ตอนที่ 127 ยื่นข้อเสนอ
เนื่องจากเจ้าหน้าที่คุ้มกันรับเงินสินบนจากเฉินเฉิงเยี่ย จึงพยายามโน้มน้าวหยุนเถียนเถียนอย่างสุดความสามารถ “ข้าคิดว่าเขาน่าจะอยากพบแม่นางหยุนยิ่ง เช่นนั้นโปรดไปพบเขาหน่อยเถิด ตอนนี้เขาถูกมัดแน่นหนาและยังมีพวกเราคอยคุ้มกัน จะไม่มีปัญหาใดแน่นอน!”
แต่หยุนเคอกลับจ้องมองพวกเขาด้วยความเคลือบแคลงใจ อีกฝ่ายจึงยิ่งร้อนรนเพราะรู้สึกได้ว่าหยุนเคอกําลังจับผิดพวกเขาอยู่!
“อ่า… ไม่เป็นไรหรอก ไปคุยกับเขาสักหน่อยก็ดี!”
เมื่อกล่าวจบ เถียนเถียนจึงเดินตามเจ้าหน้าที่ไปจนถึงทางเข้าห้องโถงบรรพบุรุษ
ไม่มีใครต้องการให้ฆาตกรเข้ามาอาศัยในบ้านของพวกเขา ดังนั้นสถานที่ที่ทั้งสามผู้ร้ายอยู่ได้คือห้องโถงบรรพบุ
รุษเท่านั้น!
เมื่อหยุนเถียนเถียนมาถึงก็พบกับเฉินเฉิงเยี่ยซึ่งถูกมัดมือไว้อย่างแน่นหนา กําลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น
“เจ้าอยากพบข้างั้นหรือ อยากกล่าวอันใดจงพูดมา!”
เฉินเฉิงเยี่ยหันหน้ามองหญิงผู้นี้ด้วยแววตาแห่งความตื่นกระหายพลางคิดในใจ หากรู้ว่านางจะงดงามถึงเพียงนี้ ข้าคงเก็บนางไว้เป็นเมีย! การได้รับการยอมรับว่าเป็นขุนนางจะมีประโยชน์อะไร? เมื่อเทียบกับการได้โอบกอดสตรีผู้โฉมงามเช่นนี้!”
“เฉินเฉิงเยี่ย… ข้าควักลูกตาเจ้าแน่ หากยังมองข้าด้วยสายตาเช่นนี้อีก”
เฉินเฉิงเยี่ยรีบตั้งสติอย่างรวดเร็วก่อนจะกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าจะส่งเฉินเอ๋อเรียนหนังสืองั้นหรือ?”
หยุนเถียนเถียนแสยะยิ้ม “เฉิงเฉิงเยี่ย…. ตาข้างใดของเจ้าที่เห็นว่าข้าต้องการส่งเด็กสกปรกผู้นั้นไปโรงเรียน? เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเขารังแกข้าอย่างไรในอดีต จะให้ข้ารับตัวเขามาและส่งเสียให้เรียนหนังสืออย่างนั้นเหรอ? ในสายตาเจ้า ข้าเป็นคนดีถึงเพียงนั้นหรือไร?”
“เราทุกคนล้วนมีเหตุผล เจ้าไม่จําเป็นต้องแสร้งใจร้ายต่อหน้าข้า! แม้เฉินเฉินจะเคยทําไม่ดีต่อเจ้า แต่เขาก็ถูกแม่ทําร้ายเช่นเดียวกับเจ้า จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเจ้าจะดีต่อเขา เพราะเห็นใจ! ตอนนี้เด็กน้อยไม่ต้องการแม้แต่พ่อแม่แท้ๆของตนเองด้วยซ้ํา เขารักเจ้าอย่างสุดหัวใจ แน่นอนว่าเจ้าก็รักเขาเช่นเดียวกัน!”
หยุนเถียนเถียนกอดอกพร้อมกับพิงผนังห้องโถงบรรพบุรุษ “เอาล่ะ.. แม้ว่าเจ้าจะพูดถูกที่บอกว่าข้าอยากส่งเสียเด็กสกปรกให้เรียนหนังสือ แต่เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้า? อย่างไรแล้วจุดจบของเจ้ากําลังจะมาถึงในไม่ช้า!”
เฉินเฉิงเยี่ยยกยิ้มก่อนจะกล่าวตอบ “ข้าคงพบจุดจบที่ไม่ดีนัก แต่สําหรับเฉินเฉิน แน่นอนว่าเจ้าต้องเป็นห่วงเขามาก และคงไม่อยากให้เขาต้องพบเจอกับอุปสรรคต่าง ๆ ในการสอบเพื่อเป็นขุนนางในอนาคตใช่หรือไม่?”
หยุนเถียนเถียนก้มศีรษะลงโดยไม่ได้ตอบอะไร นางรู้ดีว่าการที่เฉินเฉินมีพ่อแม่เช่นนี้นั้นเป็นเรื่องด่างพร้อยในชีวิตอย่างแท้จริง! ในอนาคตหากเขาเข้ารับการสอบเป็นขุนนาง แน่นอนว่าการโดนวิพากษ์วิจารณ์ในทางที่ไม่ดีย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้! แม้เขาจะบริสุทธิ์ใจแต่จะมีประโยชน์อะไรเล่า?
“ข้าไม่สนใจเรื่องพวกนี้ แต่หากมีคนต้องการทําร้ายเขาจริงๆ แม้จะไม่มีข้อแก้ตัวใด แต่ข้าจะทําทุกอย่างเพื่อให้เฉินเฉินได้รับสิ่งที่ดี!”
เฉินเฉิงเยี่ยกล่าวต่อด้วยน้ําเสียงเฉยเมย “ข้าสามารถช่วยเจ้ายับยั้งสิ่งเหล่านั้นได้โดยที่เจ้าไม่จําเป็นต้องจ่ายใดๆเลย สนใจในข้อเสนออันคุ้มค่านี้หรือไม่?”
หยุยเถียนเถียนกอดอกพร้อมกับยืดตัวขึ้นอย่างตั้งใจฟัง
แม้ว่าห้องโถงบรรพบุรุษจะทรุดโทรม แต่ก็ยังค่อนข้างสะอาด คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านมีนามสกุลเฉิน และผู้คนจํานวนมากมักจะมาที่ห้องโถงบรรพบุรุษในช่วงวันหยุด ถึงไม่มีเงินซ่อม แต่ยังคงดูแลความสะอาดภายในอยู่
“บอกมาสิเจ้าต้องการอะไร? ข้าต้องให้อะไรเป็นการตอบแทน?”
เฉินเฉิงเยี่ยมองเด็กสาวตรงหน้าพร้อมกับยิ้มเยาะ “เจ้าไม่ใช่เถียนเถียน! ในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าเหตุใดแม่ข้าถึงตกเป็นเหยื่อของเจ้าได้!”
หยุนเถียนเถียนยิ้มก่อนจะกล่าวตอบ “แม่ของเจ้าพ่ายแพ้เพราะความโลภ และนางประเมินข้าต่ําเกินไป! ส่วนเจ้า หากข้าไม่ใช่หยุนเถียนเถียนแล้วจะเป็นใครได้อีก? เจ้าคิดว่าจะมีใครกล้าปลอมตัวมาเพื่อแก้แค้นแทนข้าอย่างนั้นหรือ?”
เฉินเฉิงเยี่ยครุ่นคิดสักพักก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าไม่ใช่ห ยุนเถียนเถียนอย่างแน่นอน! หญิงสาวผู้นั้นอ่อนแอมากและ ไม่รู้วิธีตอบโต้ใครเลยด้วยซ้ํา! แต่ตอนนี้กลับแกร่งกล้าและเฉียบแหลม ใครก็ตามที่กล้ายั่วยุ เจ้าก็พร้อมจัดการพวกเขาอย่างไม่ลังเล ข้ารู้สึกได้ว่า เจ้าเปลี่ยนไปมากหลังจากกลับมาจากบ้านของนายน้อยหลี่!”
หยุนเถียนเถียนแสยะยิ้มโดยไม่ได้กล่าวตอบ ตอนนี้เด็กสาวคนนี้กลายเป็นกระสุนที่กระหน่ํายิงผู้คนที่คิดร้ายต่อนาง แน่นอนว่าจะไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เขาพูดแม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม ดังนั้นตอนนี้นางจึงรู้สึกมั่นใจในระดับหนึ่ง
“งั้นลองคิดดูอีกทีสิ อะไรที่ทําให้ข้าเป็นเช่นนี้?”
เฉินเฉิงเยี่ยไม่สนใจว่ามือของเขาถูกมัดไว้แน่นเพียงใด เขาจะพยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่เพื่อปรับท่าทางให้รู้สึกสบายขึ้น
“ไม่ว่าจะพยายามปิดบังเพียงใดเจ้าก็ไม่ใช่หยุนเถียนเถียน! แต่ไม่ว่าอย่างไรก็คงสายเกินไปที่ข้าจะเข้าใจเรื่องนี้ หากข้าได้เป็นขุนนางตั้งแต่ตอนนั้นคงสามารถขับไล่ เจ้าออกจากหมู่บ้านนี้ได้ เช่นนั้นเจ้าก็จะไม่มีที่ยืนในหมู่บ้านนี้อีก! น่าเสียดายที่สายไปเสียแล้ว ตอนนี้ตัวข้าจบสิ้น ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ข้าพูด ยิ่งไปกว่านั้นตั้งแต่ที่เจ้ากลับมาและ เริ่มมีปากเสียง ทุกคนก็ต่างเชื่อในสิ่งที่เจ้าพูด ซึ่งสิ่งเหล่านั้นบังคับให้แม่ข้าต้องทําเช่นนี้ ทุกสิ่งค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างไม่ทันตั้งตัว!”
หยุนเถียนเถียนยิ้มหวาน “ดูเหมือนว่าหลินชวนฮวาจะโอ้อวดนักว่าเจ้าฉลาดและเรียนเก่งจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเสียแล้ว! แต่เหตุใดจิตใจของขุนนางจึงเปลี่ยนไปรวดเร็วนักเล่า? โอกาสสําหรับเจ้ามาแล้ว ตอนนี้เจ้ามีประโยชน์อะไรบ้าง? เจ้าอยากทําอะไร? หรือสามารถทําอะไรได้อีก?”
“หากข้าทําอะไรไม่ได้ เจ้าก็ทําไม่ได้เช่นกัน! แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เจ้าจะสนับสนุนเฉินเฉิน! ปมด้อยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาคือการมีแม่เช่นนี้! เมื่อก่อนข้าเคยมีอนาคตที่สดใส แต่เพราะมีพ่อเป็นฆาตกร ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป!”
หยุนเถียนเถียนยิ้ม “เจ้าคิดผิดแล้ว.ข้าจ่ายเงินให้สองสามีภรรยานั้นเพื่อซื้อเด็กน้อยผู้นี้มา ข้าจะเปลี่ยนแปลงความคิดและตัวตนของเขาให้ได้!”
“แต่มันอาจเป็นปัญหาได้! เจ้าจะยอมให้เด็กน้อยที่เจ้าเลี้ยงมาเป็นอย่างดีต้องไปอยู่กับคนอื่นในตอนสุดท้ายงั้นหรือ? ข้าคิดว่าคงจะปลอดภัยที่สุดหากเขาได้อยู่กับเจ้า!”
หยุนเถียนเถียนย่อตัวลงและพยายามรักษาสายตาให้อยู่ ในระดับเดียวกับเฉินเฉิงเยีย นางสบตากับเขาอย่างไม่หวั่นเกรง “ถ้าเช่นนั้นท่านขุนนางลองคิดดูเถิด! ข้าทําสัญญาซื้อขายเป็นอย่างดีและคงไม่มีทางให้พวกเขามาเอาผลประโยชน์จากน้องชายของข้าไปได้โดยง่าย!”
เฉินเฉิงเยี่ยมองขึ้นไปบนหลังคาทอันทรุดโทรม และจากรอยแตกทําให้สามารถมองเห็นดวงดาวที่ส่องประกายอยู่ด้านนอก เขาสูดลมหายใจลึกก่อนจะเริ่มกล่าวต่อ “อันที่จริงทุกอย่างก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เจ้าเพียงขอให้แม่ของข้าเขียนหลักฐานการก่ออาชญากรรมและยืนยันว่าได้ตัดขาดสัมพันธ์กับพวกเจ้าแล้ว! เมื่อใดก็ตามที่นางข่มขู่หรือต้องการผลประโยชน์จากเฉินเฉิน หลักฐานอาชญากรรมนี้จะเป็นเครื่องยืนยันที่ดีที่สุด!”
หยุนเถียนเถียนคิดอย่างรอบคอบ “นี่ช่างเป็นวิธีที่ดีจริงๆ! แต่เฉินเฉิงเยี่ยเป็นคนใจดีจนสามารถบอกกล่าวได้โดยไม่หวังสิ่งใดอย่างนั้นหรือ? นี่เป็นไปไม่ได้!”