคยสัมผัสใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงเช่นนี้มาก่อน
ผู้พิพากษามองเถียนเถียนพลางนึกใจในว่า “แม้ใบหน้าของนางจะยังไม่โตเต็มวัยแต่ก็ยังงดงามและคงจะงดงามมากขึ้นเมื่อเติบโตไปในอนาคต! ดูไม่เหมือนหญิงชนบททั่วไปเอาเสียเลย!”
หลงเยวรู้สึกคุ้นเคยต่อไปหน้าของหยุนเถียนเถียนยิ่งนัก… เขาเคยอาศัยในเมืองหลวง และย้ายมายังเมืองเล็ก ๆ แน่นอนว่าเขาต้องรู้จักและคุ้นเคยกับ คนในสํานักราชวังเป็นอย่างดี
หญิงผู้นี้ช่างดูคล้ายคลึงกับขุนนางในเมืองหลวงยิ่งนัก หากเป็นเด็กสาวเจ้าปัญหาที่ถูกส่งมาดัดนิสัยจากเมืองหลวงในเวลานี้ก็คงได้รับบทเรียนไปไม่น้อย!”
หยุนเถียนเถียนและจี้ชื่อโชคดีมากที่ได้นั่งรถม้าของท่านผู้พิพากษาแต่เป็นโชคร้ายของทั้งสามคนที่ถูกจับตัว! เพราะมีเจ้าหน้าที่คอยคุ้มกันและผูกเชือกติดกับรถม้าเพื่อให้พวกเขาวิ่งตาม
เมื่อรถม้าเริ่มวิ่ง เหล่าเจ้าหน้าที่ก็ต่างออกวิ่งอย่างคล่องแคล่วแม้จะเป็นสิ่งที่ทําได้ยากแต่พวกเขาก็สามารถจัดการได้อย่างดี!
หลินชวนฮวา เย่วชิวไฉ และเฉินเฉิงเยี่ยช่างน่าสงสารพวกเขาเหนื่อยล้าจากการถูกจับตัวและพาไปยังสํานักราชการ ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องวิ่งเท้าตามรถม้าเพื่อกลับไปยังหมู่บ้านเทพธิดา
อย่างไรก็ตาม ศักยภาพของมนุษย์นั้นมีขีดจํากัด แต่หากพวกเขาหยุดวิ่งก็จะถูกรถมาลากไปกับพื้นซึ่งทําให้รู้สึกเจ็บยิ่งกว่าวิ่งด้วยเท้าเสียอีก!
อย่างไรก็ตามสามคนก็เหนื่อยหอบจนต้องล้มลุกคลุกคลานตลอดเส้นทาง!
เมื่อรถมาวิ่งเข้ามาถึงหมู่บ้าน ทั้งสามคนที่ถูกผูกติดอยู่ด้านหลังก็เป็นที่คุ้นเคยของคนในหมู่บ้าน เมื่อเห็นดังนั้นชาวบ้านก็ต่างกรูกันเข้ามายังลานกว้างแห่งหนึ่งเพื่อรับชมสถานการณ์ที่กําลังจะเกิด
หยุนเคอกําลังเล่นอยู่กับเฉินเฉิน แต่เมื่อได้ยินเสียงความวุ่นวายเขาจึงจูงมือเด็กน้อยออกมา
เป็นเวลากว่าหนึ่งวันแล้วที่หยุนเถียนเถียนเดินทางออกจากหมู่บ้านนี้ไป และเรื่องนี้ทําให้หยุนเคอเป็นกังวลอย่างมาก แต่เขาก็รู้ดีว่าหากเฉินเฉินอยู่ที่นี่ หญิงสาวจะกลับมา หาน้องชายอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นหนุนเถียนเถียนเดินลงมาจากรถม้า หยุนเคอถอนหายใจออกอย่างโล่งอก
เนื่องจากเป็นรถม้าขนาดใหญ่จึงสามารถบรรจุคนได้เยอะ ไม่เพียงแต่หยุนเถียนเถียนที่เดินลงมาแต่ยังมีจี้ชื่อและหลงเยวด้วย! หลังจากที่ทั้งหมดลงจากรถม้า ใบหน้าอันยิ้มแย้มของหลงเยว่ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันทีและแสร้ง ทําเป็นผู้พิพากษาที่แสนจะจริงจัง!
หยุนเถียนเถียนรีบวิ่งไปหาเฉินเฉินทันที ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้จิตใจของเด็กอ่อนไหวมาก และนางก็รู้ดีว่าควรเอาใจใส่ต่อน้องชายให้มาก
แต่การเคลื่อนไหวของหยุนเถียนเถียนทําให้หลงเยว่รู้สึกสะดุดตาต่อหยุนเคอที่ยืนอยู่
แม้หนวดเคราบนใบหน้าของหยุนเคอจะสามารถปกปีดการแสดงสีหน้าของเขาแต่เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่สา มารถปกปิดคิ้วที่กําลังขมวดอยู่ได้
หลงเยวขมวดคิ้วเพื่อแสดงความขุ่นเคือง อย่างไรก็ตามหยุนเคอก็มองมาที่เขาด้วยแววตาแห่งความสงสัยเช่นกันหลงเยว่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากระงับความ สงสัยไว้ในใจ และคิดว่าจะต้องสืบหาอย่างรอบคอบเพราะเขารู้สึกว่าชายผู้นี้ต้องไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแน่!
หยุนเคอรู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่อสบตาหลงเยว่ “เหตุใดชายผู้นี้จึงมานังหมู่บ้านเทพธิดา? เป็นไปได้ไหมว่าผู้ที่อยู่เหนือกว่าสั่งให้เขาทําเช่นนี้?” โชคดีที่เมื่อหลายปีผ่านไป วิชามวยจีนและออร่าพลังของเขาได้เสื่อมสภาพลง อีกทั้งยังมีหนวดเขา รุงรังเต็มใบหน้าจึงทําให้หลงเยว่ไม่สามารถจําเขาได้!
หยุนเสียนเถียนจูงมือเฉินเฉินมายังลานกว้าง เด็กน้อยผู้ชาญฉลาดมองแม่ของตนด้วยใบหน้าเรียบเฉยดูเหมือนว่าในตอนนี้ความเหนื่อยล้าและความน่าสงสารของผู้เป็นแม่ไม่อาจส่งผลต่อความรู้สึกของเขาได้อีกต่อไปแล้ว
ผู้พิพากษานั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าได้รับแจ้งว่ามีคนลอบวางเพลิงในหมู่บ้านเทพธิดา! ข้าจีงมาที่นี่เพื่อทําการตรวจสอบและพาตัวผู้ต้องสงสัยมาด้วยหยุนเถียนเถียน… นี่คือบ้านของเจ้าที่ถูกไฟไหม้อย่างนั้น หรือ?”
หยุนเถียนเถียนพยักหน้า “ไม่ใช่เพียงแต่บ้านข้า แต่ยังมีบ้านของเฉินผิงอันที่ถูกลอบวางเพลิงด้วยเช่นกัน! ขณะที่ไฟกําลังลุกไหม้มีเพียงหลินชวนฮวาเท่านั้นที่หายตัวไป เป็นไปได้ไหมว่านางเป็นคนลงมือจึงเร่งร้อนหนีเพราะกลัวความผิด!”