ตอนที่ 162 หลอกถาม
ฉู่เกินฮูหยินลูบคลําเงินสองก้อนในมืออย่างมีความสุข ก่อนจะเอาเข้าปากแล้วกัดมันอย่างปลาบปลื้ม
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็บังเอิญเหลือบไปเห็นชายวัยกลางคนมองสามีนางด้วยสายตาดูแคลน
นางหงุดหงิดใจมากจึงก้าวไปข้างหน้าและเอ่ยถาม “ข้ายังไม่ทราบชื่อของท่านเลย?”
ชายวัยกลางคนกําลังรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ทํางานใหญ่เช่นนี้ เมื่อกลับบ้านไปเขาควรจะได้รับรางวัลจากเจ้านาย
ด้วยความลําพอง เขาจึงไม่สนว่าจะเป็นการเปิดเผยตัวตนหรือไม่
“ข้าแซ่จาง เป็นเถ้าแก่เจ้าของร้านหยิ่งเค่ออยู่ในเมืองหลวง ส่วนเจ้านายของข้าเป็นคหบดีผู้มั่งคั่งและมีชื่อเสียงในเมืองหลวงเช่นกัน บอกไปพวกเจ้าก็ไม่รู้จักหรอก!”
ชายวัยกลางคนผู้นี้มีท่าทีเย่อหยิ่งจองหอง
แต่ฉู่เกินฮูหยินไม่คิดเช่นนั้น นางรู้ว่าหากเป็นเถ้าแก่ร้านอาหาร ควรจะอยู่ดูแลกิจการ
เขาผู้นี้น่าจะเป็นเพียงลูกจ้าง แต่วางท่ายกตนข่มท่านไปอย่างนั้น
แม้ว่านางจะดูหมิ่นอยู่ในใจ แต่ฉู่เกินฮูหยินก็แสดงท่าที่นอบน้อม “เถ้าแก่จาง”
“เอาล่ะ! เจ้าควรทําให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด ข้าจะรอเจ้าอยู่ในเมืองเล็กๆนี้สักสี่ห้าวัน หากครบห้าวันแล้วเจ้าเอาของมาไม่ได้ ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!”
ฉู่เกินฮูหยินไม่คิดเช่นนั้น แค่เด็กผู้หญิงคนเดียวเหตุใดนางจะเอาชนะไม่ได้?
เถ้าแก่จางไม่กล่าวอะไรมากนอกจากยิ้มอย่างดูถูกแล้วหันหลังเดินจากไป สิ่งต่อไปที่ต้องทํานั้นง่ายมาก ก็แค่รออยู่ในเมืองนี้
เมื่อฉู่เกินฮูหยินหันมาเห็นสามีของตนกองอยู่บนพื้นราวกับโคลน สีหน้านางพลันน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งขึ้น รู้สึกเจ็บปวดในใจ!
หลี่ชุนเถียว! เหตุใดถึงตาบอดมาตกหลุมรักขยะที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้?
ยิ่งคิดยิ่งให้รู้สึกอับอาย ฉ่เกินฮูหยินจึงเตะสามีของนางอย่างแรง!
“ข้าช่างตามืดบอดนัก! คนขี้ขลาดคือคนขี้ขลาดวันยังค่ํา เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังต้องกลัว!”
ขณะเดินกลับบ้านนางก็กล่าวถากถางเขาไปด้วย
ตอนนี้ได้ลงนามในสัญญากู้ยืมเงินไปแล้ว แม้ว่าเฉินฉ่เกินจะหวาดกลัวเพียงใด ก็ทําได้แค่กัดฟันทนและเดินโซซัดโซเซตามหลังภรรยา
กู่ชิวที่กลับจากตัดฟื้นบนภูเขาเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นฉู่เกินฮูหยิน
“พี่ชุนเถียว เป็นอะไรไปหรือ? ดูโกรธเคืองยิ่งนัก”
ปกติแล้วเมื่อได้พูดคุยกับกู่ชิว ฉู่เกินฮูหยินมักจะมีความสุขมาก เพราะนางรู้สึกเหนือกว่าอย่างบอกไม่ถูก
แต่วันนี้นางอารมณ์ไม่ดีนัก เมื่อเห็นรอยยิ้มประจบประแจงของกู่ชิว จึงตอบกลับอย่างเย็นชา “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”
กู่ชิวมองฉู่เกินฮูหยินด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย นางน้อยใจจนน้ําตาคลอ
เมื่อเห็นเช่นนั้นฉู่เกินฮูหยินยิ่งโกรธจัด กู่ชิวยังคงยืนนิ่งอย่างไม่เข้าเข้าใจ เพียงแค่มองดูเฉินฉู่เกินและภรรยาเดินตามกันไปห่างๆ
เฉินฉ่เกินใบหน้าซีดเผือด หน้าผากเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น เมื่อพบกู่ชิว เขาก็ได้แต่ก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด ไม่กล้าแม้แต่จะกล่าวคําทักทาย
แม้ว่ากู่ชิวจะงงงัน แต่ก็ไม่ได้คิดหาคําตอบเรื่องนี้และรีบมุ่งหน้ากลับบ้าน
อย่างไรทั้งคู่ก็เป็นคู่สามีภรรยากัน ฝ่ายหญิงแข็งกร้าว ส่วนฝ่ายชายซื่อบื้อและขี้ขลาดเช่นนี้มานานแล้ว นางไม่จําเป็นต้องเสียเวลาด้วยเพราะสามีของนางไม่เหมือนกับเฉินฉู่เกิน
หลังจากที่ฉ่เกินฮูหยินกลับถึงบ้าน นางก็หยิบเข็มและด้ายขึ้นมา แล้วกลับไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านอีกครั้ง
ทันทีที่ลูกสะใภ้ของหัวหน้าหมู่บ้านเห็นแขกที่มาเยือนก็ขมวดคิ้วมั่น คนผู้นี้ไม่เข้าใจหรืออย่างไร รู้ว่าไม่ชอบก็ยังมาที่บ้านของนางทุกวี่วัน
แต่เนื่องจากภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านกังวลว่าจะดูไม่ดี ดังนั้นจึงไม่เอ่ยถึงสีหน้าของคนในบ้านและให้การต้อนรับนาง
ฉ่เกินฮูหยินนั้นกระตือรือร้นที่จะสนทนาเป็นอย่างมาก แต่ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านกลับถามคําตอบคํา
ทั้งสองคุยกันอยู่อย่างนี้เป็นเวลากว่าสองเค่อ เมื่อภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านเริ่มทนไม่ไหว ในที่สุดฉู่เกินฮูหยินก็พูดเข้าประเด็น
“ข้าเห็นลูกชายคนโตของท่านมักจะนั่งเกวียนวัวลุงเฉินเข้าเมืองบ่อยๆ หญิงผู้นั้นต้องการซื้ออะไรเยอะแยะหรือ? ถึงต้องเดินทางทั้งวันเช่นนั้น?”
ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านมองนางด้วยสายตาว่างเปล่า “เจ้าจะสนใจของที่นางซื้อไปเพื่ออะไร เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าเจ้าจะรับรู้หรือไม่ แต่ข้ายังยืนยันคําเดิม หากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นกับสูตรอาหารย่อมไม่เกิดผลดี และตราบใดที่เจ้ายังมาเซ้าซี้ เจ้านั่นแหละที่จะเป็นผู้ต้องสงสัย เข้าใจหรือไม่?”
ฉู่เกินฮูหยินรู้สึกอับอายเล็กน้อย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางถูกภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านตําหนิ แต่ถึงอย่างนั้นเงินสองร้อยตําลึงก็เป็นสิ่งล่อใจชั้นเยี่ยม ฉู่เกินฮูหยินผู้แข็งกร้าวจึงยังคงตอแยภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านโดยไม่คํานึงถึงหน้าตาใดๆ
“ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่ามันจริงจังถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?”
ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านกัมมองงานปักในมือแล้วกล่าวอย่างไม่พอใจ “หลี่ชุนเถียว หากเจ้ายังอยากมีชีวิตที่ดีอยู่ อย่าได้มาถามเรื่องนี้อีก มิใช่เพียงนายน้อยหลี่เท่านั้นที่เจ้าไม่อาจล่วงเกินได้ แม้แต่หยุนเถียนเถียนก็ไม่ใช่ผู้ที่เจ้าจะยั่วยุได้”
“ข้าบอกเจ้าตามตรง ส่วนจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่เจ้า หากเกิดอะไรขึ้นก็อย่ามาเสียใจทีหลัง ตัวข้านั้นขี้ขลาดมิได้คิดการใหญ่เพื่อหาผลกําไรจากโรงงานนี้ หากเจ้าอยากสืบหาอะไรไม่ต้องมาถามจากข้า!”
เมื่อกล่าวจบ ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านก็เมินเฉยต่อนาง ก่อนจะวางของในมือลงและลุกขึ้นไปเปิดประตูบ้าน ราวกับต้องการเชิญใครสักคนออกไป
ฉู่เกินฮูหยินทนรับความเย็นชาไม่ได้อีกต่อไป นางเดินออกไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึมพลางกล่าวพึมพํา “ไม่ใช่ของหายากเสียหน่อย ถามแค่นี้จําเป็นต้องปกปิดเชียวหรือ?”
ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านไม่สนใจ เมื่อเห็นนางเดินออกไปแล้วก็กระแทกประตูเสียงดังอย่างไม่พอใจ
ฉู่เกินฮูหยินก้มหน้าก้มตาขมวดคิ้ว นางไม่อยากสนใจแล้วว่าภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านจะมองนางอย่างอย่างไร แค่ต้องคิดหาวิธีให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นจะต้องเสียเงินหนึ่งร้อยตําลึง
นางอ้อยอิ่งอยู่ที่ประตูบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านครู่หนึ่ง แต่ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านก็ปฏิเสธอย่างชัดเจน หากยังเข้าไปอีกเกรงว่าจะไม่ได้อะไรขึ้นมา
มีเวลาเพียงห้าวันเท่านั้น ฉู่เกินฮูหยินรู้สึกหวาดหวั่นใจ นางเพิ่งลงนามสัญญากู้ยืมเงินไป แต่ความทะยานอันแรงกล้าของนางกลับถูกกลืนหายไปหมดแล้ว
แต่ทันใดนั้น นางก็เห็นเกวียนวัวของลุงเฉินกําลังเดินออกจากหมู่บ้านช้าๆ จึงบังเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา!
นางรีบพุ่งไปขวางหน้าเกวียนวัวลุงเฉิน จะสําเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการเดินทางในครั้งนี้
ลุงเฉินรีบดึงเกวียนให้หยุดแล้วมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า