หลี่ซื่อฮวาได้ยินอย่างนั้นถึงกับตื่นตระหนก เหตุใดอาวุโสผู้นี้จึงไร้เหตุผลนัก? เขาต้องการจะกำจัดนางจริง ๆ ใช่หรือไม่? หรือว่าเขาไม่เชื่อว่านางบริสุทธิ์กันแน่?
แน่นอนว่าผู้เฒ่าใหญ่กลับไม่คิดเห็นด้วย “สิ่งที่น้องสี่กล่าวออกนั้นไม่ถูกต้อง… ประการแรกคือเด็กสาวผู้นี้ยังไม่เสียบริสุทธิ์ให้กับผู้ใด จะให้รีบจัดการกับนางราวกับมิใช่คนงั้นหรือ? ประการที่สอง… บุคคลที่ทำผิดอย่างแท้จริงคือหลินชวนฮวา! หากทำดั่งที่เจ้าว่าโลกใบนี้ควรมีคำว่าความยุติธรรมอยู่หรือไม่?”
อาวุโสทั้งสองจับจ้องกันอย่างไม่ยอมแพ้ เฉินเถียนเถียนเห็นอย่างนั้นก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย…
ไม่เช่นนั้นนางคง… รอไม่ไหวที่จะถอนหงอกของชายชราผู้น่ารังเกียจคนนั้นออก!
คราวนี้เป็นทีของผู้เฒ่าหกขอกล่าวคำบ้าง “ข้าจะไม่พูดถึงผู้อื่นแต่จะพูดถึงเพียงหญิงสาวในตระกูลเฉินผู้นี้เท่านั้น เมื่อไม่กี่วันก่อนมีปัญหาเกิดขึ้นและส่งผลให้เกิดความวุ่นวายในวันนี้! คงจะเป็นการดีหากนางได้แต่งงานโดยเร็วที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นการแต่งงานจะช่วยหยุดข้อพิพาทได้โดยเร็วอีกด้วย!”
หากไม่มีผู้ใดเชื่อในความบริสุทธิ์ของเฉินเทียนเถียน นางก็พร้อมจะเริ่มสาบาน!
ดูเหมือนว่าทุกคนจะมองนางเป็นตัวปัญหา แต่แท้จริงแล้ว… นางไม่เคยสร้างปัญหาอะไรเลย!
ผู้เฒ่าใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “ข้าคิดว่าเด็กสาวผู้นี้ยอดเยี่ยม นางหนักแน่น มีเหตุผลและต่อสู้เพื่อตนเอง แต่เพราะนางถูกทำร้ายอย่างทารุณ แล้วทุกอย่างมันควรจะเป็นเช่นนี้หรือ?”
ผู้เฒ่าที่สี่และผู้เฒ่าที่หกต่างไม่ชอบใจเฉินเถียนเถียน อาจเป็นเพราะความเป็นเลิศและความดีงามของแม่นางหยุน อีกทั้งยังรู้สึกเสมอว่าหญิงที่ดีไม่สมควรมีลูกสาวที่น่าอับอายเช่นนี้!
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจอดทนต่อเฉินเถียนเถียนที่เอาแต่สร้างปัญหาได้
“แต่ไม่ใช่ผู้เฒ่าทุกคนจะยอมรับ เราจึงทำได้เพียงแก้ปัญหาให้นางได้เท่านั้น! ถึงแม้นางจะบริสุทธิ์และเราเองก็ทราบเรื่องนี้ แต่เมื่อข่าวแพร่ออกไปแล้วใครบ้างจะยังเชื่อว่านางบริสุทธิ์?”
คำพูดของผู้เฒ่าที่สี่ทำให้ผู้เฒ่าใหญ่เงียบ!
แน่นอนว่าไม่ผิดที่เขาจะชอบเด็กหญิงผู้นี้ และไม่ผิดที่จะชื่นชมนางแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องฟังความเห็นของคนในตระกูล สิ่งที่ผู้เฒ่าสี่พูดก็ไม่ผิดเพราะนางไม่มีวันลบล้างความคิดแย่ ๆ ของผู้คนที่มีต่อนางได้
บางครั้งข่าวลือก็ไม่สามารถลบล้างได้ด้วยหลักฐานแห่งความจริง…
อีกทั้งยังมีคนบางกลุ่มที่คิดว่าทั้งเฉินเถียนเถียนและหลี่ซื่อฮว๋าต่างสมรู้ร่วมคิดสร้างหลักฐานปลอมนี้ขึ้นมา!
“สาวน้อย… อย่าโทษผู้เฒ่าสี่เลยที่ไม่ช่วยเจ้า หลักฐานที่เจ้ามียังไม่ชัดเจน พวกข้าก็ชรามากแล้วจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก อีกอย่างมันก็เป็นเรื่องปกติ ยังมีหญิงสาวมากมายที่ยังไม่เคยผ่านการแต่งงานถูกกล่าวหา ไม่ใช่เพียงแต่เจ้า…”
เฉินเทียนเทียนรู้สึกเสียใจมากที่ไม่สามารถเปลี่ยนเรื่องปกติของทุกคนให้กลายเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ถูกต้องตามกฏสังคม แยกแยะผิดถูกได้อย่างชัดเจนและรู้จักบังคับใช้กฎหมายได้
แต่ตอนนี้ นางอยู่ในโลกที่ในโลกที่ข่าวลือสามารถฆ่าคนได้ และการยืนยันด้วยหลักฐานก็เป็นสิ่งที่อ่อนแอมาก!
“สินสอดทองหมั้นจะเป็นเงินของแม้เจ้า แต่บ้านและทุ่งนาทั้งหมดก็ยังอยู่ในหมู่บ้าน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะยกให้เจ้าครอบครอง! ดังนั้นจงโอนกรรมสิทธิ์ทุกสิ่งให้เป็นของพ่อเจ้าเถิด”
“เอาล่ะ เฉินผิงอัน… เหล่าผู้เฒ่าอย่างพวกข้ายังมีชีวิตอยู่ หากมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นแล้วเจ้ายังกล้าเพิกเฉยต่อนางอีก พวกข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่นอน! แม่นางเฉิน… ข้าช่วยเจ้าได้ดีที่สุดก็เท่านี้ สำหรับการแต่งงาน เจ้าจะต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง ทั้งแม่เลี้ยงและตระกูลหลี่จะไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เด็ดขาด!”
แววตาของผู้เฒ่าใหญ่เปี่ยมไปด้วยประกายแห่งความชาญฉลาด แม้เด็กสาวผู้นี้จะไม่ได้หัวอ่อนเหมือนหญิงอื่น แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อไม่ให้เกิดความขุ่นเคืองหรือปัญหาขึ้นในอนาคตเพราะอาจส่งผลเสียต่อตระกูลเฉินได้
แน่นอนว่าเฉินเถียนเถียนไม่ยินยอม แต่เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากเฝ้าดูและกดดันนาง อีกทั้งผู้เฒ่าใหญ่ก็ตัดสินเรื่องทั้งหมดอย่างเด็ดขาดแล้ว ดังนั้นนางจึงหยิบโฉนดบ้านและที่ดินออกมาด้วยท่าทางเศร้าสร้อย
จากนั้นยื่นมันทั้งหมดให้กับเฉินผิงอันด้วยท่าทีที่ไม่เต็มใจนัก
เฉินผิงอันยิ้มอย่างมีชัย ดวงตาของเขาฉายแววเย้ยหยันอย่างไม่ปกปิด
‘นังเด็กขี้ครอก ต่อให้เก่งแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ต้องถวายทุกอย่างให้ข้าด้วยมือทั้งสอง!’
ผู้เฒ่าใหญ่กล่าวต่อ “เด็กสาวผู้นี้ได้รับความเจ็บช้ำใจมามากพอแล้ว เฉินผิงอัน… หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นที่บ้านและสร้างความไม่พอใจให้แก่นาง นางมีสิทธิ์นำมาบอกข้าได้ทุกเมื่อ! จำไว้ให้ขึ้นใจเมื่อมองย้อนกลับไปเจ้าเองก็ทำให้แม่ต้องคับข้องใจเช่นกัน!”
“ในตอนนั้นข้าต้องการจะขับไล่เจ้าออกไปเพราะทำผิดกฎของหมู่บ้าน แต่รู้หรือไม่ว่าแม่ของเจ้าเข้ามาอ้อนวอนต่อพวกข้า! หลังจากนี้เด็กสาวคนนี้จะอยู่ในบ้านของพวกเจ้าไปอีกสักพัก ห้ามทำร้ายนางแต่จงปกป้อง! เรื่องสินสอดทองหมั้นก็อย่าได้เรียกร้องมากนัก ไตร่ตรองเรื่องราวให้ถี่ถ้วนจะได้ไม่ต้องเสียใจในอนาคต!”
นี่เป็นคำเตือนที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง คำพูดที่ผู้เฒ่ากล่าวออกเห็นได้ชัดว่ามีความเอนเอียงไปหาเฉินเถียนเถียน
ผู้เฒ่าทั้งที่สี่และผู้เฒ่าที่หกยืนพยักหน้าเพื่อแสดงความเห็นด้วย! เฉินผิงอันรับรู้ได้ถึงแรงกดดัน แม้เขาจะไม่เต็มใจแต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างฝืนทน
“ส่วนเจ้า… หลินชวนฮวา! หากเจ้าไม่สามารถจัดการกับเรื่องราวทั้งหมดได้ ข้าจะเป็นคนจัดการให้เอง ยังไงซะเหตุการณ์ทั้งหมดนี้นับว่าเจ้าคือต้นเหตุ อย่างไรคนผิดคือเจ้าแต่เพียงผู้เดียว! ก้าวขาออกมาขอโทษเด็กคนนี้ซะ!”
หลินชวนฮวาได้ยินอย่างนั้นก็เผยสีหน้าไม่พอใจยิ่ง ส่วนเฉินผิงอันก็อับอายจนไม่รู้จะมุดหน้าไว้ไหน แต่ภายใต้คำสั่งเด็ดขาดของผู้เฒ่าใหญ่ทำให้ทุกคนไม่กล้าขัดขืน
สุดท้ายแล้วหลี่ชวนฮวายืนขึ้นพร้อมกล่าวคำอย่างไม่เต็มใจนัก “ข้าขอโทษ!”
เฉินเทียนเถียนหันเบือนหน้าหนีอย่างไม่ยอมรับคำขอโทษของอีกฝ่าย!
“หากเจ้าทำร้ายใครสักคน แล้วคำขอโทษทำให้ทุกอย่างจบ กฎหมายบ้านเมืองจะมีประโยชน์อะไร! หลินชวนฮวาสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ อีกไม่นานเจ้าจะได้ลิ้มรสแห่งความชั่วร้าย จงจำไว้ให้ดี!”
ผลตัดสินเป็นเด็ดขาด ทุกคนจึงแยกย้ายกลับ
ผู้เฒ่าใหญ่ยืนถือไม้เท้าอยู่ตรงหน้าเฉินเถียนเถียนพร้อมกล่าวอย่างอ่อนโยน “เด็กน้อย… ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจ โลกนี้มันไม่ยุติธรรมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว! บอกตามตรงผู้เฒ่าทั้งสองต่างเสียใจที่ต้องทำแบบนี้และข้าก็เสียใจที่ช่วยเจ้าไม่ได้ แต่เจ้าต้องเข้าใจว่าข้าไม่อาจทำให้สมดั่งใจทุกคนปรารถนาได้!”
เฉินเถียนเถียนก้มศีรษะลงด้วยท่าทีเคารพก่อนจะกล่าวตอบเสียงค่อย “ท่านอาวุโสทำเพื่อข้ามามากพอแล้ว! ตอนนี้ที่ข้าคับข้องใจมีเพียงเรื่องที่ข้าต้องแต่งงานเท่านั้น… ส่วนสิ่งอื่นท่านช่วยเหลือข้ามากพอแล้ว เด็กสาวคนนี้ไม่อาจตำหนิท่านได้!”
ผู้เฒ่าใหญ่เงยหน้าขึ้นและถอนหายใจยาว “เด็กน้อย… ข้าเองก็แก่แล้ว แม่เลี้ยงของเจ้าก็เอาแต่สร้างเรื่องวุ่นวาย ดังนั้นจึงเป็นการดีสำหรับเจ้าที่จะแต่งงาน!”
เฉินเถียนเถียนกล่าวด้วยท่าทีอ่อนโยน “อย่างนั้นข้าก็ขอบพระคุณท่านผู้เฒ่ายิ่ง!”
ชายชราถอนหายใจด้วยความไม่รู้จะทำอย่างไรก่อนจะส่ายศีรษะและเดินจากไป เฉินเถียนเถียนรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นเรื่องยากมาก การแต่งงานมันยากเกินไป!