แม้เฉินเถียนเถียนไม่เชื่อถือแต่ก็ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับ
“โปรดเชื่อในคำพูดของแม่เถิด ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว นับจากนี้ข้าจะดูแลครอบครัวให้ดี ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าและเฉินเอ๋อต้องหิว”
เฉินผิงอันได้ยินทุกสิ่งชัดเจนแต่กลับไม่เข้าใจความหมายของประโยคเหล่านั้นแม้สักนิด และไม่คิดทำตามด้วย!
ในครอบครัวนี้นอกจากเฉินเถียนเถียนแล้ว เฉินเอ๋อก็อดอยากและน่าสงสารไม่ต่างกัน
เฉินเถียนเถียนเห็นเด็กชายผู้น่าสงสารยืนดูทุกอย่างอยู่หน้าประตู นี่เป็นครั้งแรกที่แววตาของเฉินเฉินไร้ซึ่งความเกลียดชังหรือคาดหวังต่อสิ่งใด
ทั้งเฉินเถียนเถียนและเฉินเฉินถูกกระทำอย่างทารุณ แม้ว่าเด็กชายจะเป็นลูกแท้ ๆ ของหลินชวนฮวาและเฉินผิงอันก็ตาม
ในตอนนี้เองเฉินเถียนเถียนจึงคิดได้ว่าควรใช้เฉินเฉินเป็นเครื่องมือเพื่อแก้แค้นหลินชวนฮวาจะที่ดีที่สุด หากลูกชายเกลียดแม่ของตนคงเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย…
หากเฉินเฉิงเยี่ยไม่ประสบความสำเร็จในการสอบเป็นขุนนางแต่กลับเป็นเฉินเฉินผู้น่าสงสารที่ได้เป็นใหญ่ เรื่องราวทุกอย่างคงสนุกสนานน่าดูชม
‘ไม่อยากคิดเลยว่า หลินชวนฮวาจะมีพฤติกรรมอย่างไรเมื่อวันนั้นมาถึง?!’ เมื่อคิดได้อย่างนี้เฉินเถียนเถียนจึงตัดสินใจให้เฉินเฉินเป็นพันธมิตรของนาง
ผู้เฒ่าประจำหมู่บ้านต่างเห็นพ้องต้องกันว่าหลินชวนฮวาเป็นแม่บ้านที่ดีและยังจัดการดูแลทุกอย่างได้ดีกว่าเฉินผิงอัน เดิมทีหลินชวนฮวาตั้งใจจะยกบ้านหลังนี้ให้เป็นสินสอดทองหมั้นของเฉินเฉิงเยี่ยเพื่อใช้แต่งงานหลังจากที่สอบขุนนางได้
เฉินเถียนเถียนกำลังเสียเปรียบ นางไม่ได้พูดถึงเรื่องอาหารที่หลินชวนฮวานำไปซ่อนเพราะรู้ดีว่าหลินชวนฮวาไม่มีทางยอมรับผิดเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคนแน่… และแน่นอนว่าเฉินเถียนเถียนไม่เต็มใจให้มันจบลงเช่นนี้เลย
เมื่อการตัดสินจบลง ทุกคนก็ต่างพากันแยกย้ายกลับบ้านและท่านผู้เฒ่าหันมาตักเตือนครอบครัวนี้อย่างจริงจังก่อนจะจากไป
จี่ชื่อกล่าวออกอย่างกังวล “หลานรัก… ตอนนี้มีคนหนุนหลังเจ้าแล้ว ไม่ต้องกลัวสิ่งใดอีก หากมีใครทำร้ายหรือรังแก เจ้าก็จงไปหาท่านผู้เฒ่าเสีย ข้าเป็นเพียงป้าและพี่สะใภ้ของพ่อเจ้าจึงทำอะไรมากไม่ได้แต่ท่านผู้เฒ่าสามารถตัดสินได้ทุกอย่าง!”
“ถ้าหากว่านางไม่ต้องการจะหย่า ก็จงให้นางรับประกันว่าจะไม่มีรอยแผลใดบนร่างกายของเจ้าอีก!”
เห็นได้ชัดว่าทุกคำพูดของจี๋ชื่อพุ้งเป้าไปที่หลินชวนฮวา แม้นางจะโกรธมากแต่เมื่อนึกถึงเป้าหมายที่ยังไม่บรรลุผลจึงทำได้เพียงกัดฟันทน
แน่นอนว่าคำพูดของจี๋ชื่อเป็นความจริง ทุกคนต่างเห็นพ้องว่านางพูดจาฉะฉานและเล่าทุกอย่างได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งจี๋ชื่อยังเป็นหญิงที่มีลูกชายเยอะที่สุดในหมู่บ้านจึงไม่มีใครกล้ายั่วยุ!
ใบหน้าของเฉินผิงอันไม่สู้ดีนัก แม้เขาอยากจะตำหนิจี๋ชื่อเพียงใดแต่เพราะนางเป็นพี่สะใภ้จึงไม่สามารถทำสิ่งใดได้
หลินชวนฮวาและเฉินผิงอันอดทนจนแทบกระอัก แม้ภายในจะเจ็บปวดแต่ก็รู้สึกดีที่จี๋ชื่อยอมกลับไปเสียที
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เฉินผิงอันจึงเดินไปยังโรงเก็บไม้พร้อมกับถีบกำแพงด้วยความโมโห เขาตะโกนเสียงดัง “นังเด็กขี้ครอก ปีกกล้าขาแข็งขึ้นทุกวัน! คอยดูเถิด… ข้าจะขายเจ้าสักวัน!”
เฉินเถียนเถียนยิ้มอย่างพอใจ “เหมือนพ่อจะลืมอะไรไป…”
“โฉนดที่ดินทั้งหมดรวมถึงบ้านหลังนี้อยู่ในมือข้า หากท่านขายข้าให้ผู้อื่น ทรัพย์สินเหล่านี้ก็จะตกไปเป็นของเขาด้วย พวกท่านรังแกและบีบบังคับให้ข้าต้องทำเช่นนี้… อย่าได้กล่าวโทษว่าข้าหยาบคาย!”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินผิงอันก็รู้สึกกระอักกระอ่วนและหงุดหงิดมากกว่าเดิม
แม้หลินชวนฮวาจะอยากเอาชนะเฉินเถียนเถียนมากเพียงใดก็ทำได้เพียงแค่ห้ามเฉินผิงอันไว้เท่านั้น
“สามี… อย่าต่อปากต่อคำกับนางเลย”
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ข้าเป็นพ่อย่อมมีสิทธิ์สั่งสอนลูกไม่ใช่หรือ?”
เฉินเถียนเถียนเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ “ใช่แล้ว พ่อมีสิทธิ์สั่งสอนข้า! ลองสักหน่อยดีไหม? หากถูกพ่อตี ข้าจะได้ป่าวประกาศต่อชาวบ้านว่าแม่เป็นคนทำและนางจะถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านขณะที่ข้าอยู่อย่างสบายที่บ้านหลังนี้!”
เฉินผิงอันตกตะลึงไปทันที
แน่นอนว่าเฉินเถียนเถียนไม่ใช่หญิงสาวผู้อ่อนแอและโง่เขลาคนเดิม แต่หากนางยั่วยุเฉินผิงอันมากเกินไปก็อาจทำให้เขาสงสัยมากกว่าเดิมได้
“ข้าอยากอยู่อย่างสงบสุข หยุดเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของข้าเสียที!”
หลังพูดจบ เฉินเถียนเถียนก็ลุกขึ้นปัดฝุ่นพร้อมกับคิดเดินหนีไป
“เรามาทำข้อตกลงกันดีไหม? ยุติเรื่องบาดหมางไว้เพียงเท่านี้ พ่อและแม่จงทำราวกับว่าข้าไม่มีตัวตน ข้าก็จะยอมให้พวกท่านอยู่ในบ้านนี้ต่อไปด้วยทรัพย์สินของแม่ข้า หากข้าแต่งงานก็จะยกที่ดินบางส่วนให้ แต่ขณะที่ข้าอยู่ที่บ้านต้องได้อยู่อย่างสบายที่สุด… ดีหรือไม่?”
เฉินผิงอันโกรธมากเพราะหากยอมให้เฉินเถียนเถียนมีชีวิตที่สุขสบายขึ้น พวกเขาก็ต้องลำบากขึ้นเช่นกันและหากต้องการใช้จ่ายในอนาคตก็ต้องขออนุญาตจากนางไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่
เมื่อเห็นว่าสามีกำลังจะก่อความยุ่งยาก หลินชวนฮวารีบคว้าแขนเขาไว้ทันที
“ได้ ข้ายอมรับ” หลินชวนฮวาตอบกลับเพราะกลัวว่าเฉินผิงอันอาจโมโหจนทำให้แผนของนางพังไม่เป็นท่า
แต่เฉินผิงอันนั้นมีกำลังล้นเหลือ นางจะห้ามเขาได้อย่างไร?
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มย่ำแย่ นางจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปเกาะแขนของเฉินผิงอันไว้แน่นก่อนจะใช้หน้าอกอันนุ่มนวลถูไถไปกับมือของเขา เฉินผิงอันคือชายตัณหากลับแม้กระทั่งต่อหน้าลูกสาวเขายังคิดเรื่องอย่างว่าได้…
ทันใดนั้นเฉินผิงอันจึงลากหลินชวนฮวาเข้าไปในห้องนอน เฉินเถียนเถียนยกยิ้มอย่างรังเกียจก่อนจะหยิบสำลีมายัดหู เพราะไม่อยากได้ยินเสียงแห่งความสุขของชายหญิงคู่นี้
หลังเสร็จกิจ เฉินผิงอันถือว่าได้ระบายความโกรธออกไปแล้ว เขาจึงเริ่มรู้สึกหิวเพราะใกล้มื้อเย็น เนื่องจากเฉินผิงอันไม่สามารถสั่งให้เฉินเถียนเถียนทำอาหารได้จึงสั่งให้หลินชวนฮวาลุกขึ้นไปทำแทน
หลินชวนฮวาลุกจากเตียงด้วยความอ่อนเพลียก่อนจะก่นด่าเฉินผิงอันในใจด้วยความหงุดหงิด!