เฉินผิงอันนั่งรอกินมื้อเย็นด้วยความหงุดหงิด เขามองประตูห้องครัวและเห็นว่าหลินชวนฮวากำลังยกอาหารออกมา
“ผิงอัน ดูสิ! เถียนเถียนช่างเป็นลูกที่ดีเสียจริง! นางรู้ว่าเจ้าโกรธจึงตั้งใจทำอาหารมาขอโทษจะไม่ให้อภัยนางหน่อยหรือ?”
เฉินผิงอันตอบด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “รู้จักขอโทษด้วยงั้นหรือ?! คิดว่าทำแค่นี้ข้าจะให้อภัยหรือไร?!”
หลินชวนฮวายิ้มด้วยความสะใจที่แม้ลูกสาวแท้ ๆ ก็ไม่สามารถเอาชนะใจเฉินผิงอันได้
“ผิงอัน… ไม่ว่าอย่างไรนางก็คือลูกสาวของเจ้า ลองชิมรสมือของนางดูก่อนเถิด ถึงแม้นางจะไม่เคยทำอะไรเลยแต่เท่าที่ข้าดูก็พอใช้ได้!”
เฉินผิงอันถอนหายใจด้วยความเย็นชา แม้เฉินเถียนเถียนจะไม่มาให้เห็นหน้าแต่เขาก็ยังไม่คลายความโกรธพร้อมกับคิดในใจ ‘ดูความขี้ขลาดของนังเด็กสารเลวนั่นสิ เหมือนแม่ของนางไม่มีผิด!’
เมื่อนึกถึงเฉินเถียนเถียนยิ่งทำให้เฉินผิงอันรู้สึกโกรธ ปล่อยให้นางอดตายก็ดีเหมือนกันเพราะยิ่งเห็นนาง เฉินผิงอันยิ่งรู้สึกแค้น!
เฉินผิงอันคว้าตะเกียบ แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นหน้าตาของอาหาร มันประหลาดจนเขาแทบกินไม่ลง
และแม้เฉินเถียนเถียนจะไม่ได้เห็นหน้าตาของอาหาร แต่รับรู้ได้ว่ามันไม่น่ากลืนลงคอแน่นอน
ทว่านางกลับไม่คาดคิดว่าจะใช้ไม่ได้ขนาดนี้ ผักในจานถูกต้มจนเหลืองเปื่อยทั้งยังมีหนอนอีกด้วย
สีหน้าของเฉินผิงอันเปลี่ยนไปทันที เขาตะคอกเสียงดัง “นี่อาหารคนหรือไม่? ให้หมากินเสียยังดีกว่า!”
หลินชวนฮวารู้สึกสะใจแต่ยังแสร้งพูดดี “ผิงอัน… ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นลูกเจ้า เข้าครัวครั้งแรกก็เป็นเช่นนี้แหละ ครั้งต่อไปค่อยให้นางแก้ตัว”
หลินชวนฮวาพูดเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อแก้ตัวแทนเฉินเถียนเถียน เพียงแต่อยากให้เฉินผิงอันรู้สึกว่านางเป็นคนดีเท่านั้น หากเฉินผิงอันฉลาดสักนิดคงไม่ถูกหลอกมานานหลายปี และยิ่งถูกหลินชวนฮวาชักจูงก็ยิ่งทำให้เขาเกลียดเฉินเถียนเถียนมากขึ้น
ฉับพลันเฉินผิงอันรีบลุกขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปในครัวอย่างต้องการโบยตีเฉินเถียนเถียน
หากเป็นเมื่อก่อนหลินชวนฮวาคงดีใจที่ได้เห็นภาพนี้แต่วันนี้นางจำเป็นต้องห้ามเขาไว้ก่อน เพราะเฉินเถียนเถียนเปลี่ยนไปจากเดิมมาก แน่นอนว่าหากเฉินผิงอันเข้าไปโวยวาย เฉินเถียนเถียนต้องบอกเขาแน่ว่าอาหารในมื้อนี้เป็นฝีมือของหลินชวนฮวา!
ดังนั้นหลินชวนฮวาจึงรีบดึงแขนสามีไว้พร้อมร้องห้าม “สามีข้า… นางโตขนาดนี้แล้วยังจะโบยตีนางอีกหรือ?!”
เฉินผิงอันชะงัก “เจ้าเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่าเป็นหญิงหากขี้เกียจก็ต้องถูกสั่งสอน? ทั้งยังบอกว่าเจ้าเป็นแม่เลี้ยง หากเข้ามายุ่งคงไม่ดีนัก”
หลินชวนฮวาอยากทุบตีเฉินเถียนเถียนให้แหลกคามือก็จริง แต่เพื่อภาพลักษณ์ที่เคยสร้างมาจึงทำได้เพียงห้ามใจไว้ ขณะเดียวกันเฉินผิงอันก็เต็มไปด้วยความโมโหซึ่งทำให้หลินชวนฮวากระวนกระวายใจไม่น้อย
หลินชวนฮวาจะปล่อยให้เฉินผิงอันเข้าครัวไปถามความจริงจากเฉินเทียนเทียนได้อย่างไร? เพราะในตอนนี้นางไม่ใช่เด็กสาวผู้อ่อนแอและโง่เขลาอีกต่อไปแล้ว!
“พอแล้ว นางเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเจ้านะ คิดจะตีให้ตายเลยหรืออย่างไร? เรื่องที่นางทำไม่ได้ข้าจะช่วยสอนเอง เจ้าจะโมโหร้ายไปเพื่อสิ่งใดกัน? ไม่ว่าอย่างไรสักวันนางก็ต้องแต่งงานไปอยู่บ้านอื่น!”
เฉินผิงอันนั่งลงกินข้าวต่อโดยไม่ได้พูดอะไรและไม่แตะอาหารจานนั้น แม้แต่มองก็ไม่!
“ครอบครัวเราไม่ได้อยากจนถึงขั้นต้องกินอาหารสกปรกเช่นนี้ งั้นเราซื้อเนื้อมากินกันดีไหม?”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลินชวนฮวาก็รู้สึกรังเกียจเฉินผิงอันอย่างบอกไม่ถูกแต่ก็ต้องกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แต่… เราต้องเก็บเงินไว้ให้เฉินเฉิงเยี่ยนะ อดทนหน่อยเถิด หากเฉิงเยี่ยสอบเป็นขุนนางได้เราจะมีชีวิตที่สุขสบายขึ้นอย่างแน่นอน!”
หากเฉินเฉิงเยี่ยสอบขุนนางได้ เขาจะไม่ใช่ชายที่ไม่ได้เรื่องอีกต่อไปและคนในหมู่บ้านจะไม่กล้ามองว่าเขาต่ำต้อยอีก แต่จะก้มหัวให้พร้อมกล่าวสรรเสริญว่าท่านขุนนาง!
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินชวนฮวา เฉินผิงอันก็ใจเย็นลงทันทีแต่ก็อดไม่ได้ที่จะก่นด่า “เพราะนังเด็กเหลือขอนั่นคนเดียว! คอยดูแลนายน้อยหลี่และได้อยู่อย่างสุขสบายไม่ดีหรือ? เขาร่ำรวยขนาดนั้นยังกล้าหนีออกมาอีก นังลูกไม่รักดี!”
ในตอนนี้หลินชวนฮวาแสร้งพยายามปกป้องเฉินเถียนเถียน เพราะการจัดการอีกฝ่ายด้วยตนเองเป็นเรื่องง่ายมากไม่จำเป็นต้องพึ่งเฉินผิงอันแต่อย่างใด
“ข้าเป็นเพียงแม่เลี้ยงคงจะว่าอะไรนางไม่ได้ ข้าส่งนางให้นายน้อยหลี่เพราะคิดว่าหากนางอาศัยอยู่ที่นั่นอาจมีชีวิตที่สุขสบายมากขึ้น ทั้งยังช่วยพี่ชายให้ได้เรียนหนังสือ หากเฉินเฉิงเยี่ยสอบขุนนางได้ ตระกูลหลี่อาจจะยอมรับเขา… เสียดายที่นางไม่เข้าใจความหวังดีของข้า! สามี… ข้าเป็นเพียงแม่เลี้ยง หลายครั้งข้าทำอะไรไม่ได้จึงทำให้นางกลายเป็นเช่นนี้ ทุกอย่างเป็นความผิดของข้าเอง ยิ่งนางโตขึ้นยิ่งทำให้ครอบครัวเราอับอาย ข้ากลัวเหลือเกินว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อเฉิงเยี่ย”
หลินชวนฮวาพูดออกพร้อมแสร้งบีบน้ำตาให้สมกับบทบาทแม่เลี้ยงผู้หวังดี
เฉินผิงอันโอบกอดและปลอบใจผู้เป็นภรรยาอย่างอ่อนโยน “ที่ผ่านมาเจ้าคงลำบากมาก…”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นหลินชวนฮวาโผลเข้ากอดเฉินผิงอันทันที
เฉินเถียนเถียนที่แอบฟังอยู่ในห้องครัวก็หลุดขำออกมา ความจริงแล้วหลินชวนฮวาไม่ได้ฉลาดหรือแผนสูงอะไร นางเป็นเพียงหญิงธรรมดาที่หลอกใช้ชายชนบทผู้โง่เขลาคนหนึ่ง ช่างเป็นหญิงที่ไร้ยางอายจริง ๆ!
‘เฉินเถียนเถียนทำดีมาโดยตลอด แต่กลับโดนหลินชวนฮวาแย่งความดีความชอบไป ช่างขี้ขลาดนัก นับจากนี้ข้าจะแก้แค้นแทนเจ้าเอง! เอาล่ะ ยอมเป็นแพะรับบาปเพื่อให้หลินชวนฮวาตายใจก่อนก็แล้วกัน หากความจริงปรากฏเมื่อไหร่ ฝันของนางก็จะสลายเมื่อนั้น …ว่าแต่ข้าจะผ่านคืนนี้ไปได้อย่างไรกัน? หญิงผู้นั้นไม่เหลืออาหารให้ข้ากินเลยแม้สักคำ เฮ้อ ยังดีที่ข้าได้กินอาหารจากบ้านป้ามาแล้วบ้าง ไม่เช่นนั้นคงหิวโซเป็นแน่!’
เพื่อให้เฉินผิงอันและหลินชวนฮวาไม่ระแคะระคาย เฉินเถียนเถียนจึงยอมอดทนเป็นแพะรับบาปในวันนี้
หลังจากความโกลาหลสิ้นสุดลง ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความเงียบสงบ มีเพียงเสียงแห่งความสุขที่ดังออกมาจากห้องนอนของเฉินผิงอันและหลินชวนฮวา!