สามีข้า… คือพรานป่า
ตอนที่ 196 หนี
แต่ตอนนี้ทุกคนเริ่มหัวเราะไม่ออก ทุกคนเริ่มรู้สึกสงสารเขาจับใจแม้ว่าเฉินผิงอันจะทําเรื่องน่าขยะแขยงมามากมาย แต่ในวันนี้สภาพของเขาทําให้ทุกคนรู้สึกจุกในอก
มีเพียงคนที่จิตใจหยาบช้าที่จับจ้องเงินสิบตําลึงในมือของเขาหากแม้เขาได้รับสักสองตําลึงก็สร้างความอิจฉาได้แล้ว นับประสาอะไรกับครอบครัวเล็ก ๆ อย่างคนพวกนี้? แม้แต่หัวหน้าหมู่บ้านยังไม่มีเงินมากมายเท่าเฉิงผิงอันในตอนนี้เลย..
หมู่บ้านแห่งนี้สงบสุขได้สองถึงสามวันก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกครั้งเถ้าแก่จางขมวดคิ้วแน่นอย่างคิดไม่ตก
ที่จริงแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน มีลูกค้าบุกมาที่ร้านและสร้างปัญหาว่าร้านของเขาขายเนื้อเหม็นเน่า! เถ้าแก่จางไม่เคยเชื่อถือคําคารหาเหล่านั้นแต่ว่าคนกล่าวหายิ่งมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทําให้ธุรกิจของเขาเริ่มติดขัด
ตอนนี้เนื้อล็อตสุดท้ายที่เอามากลับขายไม่ออก ทั้งหมดเป็นเพราะเถ้าแก่จางไม่เคยตรวจสอบคลังสินค้าด้วยตนเองจนกระทั่งวันนี้เขาเห็นหนอนไต่อยู่บนเนื้ออย่างชัดเจน กลิ่นเหม็นหืนโชยมาอย่างน่าพะอืดพะอม เถ้าแก่ได้แต่ยืนคิดหนักอยู่อย่างนั้น
ทันทีที่เปิดประตูโกดังออก กลิ่นเหม็นตีเข้าจมูกเถ้าแก่ทันที
ดวงตาของเถ้าแก่จางเบิกกว้างเมื่อเห็นแมลงวันมหาศาลกําลังบินว่อนอยู่ตรงกลางชั้นวางเนื้อ!
แม้ว่านี่จะไม่ใช่การค้าเพียงอย่างเดียวของตระกูลหลี่ แต่มันก็คือกิจการที่สามารถสร้างเม็ดเงินได้ หากร้านอาหารไม่สามารถเดินต่อไปได้กิจการของตระกูลหลี่ในเมืองคงต้องจบสิ้นแน่
เถ้าแก่จางไม่รู้จะอธิบายให้หลี่เฟิงฟังอย่างไร เนื้อที่มีปัญหาเหล่านี้เป็นสูตรที่เขาเอามา ตอนนี้ผลกระทบร้ายแรงเช่นนี้ เกรงว่าจะขายต่อก็ไม่มีซื้อแน่นอน
เถ้าแก่จางปิดประตูคลังอย่างใจเย็น ตกบ่ายเขาไม่ไปที่ร้านอาหารและมุ่งตรงกลับบ้านพร้อมกับเงินทองที่ได้รับมานานหลายปีทั้งยังพาภรรยาทั้งสองคนไปด้วย เขาทิ้งฮูหยินที่เสียโฉมไว้ที่นี่มือทั้งสองข้างโอบอุ้มลูกน้อยทั้งสองไว้ อาศัยความมืดที่ปกคลุ มลอบหนีออกจากเมืองไป
ส่วนหลี่เฟิงยังคงนอนอยู่ที่บ้านอย่างสบายใจ เขาเฝ้าฝันถึงการค้าขายอย่างมีความสุข ตอนนี้เถ้าแก่จางคงอยู่ที่ร้านอาหารและเขาไม่จําเป็นที่จะต้องกังวลอะไร
แต่ตอนนี้เถ้าแก่ไม่อยู่แล้ว เสี่ยวเอ้อกับลูกจ้างคนอื่น ๆ ต่างพากันงุนงง แม้แต่ในครัวก็ยังไม่รู้ว่าควรต้องทําอย่างไร พวกเขาไม่รู้เลยว่าควรจะไปตามหาหลี่เฟิงที่ไหน
ค่าแรงของทุกคนในร้านก็ยังไม่ได้รับ พวกเขาทําได้เพียงเปิดร้านอาหารทุกคนแต่ไม่มีใครเข้าร้านสักคน…
หลังจากผ่านมาครึ่งเดือน หลี่เฟิงคิดว่ามันถึงเวลาที่จะเข้าไปดูกจการบ้างแล้ว เขาเดินโบกพัดไปมาอย่างสบายใจพร้อมกับมุ่งหน้าจากเมืองหลวงสู่ร้านอาหารทันที
นายบัญชีทั้งสองที่รู้จักหลี่เฟิงหันหน้ามองกันแล้วเดินเข้าไปโค้งคํานับทําความเคารพ
“นายท่าน ท่านมาแล้ว! ข้าไม่สามารถไปหาท่านถึงเมืองหลวงได้ทําให้เราต้องรอท่านอยู่ที่นี่ เถ้าแก่จางหายไปไม่เห็นแม้แต่เงา มาครึ่งเดือนแล้วร้านอาหารแห่งนี้ไม่สามารถเปิดต่อไปได้แล้ว ยังไงท่านก็มาแล้วดีเลยรีบจ่ายเงินค่าจ้างให้พวกข้าเถอะ ที่บ้านยังมีคนรอกินข้าวอยู่!”
หลี่เพิ่งตกใจพร้อมขมวดคิ้วแน่น จึงเอ่ยถามอย่างสงสัย “เถ้าแก่จางไม่มาครึ่งเดือนแล้วงั้นรึ? เขาควรอยู่ร้านอาหารทุกวันมิใช่หรือ?”
นายบัญชีมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเถ้าแก่จางมาโดยตลอด แม้เขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีแต่คนตรงหน้าเท่านั้นที่รู้ แต่พอเห็นคําถามของเจ้านายเขาก็รีบร้อนตอบกลับ “เถ้าแก่ในร้านอีกคนบอกว่าเขามีปัญหาภายในครอบครัวนิดหน่อยจึงขอกลับบ้านก่อน แล้วจากวันนั้นก็ไม่มีผู้ใดพบเจอเขาอีกเลย!”
หลี่เพิ่งได้ยินอย่างนั้นถึงกับตื่นตระหนก เงินทั้งหมดในร้านอาหารถูกฉกชิงไปโดยเถ้าแก่จาง…
“พาข้าไปที่บ้านของเถ้าแก่จางเร็วเข้า!”
นายบัญชีรีบพาหลี่เพิ่งออกไปตรงมายังบ้านของตระกูลจาง ประตูบ้านปิดสนิท เช่นนี้นายบัญชีเดินไปเคาะประตูด้วยความหวาดกลัว
สตรีสูงวัยผู้หนึ่งเปิดประตูออกมาพร้อมสีหน้าโศกเศร้า
“นายท่าน ท่านมาที่นี่ทําไม?”
หลี่เฟิงไม่ได้สนใจหญิงคนนี้ เขาเดินเข้าไปในจวนตระกูลจางและมองไปรอบ ๆ จากนั้นก็ถามขึ้นมาว่า “ฮูหยินจาง สามีของเจ้าอยู่ที่ ไหน?”
ฮูหยินจางขมวดคิ้ว “ไม่ใช่ว่านายท่านสั่งให้เขาไปธุระต่างเมืองหรอกหรือ? เพราะมีงานเลี้ยงสังสรรค์ เขาจึงพาอนุคนโปรดไปด้วย แม้แต่เด็ก ๆก็ยังไปด้วยเขายังบอกอีกว่าจะพาเด็ก ๆ ไปเผชิญ โลกภายนอกมากขึ้น”
หัวใจของหลี่เฟืนเต้นระรัว “ข้าสั่งให้เขาไปทําธุระต่างเมืองตั้งแต่เมื่อไหร่กันทําไมข้าไม่รู้ว”
เมื่อมองไปยังเรือนไร้เจ้าของ นายบัญชีก็ก้าวขึ้นมาพร้อมพูดว่า “ข้าว่าเถ้าแก่จางหนีไปแล้ว!”
เมื่อหลี่เฟิงได้ยินคําพูดนี้เขาก็ตกใจเล็กน้อย มือที่ถือพัดอยู่อ่อนแรงลงจนเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้น
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? แล้วทําไมเขาต้องหนี?”
นายบัญชีถอนหายใจออกมา “เพราะข้าไม่รู้จะติดต่อนายท่านอย่างไรมิเช่นนั้นข้าคงบอกท่านไปแต่แรกปกติเถ้าแก่จางไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่สกปรกมาก แต่เพราะเป็นเจ้านายข้าจึงไม่อาจพูดอะไรได้เมื่อเร็วๆนี้มีปัญหาใหญ่เกิดขึ้น!”
“เมื่อไม่กี่วันก่อน เถ้าแก่จางให้คนทําเนื้อหมูมาขายในร้าน ราคาถูกกว่าที่ซื้อข้างนอกมาก ตอนแรกธุรกิจเรากําลังไปได้สวย แต่นายน้อยหลี่ไม่รู้ว่าได้สูตรอาหารมาจากที่ไหนลูกค้าจึงโดนดึงไปฝั่งนั้นไม่น้อย”
“นานวันเข้า มันเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ มีคนเข้ามาโวยวายในร้านบอกว่าเนื้อที่ขายทั้งเหม็นและยังมีแมลงตอม เถ้าแก่จางรู้ว่ามีความผิดปกติกับเนื้อจึงพาพวกข้าไปที่โกดัง ใครจะไปคาดคิดว่าเนื้อในนั้นมีกลิ่นเหม็นสาปและแมลงวันบินเต็มไปหมด”
“ข้านึกว่าเถ้าแก่จางจะไปหานายท่าน ใครจะคาดคิดว่าเขาจะพาอนุและลูกหนีไป ข้าไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เพราะคิดเสมอว่าครอบครัวเขาอยู่ที่นี่ ฮูหยินจางก็อยู่บ้านตลอด ใครจะรู้ว่าการจากไปครั้งนี้กลับไม่พาฮูหยินไปด้วย!”
หลี่เฟิงขมวดคิ้ว “ทําไมเนื้อถึงมีปัญหาได้?”
นายบัญชีรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย เถ้าแก่จางหนี้ไปแล้ว ถ้านายท่านหนีไปอีกคน ลูกจ้างจํานวนมากคงไม่ได้แม้แต่ค่าแรง
“ตอนที่พวกข้าย้ายเนื้อเข้ามา ข้าบอกเขาแล้วว่าเนื้อยังไม่แห้งดีเกรงว่าจะเก็บไว้ได้ไม่นาน แต่เถ้าแก่จางกลับไม่เชื่อคําข้า และพูดขี้นว่ามาไม่นานก็ขายหมดแล้ว แต่เนื้อพวกนั้นไม่น้อยเลย น้ําหนักทั้งหมดสองพันชั่ง วิธีการรักษาก็ไม่ดีนัก”
หลี่เฟิงตกตะลึง เขารู้ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับกลิ่นของเนื้อหมู.. เขาคิดว่าแม้รสชาติจะแย่เล็กน้อยแต่ราคามันแสนถูก ตามหลักแล้วเนี้อสองพันชั่งนั้นใช้เวลาไม่นานก็ขายหมดแล้ว!