‘ในโลกใบนี้ไม่ว่าจะเป็นเถียนเถียนคนเดิมหรือคนปัจจุบัน ข้าก็รู้จักเพียงผู้ชายไม่กี่คนเท่านั้น แล้วข้าจะหาผู้ชายที่ไหนมาแต่งงานได้เล่า?’
ตอนนี้เถียนเถียนอายุเพียงสิบสี่ปีเท่านั้น หากอยู่ในภพเดิมก็คงเรียนอยู่ในชั้นมัธยมต้น… แค่คิดเรื่องนี้ก็ทำให้ปวดหัวยิ่ง!
หลังจากที่ทุกคนจากไป นางก็เดินออกมาจากตรงนั้นด้วยเช่นกัน… ท้ายที่สุดแล้วการต่อสู้ครั้งนี้นางก็พ่ายแพ้!
เฉินเถียนเถียนเดินไปเรื่อย ๆ ด้วยความผิดหวัง แต่เมื่อถึงสี่แยกนางเห็นหลี่ซื่อฮวายืนอยู่ข้างรถม้า เขาเอ่ยปากถามอย่างหยอกเย้า “เฮ้สาวน้อย เจ้ายอมแพ้แล้วงั้นหรือ? ข้าเห็นว่าผู้เฒ่าพวกนั้นบังคับให้เจ้าแต่งงานให้โดยเร็ว!”
เฉินเถียนเถียนยังคงรู้สึกขอบคุณต่อนายน้อยหลี่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมเขาบ้าง…
“นายน้อยหลี่… เหตุใดยังคงหยุดอยู่ที่นี่ มารอฉุดเด็กสาวจากหมู่บ้านเทพธิดาอีกแล้วเหรอ?”
เสี่ยวซื่อยิ้มจางพร้อมกล่าวตอบ “รอฉุดเด็กสาวอย่างนั้นเหรอ? ไม่คิดว่าจะมีหญิงเข้ามาติดพันนายน้อยของข้าบ้างหรือ?”
ส่วนนายน้อยหลี่ไม่ได้พูดอะไรตอบแต่เอื้อมมือไปตบหัวของเสี่ยวซื่อเบา ๆ! อีกฝ่ายหดคอและก้าวถอยหลังไปทันที!
“สาวน้อย… สิ่งที่ข้าพูดวันนี้ช่วยชีวิตเจ้าได้ เจ้าไม่คิดสำนึกบ้างหรือ?”
เฉินเทียนเถียนกลอกตาโดยไม่ได้พูดอะไรตอบ นายน้อยหลี่เห็นอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“เอาล่ะ! ข้าไม่ได้ช่วยเพราะเจ้ากตัญญูหรืออะไรหรอก แต่เจ้าเป็นหญิงน่าสงสารและข้าก็ไม่อยากมีปัญหาภายหลัง!”
หลังพูดจบหลี่ซื่อฮวาก็โบกพัดในมือไปมาอย่างสง่างาม
“พูดถึงแม่เลี้ยงของเจ้าแล้ว นางช่างโง่เขลาเสียจริง มันสายเกินไปแล้วที่จะปิดบังเรื่องนี้ นางกล้าพูดออกมาได้อย่างไร?! ดูเหมือนในอนาคตเฉิงเยี่ยจะลำบากไม่น้อย ชื่อเสียงของนักปราชญ์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากข่าวเรื่องแม่ของเขากระจายออกไป… ใครเล่าจะกล้ารับเขาเป็นศิษย์?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเฉินเถียนเถียนพลันตื่นเต้น ดูเหมือนว่านางจะไม่ต้องจัดการอีกฝ่ายด้วยตนเองแล้ว นายน้อยหลี่ช่างปราดเปรื่องนัก… เขาไม่ยอมให้หลินชวนฮวาใช้ตนเป็นเครื่องมือเลยสักนิด!
“แท้จริงแล้วท่านเป็นคนอย่างไรกันแน่? หากมองจากภายนอกก็คงเห็นว่าท่านโหดร้ายและบ้ากาม แต่ตอนนี้ชายที่อยู่ตรงหน้าข้ากลับไม่เป็นเช่นนั้นแม้แต่น้อย… ใครจะไปคาดคิดว่านายน้อยหลี่จะสงสารเด็กสาวตัวเล็กเช่นข้า กล่าวคำยืนยันความบริสุทธิ์ให้ข้าด้วยความสัตย์จริง… ทุกสิ่งที่ปรากฏมันชวนให้ข้าสับสนเพราะเรื่องราวที่ได้ยินมามิใช่อย่างนี้!”
ได้ยินอย่างนั้นหลี่ซื่อฮวาก็ตื่นตระหนกไม่น้อย เด็กสาวผู้นี้ไม่ได้ตัดสินเขาจากเรื่องราวที่ได้ยินงั้นหรือ… นางไม่ได้คิดว่าเขาเลวร้ายจริง ๆ หรือ?
เฉินเถียนเถียนยังคงไม่หยุดจ้อ “ไม่ใช่ข้าอยากโอ้อวดอะไร แต่หากไม่ใช่เพราะข้าขาดสารอาหารจนผ่ายผอม… ข้าก็นับว่าเป็นหญิงงามเช่นเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ไม่คิดจะทำอะไรข้า มันจึงทำให้ข้าตกใจไม่น้อยเพราะอย่างไรแล้วชื่อเสียงและกิตติศัพท์ความโหดร้ายของตระกูลหลี่นั้นเลื่องลือนัก!”
“ข้าได้ข่าวมาว่าแม่เลี้ยงของนายน้อยก็โหดเหี้ยมเช่นเดียวกับแม่เลี้ยงของข้า! แต่ว่าแม่เลี้ยงของข้านั้นกดขี่ข่มเหงและใส่ร้ายเพื่อตัดอนาคตของข้าให้จบสิ้น! การที่นางต้องเผชิญหน้ากับนายน้อยหลี่นั้นนับว่าสมน้ำสมเนื้อไม่น้อย ข้าเพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วท่านไม่ได้เห็นด้วยกับนางแต่ก็ไม่ต้องการจะมีปัญหากับผู้ใดจึงแสร้งโอนอ่อนตามบทบาท เมื่อสบโอกาสที่อีกฝ่ายคลายความระวังตัวท่านจึงจะทุบตีในคราวเดียวใช่หรือไม่?!”
นายน้อยหลี่ถึงกับชะงักงันด้วยความตกตะลึง ใบหน้าของเขาพลันเคร่งขรึมพร้อมเสี่ยวซื่อที่ยืนตัวสั่นอยู่ด้านข้าง… ไม่มีใครรู้ว่านายน้อยทำอะไรลงไปบ้างนอกจากตัวของเขาเอง แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับถูกเปิดเผยโดยแม่สาวน้อยตรงหน้า! เขาคงไม่ฆ่าตัวตายเพราะโกรธาใช่หรือไม่?
“แม่นางเฉินเถียนเถียน… นับว่าเจ้าฉลาดหลักแหลมยิ่ง แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากรู้มากไปย่อมส่งผลร้ายตามมา อย่างเช่นตอนนี้ข้าคิดว่าควรจะฆ่าปิดปากเจ้าดีหรือไม่?!”
เฉินเถียนเถียนถอยกรูดอย่างไม่รู้ตัว นางรู้สึกได้ว่าทุกถ้อยคำที่นายน้อยหลี่กล่าวออกล้วนแต่เป็นความจริงและเขาสามารถสังหารนางได้จริง ๆ!
“เอาล่ะ… คราวนี้ถือว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน แต่สำหรับเรื่องราวกงการของข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งวุ่นวายเด็ดขาดจำไว้ให้ดี! รีบไปให้พ้นหน้าข้าซะ…”
ทันทีที่เขาพูดจบ เฉินเถียนเถียนสับขาวิ่งหนีไปทันที คำพูดและอำนาจของนายน้อยผู้นี้ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างน้อยก็ทำให้นางกลัวได้!
แต่ความจริงแล้วไม่เห็นต้องกลัวอะไร คนเราเกิดมาก็ต้องตาย!
หากเขาต้องการจะฆ่าใครจริง ๆ เฉินเถียนเถียนอาจไม่ใช่เป้าหมายของชายหนุ่มทั้งสองก็ได้! เพราะถ้าหากใช่… พวกเขาคงไม่ปล่อยให้นางวิ่งหนีออกมาหรอก
หลี่ซื่อฮวาเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมา แต่หญิงตรงหน้ากลับวิ่งเร็วยิ่งกว่ากระต่ายป่า… เขาควรทำอย่างไรหากนางเอาเรื่องทั้งหมดนี้ไปแพร่งพราย?
ในโลกนี้… ใครสามารถเก็บความลับได้ดีที่สุด?
คนตายไงล่ะ!
เสี่ยวซื่อมองไปที่ใบหน้าอันเคร่งขรึมของนายน้อยก่อนจะรวบรวมความกล้าและเอ่ยปากถาม “นายน้อยต้องการให้ข้าหยุดนางหรือไม่?”
แม้ว่าเขาจะโกรธแต่ก็ยกมือเพื่อปฏิเสธอย่างไม่หยี่ระ…
“ไม่ต้องหรอก! นางจะไม่นำเรื่องนี้ไปแพร่งพรายเพื่อแลกกับคำว่ากตัญญูแน่… นอกจากนี้นางยังสามารถใช้เรื่องทั้งหมดเพื่อเรียกร้องบางสิ่งจากข้าได้ตามต้องการ เช่นนี้นางจึงไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเพราะมันไม่เกิดผลดีอะไรกับนางเลยแม้แต่น้อย!”
“แต่ในกรณีที่…”
“ไม่มีอะไรหรอก เจ้านี่โง่เหมือนกับหลินชวนฮวาหรือไงนะ? เหตุใดจึงพูดกล่าวไม่เข้าใจสักที!”
เฉินเถียนเถียนหลบหนีไปจนสุดทางก่อนจะเช็ดเหงื่อบนหน้าผากด้วยความตื่นตระหนกพร้อมกับบ่นพึมพำ “โอ้พระเจ้า! นายน้อยผู้นี้น่ากลัวยิ่ง หยุนเคอก็ลึกลับ แต่นายน้อยหลี่ก็ไม่ใช่คนที่จะจัดการได้โดยง่าย!”
ขณะที่กำลังนึกคิด เถียนเถียนก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาว่าเหตุใดนางจึงนึกถึงหยุนเค่อ? นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้พบเจอเขา?
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นางก็ตระหนักได้ว่าตนสามารถอ่านใจนายน้อยหลี่ได้ แต่สำหรับหยุนเคอ… ช่างยากเย็นนัก!
ไม่รู้เลยว่าหน้าตาของหยุนเคอตอนนี้เป็นเช่นไร หนวดเครายังคงรุงรังหรือไม่? เฉินเถียนเถียนคิดในขณะที่เดินกลับบ้าน! แม้ว่านางจะไม่อยากกลับแต่ตอนนี้ก็ไม่มีที่อื่นให้ไปแล้ว!
เด็กสาวก้มศีรษะและรีบเดินกลับบ้านไป ผู้คนรอบข้างมองดูนาง ไม่มีผู้ใดเห็นว่าใบหน้าของนางเป็นเช่นไร ดูเหมือนว่าวันนี้นางจะเศร้าโศกยิ่ง
คงต้องเป็นเช่นนั้นแน่เพราะบิดาผู้ให้กำเนิดถือว่าลูกสาวแท้ ๆ เป็นศัตรู ทั้งยังอยากให้นางโดนถ่วงน้ำ!
แต่ในความเป็นจริง เฉินเถียนเถียนไม่ได้รู้สึกเศร้าโศกแต่อย่างใด แม้ว่านางจะรู้สึกเศร้าเล็กน้อยในตอนที่เจอเหตุการณ์นี้ครั้งแรกแต่เสี่ยวเถาพูดถูก เขาไม่ใช่พ่อของนาง แล้วทำไมจะต้องเสียใจด้วย?
นางไม่รู้เลยว่าเฉินผิงอันเป็นใครในตอนนี้… แม้แต่ความเห็นอกเห็นใจจากชาวบ้าน เฉินเถียนเถียนก็ยังเลือกที่จะไม่สนใจ แม้จะรู้ว่าพวกเขาสงสารและเห็นใจ แต่ก็ไม่สามารถทำให้นางเอาชนะได้อยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นกลับถูกบังคับให้แต่งงานอีกด้วย!
ผู้คนในหมู่บ้านอยู่กันอย่างสงบสุข ปลอดภัย ท่ามกลางชื่อเสียงอันเสื่อมเสียของนาง ความเห็นอกเห็นใจที่มอบให้ นับว่าไร้ประโยชน์ บางคนก็เย่อหยิ่งและประสงค์ร้าย นินทาลับหลังและลอบกัด ซึ่งนางเห็นมันทะลุปรุโปร่งแล้ว!