ตอนที่ 168 การกระทําของหยุนเคอ
หยุนเคอสบตากับดวงตาคู่นั้นที่จ้องมองเขาด้วยความใสซื่อ เขาไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคําใดออกมาได้อีก จึงเดินหนีไปอีกครั้ง
หยุนเถียนเถียนยังคงประหลาดใจ หยุนเคอหมายความว่าอย่าง ไร? แน่นอนว่าหลี่ซื่อฮวาไม่ใช่คนดี แต่เรื่องรสนิยมทางเพศก็ว่ากันไม่ได้ อีกอย่างด้วยความสามารถของเขา มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกหรือที่จะพาหญิงสาวชาวนาตัวเล็ก ๆ กลับไป?
แต่ตอนนี้ยังไม่ลงมือทําอะไร เป็นไปได้หรือว่าเขาไม่สนใจในหญิงงามแล้ว
เมื่อตอนที่ได้เห็นเงาสะท้อนของตัวเองจากผิวน้ํา นางยังรู้สึกเสียดายเลย แล้วเขาที่เป็นคนมักมากในกาม จะพลาดของดีเช่นนี้ไปได้อย่างไร?
แต่ไม่ว่าหลี่ซื่อฮวาจะร่ํารวยเพียงใด เขาก็ไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่นางชอบ เขาไม่รู้ด้วยซ้ําว่าจะจัดการปัญหาระหว่างตัวเองกับแม่เลี้ยงอย่างไร ผู้หญิงคนใดที่กล้าแต่งงานกับเขาจะมีจุดจบที่ดีหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่านายน้อยหลี่จะถูกเนรเทศมาที่นี่ แต่เขาก็เป็นคนฐานันดรสูงศักดิ์อยู่ดี เป็นไปได้หรือที่สาวชาวนาจะคู่ควรกับเขาเพียงแค่เพราะหน้าตาอันงดงาม?
ด้วยรูปร่างหน้าตาอย่างสาวน้อยผู้นี้ หากไม่ได้เป็นสาวใช้ข้างห้องก็น่าจะได้เป็นนางบําเรอ แต่คงมีแค่คนที่สมองมีปัญหาถึงจะอยากไปเป็นเมียน้อยของตระกูลที่หลังบ้านไม่เคยสงบสุข
ถึงอย่างไรหยุนเถียนเถียนก็คิดว่านี้ไม่ใช่เรื่องของนาง เหตุใดหยุนเคอถึงมาเตือนนางเช่นนี้? หรือการแสดงออกของนางทําให้คนเข้าใจว่าอยากแต่งงานกับนายน้อยหลี่?
หยุนเถียนเถียนได้แต่คิดหาคําตอบของเรื่องนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ไปและหันมาสนใจสิ่งที่อยู่ในมือแทน
ส่วนหยุนเคอนั้น หลังจากที่เข้าไปพูดจาแปลกประหลาดกับหยุนเถียนเถียนด้วยความร้อนรน เขาก็หนีไปด้วยความเร็วราวสายฟ้า เมื่อมาถึงบนภูเขาก็อยากจะตบหน้าตัวเองแรง ๆ สักที
ดูเถอะ! พูดจาดูถูกผู้ชายคนอื่นต่อหน้าสตรี นี่ใช้สิ่งที่ลูกผู้ชายควรทําหรือ? เขาก็เคยเป็นเช่นนั้น และตอนนี้ต้องมาตกอยู่ในสภาพที่คอยวิ่งตามหญิงสาว อยากจะเอาหน้ามุดแม่น้ําหวงเหอแล้ว ไม่ต้องโผล่ขึ้นมาอีกเลย!
ที่สําคัญคือตอนสุดท้ายดันวิ่งหนีออกมา การกระทําเช่นนั้นคงทําให้หญิงสาวหัวเราะขบขันอยู่เป็นแน่
ตอนแรกก็ทําให้นางไม่สบายใจ ตอนนี้ยังมาทําตัวน่าเกลียดต่อหน้านาง เกรงว่าหญิงสาวคงไม่อยากพบเจอเขาอีกแล้ว
ในขณะที่ครุ่นคิดอย่างบ้าคลั่ง หยุนเคอก็เดินไปรอบ ๆ ภูเขา และจับไก่ฟ้าได้สองสามตัว เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาอาหารแล้ว เขาจึงตัดสินใจออกมาเผชิญหน้าด้วยตัวเอง
หลังจากที่ลังเลอยู่นานตรงหน้าประตู ในที่สุดเขาก็เดินเข้าไป
หยุนเถียนเถียนลืมตาขึ้นมามองเขาด้วยท่าทีปกติพร้อมกับเฉินเฉิน “ในที่สุดก็กลับมา ถึงเวลากินข้าวแล้ว”
จากนั้นสองพี่น้องก็ไม่รั้งรอเขาอีกต่อไป แต่หยิบตะเกียบในมือขึ้นมาทันที!
หยุนเคอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา เขานั่งตรงตําแหน่งของตัวเองและก้มหน้าก้มตาคีบข้าว
หากมีคนถามหยุนเคอว่าเย็นนี้เขากินอะไร คงตอบไม่ถูกแน่ ๆ เพราะเขาไม่ได้กินมันเลยสักคํา
เฉินเฉินกลับมาที่ห้องหลังจากทานอาหารเสร็จ ถึงแม้ว่าพี่สาวของเขาจะซื้อเทียนไขให้ แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะเรียนในตอนกลางคืน ในเมื่อเขาสามารถใช้เวลาช่วงเย็นทบทวนบทเรียน เหตุใดถึงต้องสิ้นเปลืองเทียนเหล่านั้นด้วย?
หยุนเถียนเถียนยังต้องเก็บถั่วที่ตากแห้งไว้ในระหว่างวัน และหยุนเคอเองก็ยังไม่เข้าไปในบ้าน เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาก็อยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร
จนในที่สุด เขาเห็นหญิงสาวกําลังจะก้มลงยกม้านั่ง หยุนเคอจึงรีบคว้ามันด้วยมือของเขาเอง
“มีอะไรให้ทําอีกหรือไม่? บอกข้าก็ได้”
หยุนเถียนเถียนเห็นว่าเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีมาทั้งวัน และในที่สุดก็กลับมาเป็นปกติ ดังนั้นนางจึงขยับแล้วมอบหมายงานให้เขาทํา
แม้ว่าหยุนเคอจะไม่เคยทํางานบ้านเหล่านี้มาก่อน แต่ภายใต้การควบคุมของหญิงสาวทุกอย่างก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย
เมื่อเห็นนางเดินเข้าไปในครัวและจุดเตาไฟเพื่อจะต้มน้ําอาบ หยุนเคอก็เอนกายพิงประตูห้องครัวแล้วพูดกับนางเบา ๆ “หากต่อไปเจ้ายกของพวกนี้ไม่ได้ก็มาเรียกข้า อย่างไรพวกเราก็อยู่ด้วยกัน ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้”
เกรงใจ? ดูเหมือนว่าคนที่เกรงใจจริง ๆ แล้วคือตัวเขาเองต่างหาก
หยุนเถียนเถียนจึงตอบกลับไป “ข้าไม่เข้าใจว่าเมื่อตอนกลางวันที่เจ้าพูดถึงนายน้อยหลี่หมายความว่าอย่างไร แต่ข้าไม่ได้อยากเป็นนางบําเรอ ตอนนี้ข้ายังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องการใช้ชีวิตต่อจากนี้ของข้าเลยด้วยซ้ํา”
หยุนเคอถอนหายใจอย่างโล่งอก ถึงแม้ว่านางจะยังไม่ได้พิจารณาเรื่องสําคัญใด ๆ ในชีวิตและอาจจะไม่ได้รวมเขาอยู่ในนั้นด้วย แต่อย่างน้อยนางก็ยังไม่มีใครอื่น
“ข้ารู้แล้ว ข้าแค่กลัวว่าเจ้าจะถูกล่อลวง เพราะยังเด็กอาจจะมองทุกอย่างเพียงผิวเผิน”
หยุนเถียนเถียนเลิกคิ้ว หยุนเคอใส่ใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาไม่มีเรื่องของตัวเองที่ต้องจัดการบ้างหรือ?
“อืม! ข้าเข้าใจแล้ว”
หยุนเคออยากจะพูดกับนางอีกสักเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขายังกังวลใจอยู่ แต่ก็ไม่สามารถพูดในสิ่งที่ต้องการต่อไปได้
หยุนเถียนเถียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเตี้ย เปลวไฟตรงหน้าลุกโชติช่วงสะท้อนให้สีผิวขาวราวกับหยกกลายเป็นสีแดงดั่งเพลิง
เมื่อภาพนี้ปรากฏสู่ครรลองสายตาของหยุนเคอ ดวงตาของเขาก็แดง หัวใจราวกับถูกแผดเผา
แค่มีหญิงสาวผู้นี้อยู่เคียงข้างก็ไม่ต้องกังวลต่อสิ่งใด เป็นเรื่องยากหรือที่จะกล่าวออกไปให้นางรู้ความในใจของเขา หากไม่พูดนางจะเข้าใจมันหรือไม่?
ดูเหมือนหยุนเคอจะตัดสินใจได้แล้ว แต่หลังจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าหญิงสาวกําลังทําอะไรบางอย่าง
ต้มน้ําหม้อใหญ่เช่นนี้คงต้องอาบน้ํา
ด้วยอุบัติเหตุครั้งล่าสุด หยุนเถียนเถียนได้ขอให้คนมาช่วยสร้างห้องไม้เล็ก ๆ ในสวนหลังบ้านสําหรับอาบน้ํา และสร้างอ่างไม้ขนาดใหญ่เป็นพิเศษเพื่อความผ่อนคลาย
แม้ว่าหยุนเคอจะไม่เคยเข้าไปแต่เขาก็พอจะสังเกตุเห็นมันอยู่บ้าง หญิงสาวผู้นี้ไม่เหมือนคนในครอบครัวชาวนาทั่วไป แต่ราวกับคุณหนูผู้รู้จักแค่การหาความสุขใส่ตัวเท่านั้น
เมื่อเห็นน้ําเดือดหยุนเถียนเถียนก็ยืนขึ้นโดยไม่สนใจใครก็ตามที่มองอยู่ ก่อนจะยกถังไม้แล้วเทน้ําลงไป
ควันน้ําร้อนพวยพุ่งราวกับอยู่บนแดนสวรรค์ หยุนเคอก้าวไปข้างหน้าแล้วถามขึ้น “จะอาบน้ําหรือ? ให้ข้าช่วยเถิด!”
เมื่อกล่าวเช่นนั้นแล้วเขาก็คว้ากระบวยจากมือของนาง เพื่อตักน้ําใส่ถังขนาดใหญ่ แล้วช่วยยกเข้าไปในห้องอาบน้ํา
หยุนเถียนเถียนได้แต่ตกตะลึง หยุนเคอไปโดนอะไรกระตุ้นมาอีกแล้วหรือ?
แต่ถ้านางยกเองคงได้เพียงครั้งละครึ่งถัง เหตุใดจะไม่ยินดีหากสามารถยกน้ําได้เต็มถังในคราวเดียวเช่นนี้?
หยุนเคอเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดินกลับมาบอกว่าเสร็จแล้ว
หยุนเถียนเถียนเอามือจุ่มลงไปในน้ําและพบว่าอุณหภูมิกําลังอยู่ในระดับที่พอดี ดูเหมือนเขาไม่เพียงแค่เทน้ําร้อนเท่านั้น แต่ยังผสมน้ําเย็นให้อีกด้วย
ทันทีที่หันไปมองและพบว่าหยุนเคอไม่ได้เข้ามา เขาน่าจะเข้าไปพักผ่อนในบ้านแล้ว นางจึงถอดเสื้อผ้าอย่างสบายใจและลงไปแช่ในอ่างไม้