“ยังมีแรงเหลือที่จะพร่ำบ่นอยู่… คงไม่หิวเท่าไหร่สินะ”
เฉินเถียนเถียนที่ได้ยินเสียงนั้นสะดุ้งตัวโหยงพร้อมหันขวับไปหาต้นเสียงทันที
หยุนเคอวางไก่ป่าลงก่อนจะเริ่มหากิ่งไม้มาเพื่อจุดไฟ
“เจ้า… เจ้ากลับมาทำไม?”
หยุนเคอไม่ได้ตอบอะไร เพียงก้มหน้าหาฟืนต่อไป ในฤดูนี้กิ่งไม้จะแห้งและเปราะ เพียงใช้มือหักก็หลุดออกมาได้อย่างง่ายดาย
จากนั้นไม่นาน บริเวณที่เฉินเถียนเถียนนั่งก็เต็มไปด้วยกิ่งไม้ นางตกตะลึงต่อสิ่งที่เห็นจนไม่รู้จะตอบสนองอย่างไร แต่หยุนเคอไม่ได้สนใจพร้อมกับหยิบไก่ป่าไปล้างที่ริมธารอย่างกระฉับกระเฉง
เฉินเถียนเถียนนั่งนิ่งและจ้องมองไก่ป่า เพียงคิดถึงช่วงเวลาที่มันถูกย่างก็ทำให้นางน้ำลายสออย่างไม่อาจอดกลั้น
หยุนเคอหลุดขำเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของอีกฝ่าย แต่เพราะนางดุราวกับพยัคฆ์ หากเผลอหัวเราะเสียงดังคงโดนตะครุบเป็นแน่!
การจุดไฟในป่าแม้จะมีควันลอยขโมงแต่ก็ยังมีต้นไม้ใหญ่บดบังไว้ หยุนเคอย่างไก่ตัวนั้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย ขณะที่เฉินเถียนเถียนนั่งจ้องด้วยความหิวโหย…
แม้ไม่รู้ว่าหยุนเคอจะแบ่งให้กินหรือไม่ แต่นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากอ้อนวอนเขา! เฉินเถียนเถียนทราบดีว่าหากจะเอาตัวรอดในป่าได้ก็ต้องล่าสัตว์เป็นก่อน แต่การเริ่มต้นลงมือนั้นไม่ง่ายเลย
ผ่านไปไม่นาน กลิ่นหอมของไก่คละคลุ้งไปทั่วจนทำให้เฉินเถียนเถียนหุบปากแน่นเพราะกลัวน้ำลายจะไหลออก!
ในที่สุดไก่ป่าอันหอมหวนก็สุกสักที หยุนเคอดับไฟก่อนจะนำใบ้ไม้มาห่อไก่ย่างตัวนั้นไว้
เห็นอย่างนั้นแล้วเฉินเถียนเถียนกลัวว่าหากไม่พูดอะไร หยุนเคอต้องไม่ยอมแบ่งไก่ให้เธอแน่จึงรีบร้องออก “ท่านลุง… เรามาตกลงข้อแลกเปลี่ยนกันดีไหม? ดูเอาเถิด ตอนนี้ข้าหิวเหลือเกิน หากยังไม่ได้กินอะไรข้าตายแน่! ขอยืมไก่ของท่านสักครึ่งตัวได้หรือไม่?”
‘ท่านลุงงั้นเหรอ? ผมข้ายังคงดกดำอยู่จะเป็นลุงได้อย่างไร?!’
“ยืม? แล้วเจ้าจะหามาคืนข้าได้หรือ?”
เฉินเถียนเถียนรู้สึกได้ถึงการดูถูก ‘เห็นข้าเป็นคนคิดเอาเปรียบผู้อื่นหรือไร?!’
“ได้สิ! ข้าเขียนจะใบสัญญาไว้ให้ราคาเท่ากับท้องตลาดเลย!”
หยุนเคอขมวดคิ้ว ‘หญิงผู้นี้นับว่าไม่ธรรมดา โดนขังอยู่ในบ้านมาโดยตลอดจนไม่รู้จักสังคมข้างนอก และแน่นอนว่าแม่เลี้ยงคงไม่ได้สอนนางแน่!’
‘แต่นางเขียนหนังสือเป็นงั้นหรือ?’
ทันใดนั้นหยุนเคอจึงหลุดปากถามด้วยความสงสัย “เจ้าเขียนหนังสือเป็นเหรอ? หรือต่อให้ข้าเป็นคนเขียนสัญญา เจ้าจะอ่านออกหรือ? ไม่กลัวข้าเอาเปรียบหรือไร?”
เฉินเถียนเถียนรู้สึกไม่พอใจและสบถอยู่ในใจ ‘กล้าหาว่าข้าอ่านหนังสือไม่ออกได้อย่างไร? สมัยนี้ใครเขาไม่เรียนหนังสือกัน?’
ทันใดนั้นนางตระหนักได้ว่าตนอยู่ในยุคโบราณและเฉินเถียนเถียนคนเดิมก็อ่านหนังสือไม่ออก เช่นนี้นางจึงเงียบและไม่ตอบโต้กลับ
“ข้าอ่านไม่เป็นหรอก แต่เจ้าสอนข้าสิ!”
เพียงมองตาก็ทำให้หยุนเคอรู้ว่าแท้จริงแล้วนางอ่านออกเขียนได้ แต่กลับปิดบังเพราะเหตุใดกัน แต่ถึงแม้จะสงสัยมากเพียงใดหยุนเคอก็ตระหนักได้ว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องของนาง
“ไม่ต้องหรอก… ข้าให้!” หยุนเคอกล่าวพลางยื่นไก่ย่างให้นาง
“ให้ข้าหมดเลยเหรอ? เจ้าไม่กินเหรอ?” ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง ทำให้เฉินเถียนเถียนไม่อาจรับรู้ได้ถึงสีหน้าของเขา
“จะกินไหม?”
เฉินเถียนเถียนผู้หิวโหยจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร? ในเมื่อเขาปรุงและย่างไก่ป่าให้เห็นถึงขนาดนี้ คงไม่ได้ประสงค์ร้ายหรือกลั่นแกล้งนางโดยการใส่ยาพิษลงไปหรอก เช่นนี้เฉินเถียนเถียนรีบยื่นมือไปรับทันที
“ค่อย ๆ กินล่ะ หากติดคอตายข้าคงช่วยอะไรไม่ได้นะ!” หยุนเคอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จากนั้นเฉินเถียนเถียนจึงเริ่มกินไก่อย่างตะกละตะกลามด้วยความหิวโหยจนมันติดคอนางเข้าจริง ๆ!
หยุนเคอคิดในใจ ‘ข้าไม่เคยพบหญิงที่ไร้สติเช่นนี้มาก่อนเลย!’
แม้จะหงุดหงิดใจแค่ไหนแต่หยุนเคอก็รีบหยิบกระบอกไม้ไผ่ไปตักน้ำมาให้นางอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณนะ” เฉินเถียนเถียนกล่าวขอบคุณพร้อมสำลักเฮือกใหญ่
หยุนเคอเดินจากไปทันทีโดยไม่หยิบอะไรติดมือไปด้วย แม้เฉินเถียนเถียนจะกำลังยุ่งอยู่กับการกิน แต่นางก็ตระหนักได้ว่าควรกล่าวขอบคุณเขาก่อน ดังนั้นนางจึงรีบวิ่งตามหยุนเคอไปทันที
แต่เพราะหยุนเคอมีวิชาตัวเบาจึงเดินได้เร็วและทิ้งห่างเฉินเถียนเถียนไปไกลจนลับตา แต่นางก็ยังไม่ยอมแพ้และเดินตามไปอย่างเร่งรีบ
ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นตำรวจ หากไล่ตามคนเพียงเท่านี้ยังทำไม่ได้ คงเสียชื่อแย่!
ไม่ว่าหยุนเคอจะมีวิชาที่แกร่งกล้าแค่ไหน ก็ย่อมต้องมีรอยเท้าหลงเหลืออยู่บ้าง… ต้องค้นหาให้ละเอียด!
เฉินเถียนเถียนเดินตามหาเขาไปจนถึงถ้ำ ‘ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าเขาเป็นคนป่า แต่… เป็นคนป่าที่อาศัยอยู่ในถ้ำจริง ๆ เหรอ?’ เฉินเถียนเถียนได้แต่คิดในใจ
“ลุง? ลุง? อยู่หรือไหม?”
หยุนเคอแปลกใจ ‘ข้าทิ้งนางไว้แล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงได้ยินเสียงนางอีกล่ะ?’
“ถ้าไม่ว่าอะไร ข้าขอเข้าไปนะ!” ทันทีที่พูดจบเฉินเถียนเถียนก็เดินเข้าไปในถ้ำโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาต เมื่อเดินเข้ามาถึงขนาดนี้คงทำอะไรไม่ได้ หยุนเคอแสยะยิ้มพลางคิดในใจอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร
‘หากตั้งใจจะเข้ามาอยู่แล้ว จะถามข้าเพื่อสิ่งใดกัน?’
“กลับไปซะ!” หยุนเคอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา!
“เพราะข้ากินอาหารของเจ้าจึงอยากมาขอบคุณและเพียงอยากเห็นว่าเจ้าอยู่ที่ไหน… หากวันหนึ่งข้าได้ดีจะกลับมาตอบแทน!”
“ในเมื่อเห็นแล้วก็ออกไปเสีย!”
“ก็ได้… แต่ที่นี่ดูเหมือนว่าจะอยู่อาศัยได้ลำบากไม่น้อย!” เฉินเถียนเถียนแสร้งทำราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งที่หยุนเคอบอกก่อนจะเดินสำรวจรอบ ๆ ถ้ำ
แม้จะลำบากไป แต่ถ้ำแห่งนี้ก็สะอาดเรียบร้อย! รอบผนังถ้ำได้กลิ่นกำมะถันคละคลุ้ง!
‘เขาต้องใช้ไล่มดแน่! ไม้ท่อนเหล่านี้ที่ใช้แทนเลื่อย เขาสร้างมันเองสินะ’
ภายในถ้ำยังประกอบไปด้วยโต๊ะและเก้าอี้ที่ทำจากหิน ลึกเข้าไปด้านใน มีเตียงหนึ่งหลังที่ทำจากหินอ่อนด้วย!